ตอนที่9

2811 คำ
ตอนที่ 9 หน่วยราชการลับ สภาพศพแห้งเหี่ยวหลงเหลือเพียงผิวหนังซีดขาวหุ้มกระดูก ดวงตาเบิกโพลงตื่นตกใจ ไร้ร่องรอยการต่อสู้ มีเพียงรอยคมเขี้ยวแหลมคมเสมือนสัตว์ป่ากัดบริเวณด้านข้างลำคอ เลือดแห้งเกรอะเปรอะเปื้อนซอกคอ บ่งบอกถึงความรีบเร่งในการลงมือสถาบันนิติเวชส่งหน่วยแพทย์ลับร่วมพิสูจน์หลักฐานร่วมมือกับหน่วยงานราชการลับของรัฐบาล ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการกับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ กลุ่มคนสองกลุ่มนี้คือหน่วยงานลับของรัฐบาล จัดตั้งขึ้นหลังทราบข้อมูลเผ่าพันธุ์แวมไพร์กระจายอำนาจมายังประเทศไทย เกือบ 60 ปีแล้วที่ไม่มีคดีอุจอาจเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์ลงมือทำร้ายมนุษย์ “ติดต่อผู้นำสองตระกูลว่านี่เป็นฝีมือของใครแล้วลงโทษซะ ผู้ใดฝ่าฝืนกฎไม่มีข้อละเว้น” ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีเศษ เตชิน ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ครับ” “เขียนลงไปในรายงานว่ามีสัตว์ป่าหลุดออกมาหากินแล้วทำร้ายชาวบ้าน ปกปิดร่องรอยแผลจากการดูดเลือดด้วยล่ะ นำเงินจากกองทุนมอบให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต อย่าให้ครอบครัวเขาเดือดร้อน” เตชินเบนหน้ามองผู้เคราะห์ร้ายรู้สึกอนาถใจ หากไม่มีพวกชั่วร้ายพวกนั่น เขาคนนั้นก็คงไม่มีจดจุบสุดแสนน่าเวทนา หลายสิบปีมานี้สองตระกูลแวมไพร์ลงนามพันธะเป็นพันธมิตรมนุษย์ สนับสนุนการเงินของรัฐบาล และหยุดเข่นฆ่ามนุษย์เพื่อเเย่งชิงเลือด แต่ทำไมสองสามวันมานี้เขาได้รับรายงานการแจ้งเหตุคดีฆาตกรรมผิดธรรมชาติเยอะเหลือเกิน “สองสามวันมานี้มึงได้ออกไปก่อเรื่องอะไรไว้รึเปล่า”ฟาร์อูลเอ่ยถามน้องชายฝาแฝดทันทีที่เห็นหน้า ฟาอูลที่พึ่งบินกลับจากเม็กซิโกเร่งด่วน หลังจากได้รับสายด่วนจากหน่วยราชการลับถึงเหตุการณ์ตึงเครียดที่ประเทศไทย “มึงถามกูแบบนี้หมายความว่าไง?” ราอูลเลิ่กลัก กลัวว่าพี่ชายฝาแฝดจะล่วงรู้ว่าเขาล่วงเกินดารินทร์ “สองสามวันมานี้มีมนุษย์เสียชีวิตหลายศพ สถาบันนิติเวชส่งหลักฐานชันสูตรมาให้ดูแต่ละศพเสียชีวิตจากการขาดเลือดรุนแรงผิดธรรมชาติ” ฟาร์อูลอธิบายให้น้องชายฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู กูไม่ได้เป็นคนทำ กูไม่ได้เหลือเวลาออกล่าแย่งเลือดจากมนุษย์พวกนั้นหรอกนะ” “พวกลูกน้องของมึงล่ะ?” ฟาร์อูลเลิกคิ้วเอ่ยถามอีกรอบเพื่อความแน่ใจ “ไม่มีอะไรผิดปกติ คลังเลือดของเราพวกมันก็สามารถไปเบิกออกมาได้ตลอด เราไม่เคยเลี้ยงให้พวกมันอดอยากปากแห้ง ไม่มีทางที่จะเป็นคนของตระกูลเราแน่” ราอูลมั่นอกมั่นใจ เขาเชื่อว่าลูกน้องของเขาไม่มีทางทำเช่นนั้น กฎของตระกูลนั้นเคร่งครัด ทุกคนในตระกูลเป็นอันรู้กันว่านายใหญ่ของตระกูลนั้น ยามลงโทษไม่มีแม้ว่าคำว่าปรานี “ตอนนี้พวกตระกูลเอเธอนอลโบ้ยความผิดมาทางเรา ไม่นานหน่วยราชการลับคงจะปรากฎตัวสืบเบาะแส” “ไอ้ตระกูลขี้ขลาดชอบแว้งกัด...” ราอูลยกยิ้ม ไม่ผิดคาดคนตระกูลนี้สันดานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เอาแต่กลัวมุดหัวอยู่ในรู ปล่อยให้พวกเขารับหน้าอยู่ฝ่ายเดียว เกิดมาเสียชื่อเปล่าๆ “คนของรัฐบาลปรากฎตัวเมื่อไหร่ ส่งดารินทร์ไปช่วยพวกนั้นละกัน อย่างน้อยก็แสดงความบริสุทธิ์ใจของพวกเรา” “ทำไมต้องเป็นยัยนั่น” ราอูลขัดใจกับคำพูดของฝ่ายตรงข้าม ทว่ารักษาท่าที “น้องเคยเป็นมนุษย์ย่อมรู้จักวิธีประนีประนอม ขืนส่งมึงไปมีแต่เสียกับเสีย ดารินทร์น่ะรู้จักพูดสร้างสัมพันธ์ไม่ตรีต่างจากมึง พูดจาหมาไม่แดก” ฟาร์อูลกระแทกเสียง ส่ายหน้าเล็กน้อย เขาเอือมระอากับน้องชายฝาแฝดผู้นี้ยิ่งนัก ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงราวกับคนเดียวกัน นิสัยกลับแตกต่างกันสิ้นเชิง “มึงก็ไม่ต่างอะไรกับกูหรอกนะไอ้ฟาร์อูล อย่ามาทำตัวเป็นพ่อพระหน่อยเลย ถ้ามึงเก่งจริงไม่ไปทำเองล่ะจะส่งยัยนั่นไปทำไม” “ก็เพราะปากกูพอๆกับมึงไง ถึงด่ากับมึงได้” “ดารินทร์อยู่ไหนอาหลิน“ พี่ชายฝาแฝดถามหญิงสาวคนสนิทของดารินทร์ “ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” ‘ยัยเลือดผสมนี่ก็ถึกดีรบกับเขาจนเกือบเช้ายังมีแรงออกไปทำงาน’ เขาคิด “อืม...เธอกลับมาให้ตามไปพบฉันที่ห้องทำงานด้วยละกัน ส่วนมึงไอ้ราอูลมึงเลิกรังแกดารินทร์ได้แล้วถึงน้องจะไม่ฟ้องแต่กูรู้จักสันดานมึงดี” ฟาร์อูลชี้หน้าคาดโทษเขา “......” ราอูลเงียบ เขาหยักไหล่ทำไม่รู้ไม่ชี้กับประโยคเมื่อครู่ เขาเปล่ารังแกเธอเสียหน่อย เมื่อวานเธอเป็นฝ่ายลงมือรังแกเขาก่อนต่างหาก นึกได้ดังนั้นจึงยันกายลุกขึ้นเดินออกไปเร่งรีบ “นายน้อยจะไปไหนครับเดี๋ยวผมขับรถให้” จามัวร์ลูกน้องคนสนิทยืนรอด้านนอกเอ่ยทัก “......” มือสากยกสะบัดหนึ่งหน บอกเป็นนัยว่าไม่ต้องการ รถยนต์หรูทะยานออกตัวมุ่งหน้าไปยังบริษัทใจกลางเมืองสถานที่ทำงานของเขาและดารินทร์ พนักงานหลบสายตาทันทีที่เห็นเขาเดินย่างก้าวเข้ามาภายในบริษัท ชื่อเสียงเลื่องลือในความเนี๊ยบและดุ ทำให้พนักงานภายในบริษัทต่างอกสั่นขวัญแขวนยามที่ได้พบหน้า “ดารินทร์อยู่ไหน?” ประโยคนี้หลุดออกมาจากปากเขาแล้วมันดูทะแม่งชอบกล ปกติเขามักจะได้ยินประโยคคำถามประโยคนี้จากปากไอ้ฟาร์อูลซะมากกว่า “คุณดารินทร์อยู่ในห้องทำงานค่ะ” พนักงานประชาสัมพันธ์ก้มหน้าตอบด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ไม่กล้าสบตา “ขอบคุณ” ราอูลลอบมองหญิงสาวที่กำลังขะมักเขม้นกับการเซ็นเอกสารอนุมัติงบประมาณ สีหน้าจริงจัง เอาการเอางานของเธอในตอนนี้รู้สึกน่ารักอย่างไรบอกไม่ถูก ห้ะ! นะ...น่ารักอย่างนั้นหรอ... อย่าบ้าน่าไอ้ราอูล... มึงบ้าไปแล้วหรอ... อย่างยัยเลือดผสมน่ะหรอ.. ชายหนุ่มสลัดความคิดที่ก่อตัวปั่นป่วนสมาธิของเขา มือหนาเอื้อมบิดลูกบิดประตูเปิดออกอย่างถือวิสาสะ หญิงสาวงามเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารจ้องมองมา สีหน้างุนงงปรากฎขึ้นก่อนจะเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นายน้อยมีอะไรรึเปล่าคะ?” ตาบ้านี่จะมาก่อกวนอะไรเธออีกแล้ว... “ทำไมต้องมีอะไรด้วยล่ะ แล้วชุดทำงานของเธอมันไม่รัดติ้วไปหน่อยหรอ...” ราอูลล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเข้ามา สายตาจ้องมองชุดทำงานของเธอ เสื้อเชิ้ตสีขาวคอวี กระดุมแทบปริ น่าสงสารเสื้อของเธอยิ่งนักคงจะต้องปิดปังเรือนร่างเนื้อนมไข่จนแน่นเปรี้ยะ “ใหญ่กว่านี้คงเป็นเดรสกระโปรงแล้วล่ะคะ” เธอตอบตามความจริง เสื้อตัวที่เธอเลือกก็ใหญ่พอแล้ว หากแต่มันคับแน่นช่วงทรวงอกก็เท่านั้นเอง “อึดอัดน่าดูช่วยถอดไหม...” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยหยอกเย้าหญิงสาว ไม่รู้ทำไมพอตื่นมาไม่เจอเธอข้างกาย เขาก็รู้สึกฉุนเฉียวเป็นพิเศษ ชายหนุ่มร่างกำยำย่างก้าวมาหยุดข้างเก้าอี้ทำงานหนังสีดำของเธอ ท่อนแขนเเกร่งหมุนเก้าอี้ทำงานให้หันมาทางเขา ราอูลวางมือสองข้างลงบนพนักพิงแขนเก้าอี้ทำงานของเธอพร้อมก้มโค้งใบหน้าสากแนบชิดพวงแก้มสีชมพูระเรื่อ กักขังร่างเล็กให้อยู่ภายใต้อาญัติ ดารินทร์ทำตัวไม่ถูกพลันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่เธอเป็นฝ่ายเดินเกมส์ เธออับอายจนไม่กล้าสู้หน้า ลมหายใจติดขัด “นี่เวลางานค่ะนายน้อย” “เวลางานแล้วอย่างไร ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น” “นายน้อยคะไม่เหมาะค่ะ พนักงานเยอะแยะนะคะ ขืนใครมาเห็นเข้า...” เธอละล่ำละลักก้มหน้าพูด ร่างสูงเบียดเสียดแนบชิดร่างเล็กจนแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งอันเดียวกัน “ทำไมหายเมาแล้วไม่กล้าเหมือนเมื่อวานล่ะ ฉันชอบเธอเวอร์ชั่นนั้นมากนะ เป็นงานไวเหมือนกัน” ราอูลยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาเอ่ยย้ำเหตุการณ์เมื่อวานอีกครั้ง ว่ามันถึงพริกถึงขิงแค่ไหน ทำเอาเขาติดอกติดใจเสียยกใหญ่ “......” ดารินทร์หน้าเสีย เขาช่างหน้าด้านหน้าทนเสียจริง ปากพร่ำบอกว่ารังเกียจพวกเลือดผสมอย่างเธอนักหนา ตอนนี้กลับมาหาเศษหาเลยกับเธอราวกับคนอดอยากปากแห้ง มือหนาสาละวนลูบไล้พวงแก้มป่องแต่งเติมเครื่องสำอางสีสวย ปากอวบอิ่มขมุบขมิบบ่นให้กับการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างถือวิสาสะ “อย่าก่อกวนในเวลางานได้ไหมคะนายน้อย ฉันต้องใช้สมาธิในการทำงานนะคะ” “ทำไมจะวิ่งโล่ไปฟ้องไอ้ฟาร์อูลหรอว่าฉันรังแกเธอ อย่ามาเล่นตัวกับฉัน ฉันลดตัวลงไปนอนกับเธอควรจะดีใจนะ” มือสากเชยคางกลมอย่างแรงจนหน้าเธอสะบัด มือสากลงแรงจนเธอหน้านิ่วเล็กน้อย ลดตัวอย่างนั้นหรอ! หึ... เธอชักจะโมโหแล้วนะ! “ถ้างั้นก็ไปหากินกับพวกผู้หญิงของนายน้อยสิคะ ถ้าต้องใช้ความรู้สึกกรุณาฉันขนาดนั้น” เธอทนฟังคำดูถูกพูดจาถากถางของเขาไม่ไหวจึงตอบโต้ “ส่วนเธอก็จะวิ่งแจ้นไปยั่วไอ้โจชัวต่อสินะ” “ถ้าใช่แล้วจะทำไมหรอคะนายน้อย... ถ้าอยากมากนักฉันก็มีข้อเสนอให้นายน้อยนะคะจูบตรงนี้สิคะ” หญิงสาวกรีดยิ้มเย็นสุขุมส่งมอบให้เขา เท้าเรียวสวมส้นสูงปลายแหลมยื่นออกมาให้ชายหนุ่ม จูบเท้าฉันสิ!แล้วฉันจะให้ ชอบยัดเยียดบทผู้หญิงใจง่ายให้เธอมากนัก หึ... “ดารินทร์!” “ขานายน้อย...” หญิงสาวจงใจยั่วโมโหชายหนุ่มที่บัดนี้หน้าแดงก่ำเลือดขึ้นหน้า แผ่รังสีอำมหิตข่มขู่เธอให้อกสั่นขวัญแขวน “อย่าคิดว่ามีอะไรกับฉันแล้วจะทำให้เธอเหิมเกริมเล่นหัวฉันได้” “แต่เมื่อวานดารินทร์ก็เล่น หัว นายน้อยอยู่หลายที ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่คะ” หญิงสาวเน้นประโยคนั้นอย่างจงใจ เธอเริ่มรู้แล้วว่าจะต้องรับมือกับเขาเช่นไร หากเขาแรงมาเธอแรงตอบ เขายิ่งรู้สึกท้าทายและยอมเบาลงเพื่อรอดูท่าทีของเธอ ดูจากสถานการณ์ที่ยอมถ่อมาหาเธอถึงบริษัท คงจะลุ่มหลงเธอไม่มากก็น้อย ปกติแม้แต่หน้าของเธอยังไม่อยากจะมองอีกทั้งใช้งานเธอราวกับสาวใช้ประจำบ้าน “จงใจยั่วโมโหให้ฉันเป็นประสาทใช่ไหม...” ราอูลเลื่อนมือหนาลงมาบีบลำคอขาวผ่องแทน เขาลงน้ำหนักตามอารมณ์บูดบึ้ง ก็เป็นอยู่ไม่ใช่หรอ เธอคิด “ดารินทร์ไม่กล้าค่ะ” “ขนาดไม่กล้ายังไปยั่วไอ้โจชัวถึงที่ ถ้าฉันไปช้าอีกนิด เธอก็คงจะแหวกขาให้ไอ้นั้นแล้วน่ะสิ ทั้งๆที่วันก่อนยังนอนกับฉันอยู่แท้ๆ” น้ำเสียงเย้ยหยันดูถูกหลุดออกมา เพี้ยะ! ฝ่ามือเล็กฟาดลงบนแก้มสากสุดแรงจนเขาหน้าหันตามแรงสะบัด ชายหนุ่มชะงักอึ้ง ก่อนที่มือเล็กจะกระชากคอเสื้อเชิ้ตให้ก้มโค้งลงมา ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนถูกดูดดุนจากปากเล็กที่กำลังคลอเคลีย พะเน้าพะนอเอาใจไม่ห่าง ชายหนุ่มตอบรับจุมพิตนั้นอย่างง่ายดาย เสมือนว่าบทสนทนาสุดร้ายกาจที่เธอตอบโต้เขาเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น แค่เพียงเธอเสนอบทรักสวาทสุดร้อนแรงตอบแทน เขาแทบจะลืมทุกสิ่งอย่างเสียหมดสิ้น เขาในตอนนี้เหมือนเด็กเอาแต่ใจพอได้สิ่งที่ต้องการแล้วกลับดีใจจนเนื้อเต้น ดารินทร์เธอช่างจูงจมูกฉันได้อย่างง่ายดาย... ใจหนึ่งก็อยากจะปฏิเสธสัมผัสจากเธอ... ทว่าอีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะไม่ได้แตะต้องเรือนร่างของเธอ จำต้องคว้าโอกาสอันน้อยนิดเติมเต็มความสุข... “เธอรู้สินะว่าจะต้องจัดการฉันยังไง ร้ายนักนะ” เขาพึมพำน้ำเสียงแหบพร่า บทรักร้อนแรงที่เธอพึ่งจะจุดประกายสุดเเสนเย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์ ไม่เคยมีใครทำได้อย่างเธอ ดารินทร์จับจุดอ่อนของเขาได้ว่าทำเช่นไรจึงจะปราบพยศของเขาได้... “ไม่อย่างนั้นดารินทร์ก็คงตายด้วยน้ำมือนายน้อยสิคะ คนหัวรุนแรงแบบนายน้อยชอบแบบนี้ไม่ใช่หรอคะ...” เธอช้อนดวงตากลมโตมองชายหนุ่มที่เริ่มควบคุมอารมณ์ปรารถนาแห่งไฟราคะอันร้อนลุ่มไม่ได้แล้ว “เธอเป็นของฉันดารินทร์ ของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าเธอกล้าให้ใครมาทับซ้ำรอยฉัน ฉันสาบานว่าทั้งเธอกับมันต้องตายด้วยน้ำมือฉัน” ราอูลพร่ำบอกอย่างคนไร้สติ ปากหนาพรมจูบเรือนร่างอวบอิ่มผ่านปราการเสื้อผ้าอย่างหลงใหล ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาเขาย่อมเห็นว่าหญิงสาวสวยแบบหาจับตัวยาก มนุษย์สาว แวมไพร์สาวที่เขาเคยคั่วยังไม่ถึงครึ่งของเธอ เพียงแต่ความเกียจชังมันบดบังความสวยสะคราญของเธอเสียหมด จนกระทั่งตอนนี้เขาถึงได้รับรู้ว่าเขาตกเป็นเหยื่อในความเย้ายวนของเธอเสียราบคาบ “คิดว่าดารินทร์จะให้ใครมาทับรอยนายน้อยง่ายดายเพียงนั้นหรือคะ...” นิ้วเรียวกรีดกรุยกรายสัมผัสตรงกลางหว่างขาของชายหนุ่มผ่านกางเกงแสล็คสีดำ แก่นกายตัวเขื่องดิ้นตุบ เรียกร้องให้ผู้เป็นเจ้าของปลดปล่อยมันเสียที “หึ...” ราอูลแค่นยิ้มอย่างพึงใจ เมื่อได้ยินประโยคเอาใจแสนหวานจากหญิงสาว ร่างเล็กอวบอิ่มออดอ้อนยั่วเย้าชายหนุ่มหวานทีสลับรุนเเรงเร่าร้อน ความรู้สึกไม่ซ้ำจำเจ สองร่างกอดรัดแนบแน่น ลิ้นหนากว้านหาความหวานภายในโพลงปากเล็กแนบแน่น ไม่เว้นช่วงให้หายใจ “อืมม...” “......” กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดสามสี่เม็ด มือหนาเอื้อมไปปลดตะขอชุดชั้นในรวดเร็ว ทรวงอกอวบอิ่มขยำเต้าอวบเต็มแรง ยอดดอกบัวสีชมพูระเรื่อเต่งตึงสู้มือ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูฉุดหญิงสาวให้ชะงักนิ่ง มือเล็กผลักอกแกร่งให้ห่างกาย ดูท่าร่างสูงที่กำลังดื่มด่ำเก็บเกี่ยวความสุขจากเรือนร่างเธอจะไม่ยอมหงุดง่าย ริมฝีปากร้อนไล่ลงครอบครองยอดดอกบัวจากเต้าอวบพลางครางงึมงำ “คุณดารินทร์ค่ะมีคนมาขอพบค่ะ” เลขาสาววัยกลางคนเผ่าพันธุ์แวมไพร์เฉกเช่นเดียวกันเอ่ยบอกนอกประตู “ครางออกมาสิให้เธอได้ยิน” ราอูลเอ่ยเย้าแหย่หญิงสาว “อ๊ะ! นายน้อยคะ...” “คะ...ใครหรอคะ” ดารินทร์เปล่งเสียงตอบกลับอย่างยากลำบาก ชายหนุ่มเล่นขบเม้มเต้าอวบเมามันส์ ไม่สนใจเสียงด้านนอก ในใจฮึดฮัดขัดใจ ใครช่างกล้ามาขัดจังหวะเขา “คุณเตชินค่ะ เป็นคนของรัฐบาลส่งมาสืบสวนคดีฆาตกรรมค่ะ” “......” ร่างเล็กนิ่งเงียบ “ฉันจะฆ่ามัน...” ราอูลกัดฟันกรอดยอมผละออกมาจากทรวงอกอวบอิ่มอย่างรู้สึกเสียดาย ไอ้พวกนี้เหมือนเห็บหมัดคอยไต่ให้เขารู้สึกรำคาญใจยิ่งนัก “บอกเขาว่ารอสักครู่นะคะ” “ค่ะคุณดารินทร์” “ใจเย็นก่อนนะคะ” ริมฝีปากเล็กกดลงบนปากหนาอีกครั้ง หวังให้เขาใจเย็นลงอีกหน่อย ทว่าใบหน้าสากกลับซุกดูดดุนโลมเลียเต้าอวบขาวอีกครั้ง ทำเอาเธอสะดุ้งเฮือกด้วยสัมผัสวาบหวาม “ขออีกทีละกันนะอดใจไม่ไหว...” “มีคนรออยู่นะคะ อย่าดื้อสิคะ” ดารินทร์พูดเสียงหวาน มือเล็กผลักไหล่กว้างให้ออกห่าง สถานกาาณ์ตอนนี้วาบหวิวยิ่งนัก หากใครเข้ามาเห็นเธอคงไม่มีหน้ามาทำงานที่นี่ต่อ “ก็ได้” ราอูลรับคำง่ายดาย เขาเองก็อยากจะรู้ว่าไอ้หมอนี่มันมาหาดารินทร์ทำไม ไอ้ฟาร์อูลพึ่งรายงานเรื่องนี้ตอนเช้าตกเย็นมาก็ถ่อมาหาเธอถึงที่นี่ รวดเร็วทันใจดีเสียเหลือเกิน “น่ารักมากค่ะ” “เธอว่าไงนะ” ราอูลแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “บอกว่าน่ารักมากค่ะ” “อืม...แต่งตัวให้เรียบร้อย” “ค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม