บทที่ 6
ความบังเอิญ (2)
ในห้องนอนกว้างที่ถูกตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้สีหวานเหมาะกับเจ้าของเป็นที่สุด คนตัวเล็กนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเปิดเพลงฟังและแชตหาเพื่อนสนิทอย่างวาโยไปพลางๆ
ติ้ง!
เสียงแจ้งเตือนจากอีเมลทำให้มือเล็กกดคลิกเข้าไป ดวงตากลมจ้องมองกับข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามาใหม่ด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
"ขอแสดงความยินดี ยินดีอะไร" ร่างบางขมวดคิ้วยุ่งเมื่ออ่านเพียงบรรทัดแรกของข้อความที่ส่งเข้ามา สายตาค่อยๆ กวาดมองและอ่านไปจนครบทุกตัวอักษร
"คุณได้ผ่านการคัดเลือกเป็นนักเขียนของรี้ดกัน" เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเบาขณะที่สายตายังคงมองข้อความตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในความหมาย
ผ่านคัดเลือกอย่างนั้นเหรอ...
"ว่าไงนะ! ผ่านการคัดเลือก!" หญิงสาวเบิกตากว้างตกใจเมื่อลองทบทวนอ่านดูอีกครั้ง
ข้อความที่ส่งมาเป็นของความจากสำนักพิมพ์รี้ดกันที่เธอได้ส่งต้นฉบับเข้าไปเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ในวันนี้ทางบริษัทได้ส่งอีเมลตอบรับกลับมาหาเธออย่างไม่น่าเชื่อ
มือเล็กยกมือขึ้นจับใบหน้าตัวเองและหยิกที่แขนเพื่อทดสอบว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน!
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาและต่อสายตรงหน้าเพื่อนสนิทที่เพิ่งคุยแชตกันไปเมื่อครู่ เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่จนแทบนั่งไม่ติดกับเก้าอี้
"โย!!!" ทันทีที่รับสายเธอก็เอ่ยกับเพื่อนสนิทเสียงดัง
(โอ๊ย! เธอจะตะโกนทำไมเนี่ยไวน์)
"ฉัน...ฉัน...ฮือออ โย ฉันมีเรื่องจะบอก!"
(มีเรื่องร้อนใจอะไรไวน์ ทำไมถึงพิมพ์คุยกันไม่ได้ แปลว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่มากเลยใช่ไหม)
เสียงของวาโยเอ่ยถามไวน์เมื่อตัวเธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน ฟังจากน้ำเสียงก็พอจะรู้ได้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายจะเล่าฟังนั้นต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่นอน
"ฉัน...ฉันผ่านคัดเลือกการเขียนนักเขียนในรี้ดกันแล้วโย!!"
(ว่าไงนะ!!)
วาโยตอบกลับมาเสียงดังด้วยความตกใจพลันทำเอาคนที่ถือสายถึงกับมองที่โทรศัพท์ด้วยความแปลกใจ
"ทำไมเสียงของเธอดูตกใจขนาดนั้นเลยล่ะ ทำไมเหรอ"
(แปลว่าเธอจะได้เป็นนักเขียนที่บริษัทนั้นใช่ไหมไวน์ บริษัทอะไรนะ รี้ดกันใช่ไหม)
"ก็ใช่น่ะสิ ฉันดีใจสุดๆ เลยอะ แล้วก็กังวลด้วยไม่รู้ว่าแม่ฉันจะว่ายังไง" เธอยังไม่ได้บอกเรื่องการสมัครในครั้งนี้กับทางครอบครัว เนื่องจากแม่ของเธออยากให้เข้ามาช่วยดูแลธุรกิจที่บ้านมากกว่าการออกไปหาวานทำนอกบ้าน
(แล้วพี่แชมป์ล่ะรู้หรือยัง)
วาโยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเล็กน้อย
"ยังเลย หลังจากที่วางสายฉันว่าจะไปปรึกษาพี่แชมป์ดูอะ ว่าจะให้พี่แชมป์ช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่ให้" แชมเปญเป็นพี่ชายที่เข้าใจเธอเป็นที่สุด เพียงแค่เธอร้องขอและออดอ้อนนิดเดียวก็ทำให้คนเป็นพี่ชายโอนอ่อนได้แล้ว
(แปลว่าเธอจะยึดอาชีพนักเขียนที่บริษัทนั้นจริงๆ ใช่ไหมไวน์ เธอแน่ใจนะ)
"ก็แน่ใจสิ นี่มันเป็นความฝันของฉันเลยนะโย โอกาสมาแบบนี้ฉันจะไม่คว้าไว้ได้ยังไงล่ะ ว่าแต่...เธอมีอะไรหรือเปล่าโยทำไมเธอถามแปลกๆ"
(ปะ...เปล่าสักหน่อยฉันก็ถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้นแหละ ก็บริษัทนั้นอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ พ่อกับแม่เธอจะปล่อยให้ลูกสาวไปใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองกรุงได้ยังไงล่ะ ปกติพวกท่านหวงเธอจะตาย)
"อืม...ก็จริง ก็เพราะแบบนี้ไงฉันถึงต้องไปอ้อนให้พี่แชมป์ช่วยพูด ยังไงฉันก็จะไป ฉันจะไปให้ได้!"
ทั้งสองคนพูดคุยกันไปสักพักก่อนที่ไวน์จะวางสายไปในที่สุด เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อุปสรรคแรกที่กำลังกีดขวางไม่ใช่เรื่องงานแต่อย่างใดแต่มันเป็นเรื่องครอบครัวเธอมากกว่า หากเธอบอกไปตรงๆ พ่อและแม่ของเธอไม่ยอมให้ไปแน่ๆ
ร่างบางผุดลุกจากเก้าอี้และรีบวิ่งออกจากห้องนอนของตัวเองเพื่อตรงไปยังห้องฝั่งตรงข้ามซึ่งก็เป็นห้องนอนของพี่ชายเธอนั้นเอง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"พี่แชมป์! พี่แชมป์! นอนหรือยัง" เสียงหวานตะโกนเรียกคนเป็นพี่ชายพลางเคาะประตูอยู่หน้าห้องด้วยความร้อนรน
ไม่นานแชมเปญก็เปิดประตูออกมามองคนตัวเล็กด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย คนตัวโตขมวดคิ้วยุ่งมองหน้าน้องสาวที่มาเคาะประตูมารบกวนเวลาส่วนตัวของเขา
"มีอะไร นี่มันห้าทุ่มแล้วยัยไวน์" เสียงทุ้มเอ่ยพลางกอดอกมองน้องสาวอย่างเอาคำตอบ
"พี่แชมป์ ไวน์มีเรื่องจะบอก เรื่องสำคัญมาก สำคัญมากๆ แบบมากๆ เลยนะพี่แชมป์" หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับทำสายตาออดอ้อนให้กับแชมเปญเพื่อหวังว่าเขาจะเห็นใจ
แชมเปญผ่อนลมหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วเขาก็ต้องยอมให้กับน้องสาวตัวแสบคนนี้อีกตามเคย
"เห้อ มีอะไรก็รีบๆ พูดมา" แชมเปญเดินกลับเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง
เขาเหนื่อยกับงานไม่พอยังจะต้องมีฟังปัญหาของน้องสาวอีก เดิมทีการทำงานเป็นผู้บริหารในโรงงานผลิตไวน์ที่อายุเพียงยี่สิบห้าปีสำหรับแชมเปญมันก็เหนื่อยและกดดันมากพอแล้ว
"ไวน์ผ่านการคัดเลือกการเป็นนักเขียนที่บริษัทรี้ดกันแล้วนะพี่แชมป์" หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อนั่งลงที่โซฟาตัวยาวภายในห้องนอนของพี่ชาย
"หืม?" คนตัวโตถึงกับหันขวับมองไปยังน้องด้วยพลางขมวดคิ้วอย่างนึกแปลกใจ
"คือ...ไวน์ส่งนิยายร่วมประกวดที่บริษัทนั้นแล้วไวน์ก็ผ่านการคัดเลือกเป็นหนึ่งในสิบคนค่ะ"
"เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อนนะยัยไวน์" แชมเปญดันร่างกายให้ลุกขึ้นจากเตียง เขามองหน้าคนเป็นน้องสาวอย่างไม่เข้าใจเนื่องจากเขาไม่รับรู้เรื่องที่เธอพูดเลยสักนิด
"ไวน์ขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่แชมป์ก่อน ไวน์อยากให้พี่แชมป์ช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่ให้หน่อย ไวน์ไม่อยากเป็นเลขาของพี่แชมป์นี่คะ ไวน์อยากทำในสิ่งที่ไวน์ชอบ" เสียงเล็กเอ่ยอ้อมแอ้มพลางหลบสายตาลง
"ไม่ต้องเลยนะตัวแสบ ไม่บอกพี่ก่อนแถมยังให้พี่ช่วยเราอีกเหรอ" แชมเปญเท้าเอวมองน้องสาวที่เขาอยากจะดุแรงๆ เสียให้เข็ดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมักจะพ่ายแพ้กับสายตาหวานๆ ของเธอทุกครั้ง
"ก็ไวน์มีพี่ชายคนเดียวนี่คะ พี่แชมป์เป็นพี่ชายที่น่ารักที่สุดในโลก ถ้าไม่ให้ไวน์มาปรึกษาพี่แชมป์แล้วจะให้ไวน์ไปปรึกษาใครล่ะคะ"
"คำพูดมากมายความหมายเท่าเดิม ไม่ต้องมาอ้อนพี่เลยนะคุณนักเขียน" แชมเปญเดินไปโยกศีรษะเล็กของไวน์อย่างนึกหมั่นไส้ที่พอมีเรื่องให้ช่วยทีไรเขาจะเป็นคนแรกที่เธอจะเข้ามาออดอ้อนให้ช่วยเหลืออยู่ตลอด
"นะๆ นะคะพี่แชมป์ ช่วยพูดให้ไวน์หน่อยนะคะ เนี่ยเดี๋ยวไวน์ช่วยพี่แชมป์จีบหญิงให้เลย!"
"หืม! ยัยตัวแสบ" มือหนายีหัวของน้องสาวที่ยื่นข้อเสนอมาให้โดยไม่ดูตัวเองเอาเสียเลย
"อื้อ! หัวไวน์ยุ่งหมดแล้วเนี่ยพี่แชมป์"
"ก่อนจะช่วยพี่จีบสาวน่ะเอาตัวเราให้รอดก่อน เลิกคิดถึงไอ้ภพให้ได้ก่อนนะน้องสาวสุดที่รัก" แชมเปญรู้ดีว่าที่น้องสาวของเขายังเป็นโสดและไม่เปิดใจให้ใครมากว่าสามปีนั้นก็เป็นเพราะเธอยังคิดถึงแฟนเก่าอย่างพิภพมาตลอด
"พี่แชมป์! ไวน์โกรธจริงๆ ด้วยนะ! จะพูดถึงเขาทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะคิดถึงเลย"
"ไม่คิดถึงเล้ยยย ไม่คิดถึงเลยจริงจริ๊ง"
"ฮึ่ย! ไวน์ไม่คุยกับพี่แชมป์แล้ว!" หญิงสาวยู่หน้าใส่พี่ชายก่อนจะรีบเดินออกจากห้องด้วยความหงุดหงิดที่ถูกล้อไม่เลิก
เธอจะไปนึกถึงคนใจร้ายแบบนั้นได้ยังไง ไม่มีทางเสียหรอก!
อีกด้าน
ครืด...ครืด...
เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานดังขึ้นทำให้ใบหน้าหล่อเหลาละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันมองโทรศัพท์ข้างกายก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วมองด้วยความแปลกใจ
"ว่าไงโย" น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยทันทีที่รับสาย
(พี่ภพ! พี่รู้เรื่องไวน์แล้วใช่ไหม!)
เสียงจากปลายสายดังขึ้นจนต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหู พิภพรู้ดีว่าคนปลายสายร้อนรนและกังวลใจอยู่แล้วเดิมทีแต่ไม่คิดว่าจะโวยวายถึงขั้นนี้
"ที่สมัครเข้ามาที่บริษัทพี่น่ะเหรอ" คนตัวโตยกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก พลันเมื่อนึกถึงคนตัวเล็กที่ไม่ได้เจอกันหลายปีกลับทำให้คิดถึงภาพวันวานเก่าๆ มากมาย
(พี่รู้แล้วสินะ เห้อ...ถ้ายัยไวน์รู้ว่าพี่เป็นเจ้าของบริษัทมีหวังช็อกตายแน่ๆ แล้วนี่ผ่านคัดเลือกต้องเข้ากรุงเทพฯ อยู่ตัวคนเดียวไม่มีคนคอยปรึกษาอีก)
วาโยเอ่ยพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทุกครั้งที่มีปัญหาหรือว่ามีเรื่องหนักใจไวน์ก็มักจะโทรมาเล่าและขอคำปรึกษาจากเธอตลอด บางครั้งก็นัดเจอกันที่ร้านอาหารหรือไม่ก็ชวนไปดูหนังแก้เครียด แต่หากคุณหนูไวน์ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวใช้ชีวิตเพียงลำพัง หนำซ้ำยังต้องทำงานร่วมกับแฟนเก่าที่ทำให้เจ็บปวดอีกคนเป็นเพื่อนอย่างเธอก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
"ว่าไงนะ!? ผ่านการคัดเลือกงั้นเหรอ?" พิภพขมวดคิ้วยุ่งและถามย้ำกับคนปลายสายอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ
(ก็ใช่น่ะสิ เมื่อคืนทางบริษัทพี่เพิ่งส่งข้อความมาสดๆ ร้อนๆ)
"ไวน์ผ่านการคัดเลือกเหรอโย!" ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานด้วยความตกใจสุดขีดแต่ลึกๆ เขากลับดีใจอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินข่าวดีแบบนี้
สิ่งที่เขาหวังว่าจะได้พบเจอและหวนกลับหาเธออีกครั้งเป็นจริงแล้ว!
(อะไรเนี่ยพี่ภพ เป็นเจ้าของบริษัทประสาอะไรทำไมถึงไม่รู้ นี่พี่ยังไม่รู้เหรอว่าไวน์ผ่านการคัดเลือก)
"ก็ใช่น่ะสิ! ถ้าพี่รู้พี่จะถามเราไหม...อะไรวะเนี่ย!" มือหนาลูบใบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติเมื่อตอนนี้สติของพิภพล่องลอยจนกู่ไม่กลับ
(เอ้า โยก็นึกว่าที่ไวน์ผ่านคัดเลือกก็เพราะว่าพี่ภพเป็นคนเลือกเอง)
"จะบ้าเหรอ! ถึงพี่จะอยากเจอไวน์จริงๆ แต่เรื่องการรับคนเข้าทำงานพี่ก็ต้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นคนจัดการนะ"
พิภพไม่รับรู้เรื่องราวของผู้ที่ผ่านคัดเลือกเลยสักนิดเนื่องจากเขามอบหมายหน้าที่ให้คณะกรรมการภายในบริษัทเป็นคนจัดการทั้งหมด ถึงแม้ว่าพิภพจะอยากเจอกับไวน์จริงๆ แต่เรื่องการผ่านคัดเลือกจากการประกวดเขาเองก็อยากให้เธอเข้ามาด้วยความสามารถของเธอมากกว่า
(หืม! ฟ้าลิขิตชัดๆ เลยอะพี่ภพ!)
"เหลวไหลน่า เพื่อนเราเก่งต่างหาก" ร่างสูงยกยิ้มดีใจอยู่คนเดียว เขาได้แต่หวังขอให้เธอผ่านเข้ารอบและคำขอในใจของเขาก็เป็นสมหวังอย่างที่ว่าจริงๆ
(แหม รู้หรอกนะว่ายิ้มคนเดียวอยู่น่ะ)
วาโยพูดอย่างรู้ทัน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ตรงหน้าของพิภพแต่เธอก็รับรู้ว่าปลายสายนั้นกำลังดีใจมากแค่ไหน
(อย่าเพิ่งดีใจไปพี่ภพ ให้ยัยไวน์ผ่านด่านพี่ชายแล้วก็แม่ของยัยไวน์ได้ก่อนเถอะ พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าคุณหนูไวน์น่ะไม่เคยต้องใช้ชีวิตคนเดียว ไม่รู้จะอนุญาตหรือเปล่า)
"ถ้าโยบอกว่าฟ้าลิขิตไว้จริงๆ แม่ของไวน์ก็ต้องอนุญาตสิ" ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ พิภพเข้าใจในมุมของพ่อและแม่ของเธอดีว่าลูกสาวคนเล็กที่ไม่เคยออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพังจะสามารถดูแลตัวเองได้
หญิงสาวตัวเล็กๆ น่าทะนุถนอมดูพ่ายแพ้และโอนอ่อนให้กับทุกสิ่งบนโลกกลับต้องห่างบ้านห่างอกพ่อแม่มาทำงานโดยไม่มีคนรู้จักสักคนอยู่ข้างกายพลันทำให้พิภพเองก็นึกเป็นห่วงเธอเช่นกัน
เขาก็ได้แต่หวังขอให้พบเจอเธออีกครั้ง...
'พี่แชมป์มารับแล้ว ไวน์ขอตัวก่อนนะคะพี่ภพ ถ้าไวน์ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวไวน์จะโทรไปหานะคะ^^'
ภาพวันวานในอดีตย้อนหวนกลับมาเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานที่เพียงยิ้มบางๆ ก็ทำให้โลกสดใสขึ้นทันตา
'ก่อนจะกลับต้องทำไงก่อน' วงแขนแกร่งโอบเอวบางเอาไว้ทำให้ใบหน้าหวานแนบชิดที่อดแกร่งของเขา
'พะ พี่ภพ' คนตัวเล็กหลบสายตาลงด้วยความเขินอาย ในตอนนี้เธออยู่บนรถยนต์คันหรูของพิภพซึ่งฝั่งตรงข้ามของถนนมีรถของพี่ชายเธอจอดรออยู่
'ไม่อย่างนั้นพี่ไม่ให้กลับนะ'
'แล้วไวน์ต้องทำยังไงล่ะคะ' หญิงสาวเอ่ยถามเสียงแผ่วแม้ว่าในใจจะรู้ดีว่าพิภพต้องการสิ่งใด ทุกสัมผัสเธอมักจะทำให้หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาอยู่ตลอด
ไม่ว่ากี่ครั้งเธอก็ยังไม่ชินกับจูบของเขาสักที
'คิสก่อนไป' แขนแกร่งรั้งเอวบางพลันทำให้เธอแนบชิดกับร่างกายของเขามากยิ่งขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้ทำให้รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดแก้มใสจนคนตัวเล็กหน้าแดงซ่าน
หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรเธอเงยหน้าขึ้นก่อนจะทาบทับริมฝีปากเบาบางและหลับตาพริ้ม ทันทีที่รู้สึกถึงความหวานพิภพก็บดเบียดริมฝีปากก่อนจะส่งเรียวลิ้นเข้าไปกวาดชิมความหอมหวานจากโพรงปากนุ่มราวกับโหยหา
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะที่กระจกทำให้ทั้งสองคนต้องผละริมฝีปากออกจากกัน หญิงสาวที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าพวงแก้มใสออกสีแดงระเรื่อเขินอายเม้มปากแน่นเมื่อถูกขัดจังหวะจากคนเป็นพี่ชายที่เคาะกระจกฝั่งที่เธอนั่งอยู่
โชคดีที่กระจกรถของพิภพสีดำสนิทถูกออกแบบเพื่อความส่วนตัวโดยเฉพาะจึงไม่ต้องกังวลเรื่องคนภายนอกจะมองเห็นด้านในแต่อย่างใด
'โทษนะ จะให้รออีกนานไหม' แชมเปญกอดอกมองพิภพที่ลดกระจกลงมองหน้าเขาอย่างนึกหงุดหงิดในใจ หากไม่ถูกขัดจังหวะเขาคงได้ตักตวงความหวานจากคนตัวเล็กจนหายคิดถึงไปแล้ว
'ขะ ขอโทษคะพี่แชมป์' ร่างบางรีบปลดเข็มขัดออกและเปิดประตูลงจากรถไปยืนข้างคนเป็นพี่ชายทันที
'ถึงแล้วโทรมาด้วยนะหนูไวน์'
'ค่ะพี่ภพ หนูแชมป์กับหนูไวน์ไปก่อนนะคะ' แชมเปญเอ่ยแทรกและมองชายหนุ่มอย่างไม่จริงจังนัก ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายที่หวงแหนน้องสาวยิ่งกว่าอะไรแต่กับพิภพแล้วเขาไว้ใจและยินดีในการคบกันของทั้งสองคนเป็นอย่างมาก
'เสือกจริงๆ'
'พรุ่งนี้สี่โมงเย็นเตะบอลเวลาเดิม เพิ่มเติมคือพี่ไอ้โอมมาเตะด้วย' เสียงเข้มเอ่ยก่อนจะเดินจูงมือคนเป็นน้องสาวข้ามฝั่งไปยังรถยนต์คันหรูของตัวเอง
หญิงสาวหันกลับมามองคนตัวโตพลางยกยิ้มบางๆ เธอโบกมือลาพิภพเหมือนกับเด็กน้อยไม่มีผิดพลันทำให้คนที่แข็งกร้าวและเรียบเฉยอย่างเขาอดที่จะยิ้มตามเธอเสียไม่ได้
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เขายังจดจำและตราตรึงความทรงจำที่เกี่ยวกับเธอได้เป็นอย่างดี...