chapter03 when we meet again

2582 คำ
หลังจากนั้นผมก็หลับยาวเป็นตาย ตื่นขึ้นมาอีกทีบ่ายโมงพอดี ผมเข้าห้องน้ำชะล้างร่างกาย ยอมรับว่าครั้งแรก ผมแทบก้าวขาลงจากเตียงไม่ไหว มันปวดระบมไปทั้งเอว แถมนั่งแทบจะไม่ได้ พระเจ้า! ทำไมหลังมีความสุข มันถึงทรมานขนาดนี้ ก้นผมปวดตุบๆ ยังร้อนวูบวาบตลอดเลย ผมสำรวจร่างกายตัวเองในห้องน้ำ สิ่งที่เหลือหลักฐานจากเมื่อคืนคือร่องรอยซ้ำสีกุหลาบที่เต็มไปทั้งคอและหน้าอก ที่ยืนยันว่าผมไม่ได้ละเมอแต่อย่างใด รวมไปถึงของเหลว ที่จอมทัพใส่ไว้ในตัวผม มันไหลเอ่อออกมาตอนที่ผมนั่งชักโครก ผมได้แต่นึกว่าตอนนี้ตัวเขากำลังอยู่ที่ไหน แล้วคำที่เขาพูดกับผมก็ดังขึ้นในหัว เขาจะกลับมาตอนเย็น ใช่ครับ ตั้งแต่เขาลุกจากเตียงไป ก็ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้ใจของผมลุกกตามเขาไปด้วย ไม่แน่เย็นนี้ผมอาจจะได้เจอเขาอีกก็ได้ นึกขึ้นได้ผมก็ยิ้มออก แล้วก็เฝ้าพินิจมองรอยซ้ำ ที่เขาเป็นคนทิ้งไว้อย่างภูมิใจ ให้ตายเถอะ! ผมจำเป็นต้องภูมิใจในตัวเองขนาดนี้ไหมที่เสียตัวครั้งแรกเนี่ย แม่รู้คงไล่ผมออกจากวงตระกูล แต่ขอกระซิบกับตัวเองว่าหัวใจผมเต้นแรงเป็นบ้า ผมอาบน้ำเปลี่ยนชุดสบายๆ ต้องสบายสำหรับก้นด้วย ผมเลยสวมแค่อันเดอร์แวร์ กับชุดนอนสีขาวตัวยาวที่คลุมเลยมาเกือบถึงหัวเข่า กะว่าวันนี้คงจะไม่ได้ออกไปไหน แล้วก็จะนอนตีพุงมันยาวๆ ในห้องนี่แหละ แต่พออยู่เงียบๆ ทีไร ก็อดนึกถึงจอมทัพไม่ได้ เขาจะเป็นไงนะ จะนึกถึงผม เหมือนผมนึกถึงเขาไหมนะ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงนึกถึงเขาบ่อยๆ ผมเคยได้ยินว่าความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์บางคนเขาไม่จำด้วยซ้ำ ผมทำผิดกติกาตรงไหน ทำไมเผลอคิดถึงเขาบ่อยๆ ผมนอนเพ้อเจ้อไปมาเรื่อยๆ จนถึงบ่ายสองโมงครึ่ง เสียงกดออดประตูห้องก็ดังขึ้น หรือเขากลับมาจริงๆ? ผมรีบลุกไปเปิดประตูหน้าตาระรื่น แทบหูบยิ้มไม่ทัน "อี่ขอบฟ้า...มึงตายหรือยัง " เสียงหวี๊ดว๊าย ของเพื่อนทรพีของผมสวนเข้าห้องมาทันที อีอาชิมันรีบตะโกนใส่หน้าผม มันน่าไหม โผล่มาเอาป่านนี้ ที่นี่ทำมาห่วงกู พวกเพื่อนบ้า "กูปลอดภัยดี..เห็นไหมยังครบทุกส่วน " ผมตอบแบบหมั่นไส้ "พวกกูขอโทษที่เพิ่งมาดูมึง ที่จริงพวกกูกะว่าจะมานอนกับมึงหลังจากงานเลี้ยงนะ แต่ว่าพวกกูเมามาก ขอโทษนะอีขอบ!! " เกือบซึ้ง ที่อี่เจแอนมันขอโทษขอโพย ผมก็เลยบอกมาไม่เป็นไรช่างเถอะ! ถ้าพวกมึงมาเรื่องเมื่อคืนมันคงจะไม่เกิดขึ้น เพราะงั้นก็จะโทษพวกมึงได้ไง "กูยกโทษให้ จะยกประโยชน์ให้จำเลยก็แล้วกัน " ผมไม่โกรธ และไม่ได้ถือสา แต่ถ้าเป็น ช่วงเวลาอื่นไม่แน่ผมอาจจะงอนพวกมันสักสามวันโทษฐานที่ทิ้งผม เพราะเห็นแก่เที่ยว แต่เพราะเมื่อคืนคือเมื่อคืน! ที่ผมได้เจอกับจอมทัพ ผมจะคิดสะว่าเพราะพวกมันผลักหรอกถึงได้เจอกับเขา เลยจะเฉยไปสักครั้ง "ทำไมมึงไม่โกรธเลยวะ ...มึงปกติดีไหมเนี่ย? "อาชิรีบเอามือมาอังหน้าผากผมท่าทางลนลานกวนประสาท "กูสบายดี...มึงดิ เล่นใหญ่เกินเบอร์ไปนะ" "ก็กูเห็นทุกครั้งมึงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทำไมครั้งนี้มึงหายโกรธพวกกูง่ายจังวะ" ไม่วายอีนังอาชิสงสัย และถูกสมทบอีกแรงจากเจแอน "มึงไปโดนตัวไหนมาหะ ..ใจดีผิดปกติ ไม่งอนพวกกูแล้ว " "อือไม่งอน! ..ก็โดนตัวใหญ่มาใหญ่มากด้วย กูเพิ่งลุกได้! " ผมตอบไปแบบขัดๆ ท่าทางเขินๆ จนพวกมันเริ่มจะตกใจ ก่อนที่อาชิจะอุทานออกมาเหมือนว่าแผ่นดินไหวในสายตามัน "อีเชี่ย!!! รอยที่คอมึง! อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนมึง...." นางรีบเปิดคอผมดูและมันก็เป็นหลักฐานชั้นดีจนผมปฏิเสธไม่ออก "เออ..เมื่อคืนกู...โดนของใหญ่แหละ " "ห้ะ!!! หนุ่มแท็กซี่คนนั้นน่ะเหรอ...อี่ห่าลากมึงสุดติ่งมาก"เพื่อนทั้งสองของผมถึงกับอ้าปากหวอ เมื่อได้ยินว่าคนที่ผมหิ้วมาด้วยคือหนุ่มขับแท็กซี่ที่พวกนางกุลีกุจอยัดผมขึ้นรถเขา "แล้วเป็นไงวะ เด็ดปะะ! " “โคตรเด็ด!!” “ซี้ดดดดดด” อาชิทำปากตาม ดูมันแทนที่จะห่วงผม กลับพากันถามอย่างตื่นเต้น และผมก็ตอบไป แบบไม่กักว่า เป็นครั้งแรกที่สุดมาก เด็ดสุดคือหุ่นจอมทัพ น่าขย้ำมากๆ ผมว่างี้พวกนางตาลุกวาว "งั้นมึงต้องขอบคุณพวกกู ที่ทำให้มึงกระโดดลงจากแท่นบูชาพรหมจรรย์ได้สักที" ได้ทีล่ะเอาใหญ่เพื่อนผม "กูจะยกประโยชน์ให้จำเลยสักครั้ง เอาเป็นว่าถ้าครั้งหน้ามี...พวกมึงตาย! " ผมว่าให้พวกนางแต่ก็ไม่ได้โกรธจริงจัง จากนั้นพวกเราก็นั่งเม้ามอยกันไปเรื่อย พวกนางชวนผมไปเที่ยวต่างจังหวัด แต่ผมตั้งใจไว้ว่าจะไปเยี่ยมพ่อแม่ในช่วงปีใหม่นี้เลยปฏิเสธนางไป "ก็อาจจะกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่สักสี่ห้าวัน พวกมึงไปกับกูปะ " "อือ! ไป ไปรับอากาศบริสุทธิ์สักหน่อยก็ดี นี่กูสูดกลิ่นควันรถกรุงเทพฯ มาทั้งปีล่ะ! ...แล้วมึงจะไปวันไหนขอบฟ้า! "เจแอนผู้มีความสนใจในป่าเขารีบถาม "กูว่าไปเคาท์ดาวน์ที่ราชรีกับแม่ แล้วค่อยกลับมานอนตีพุงที่กรุงเทพฯ หรือถ้าไม่อยากกลับก็นอนตีพุงที่บ้านกูแทนดีไหม " บ้านสวนมะม่วงของพ่อกับแม่น่าอยู่สุดๆ ผมคิดถึงมากๆ ดีด้วยที่จะได้กลับไปเคาท์ดาวน์กับท่านด้วย "โหยยยมึง!!! กูอยากไปเคาท์ที่เซ็นเวิลด์ ปีที่แล้วเราก็ไปผู้งานดีมากเว่อร์! " อาชิทำหน้าหงอย เพราะนางไม่ประสงค์จะร่วมชะตากรรมอันปราศจากผู้ได้ "กูคิดถึงแม่ กูคิดถึงน้ำพริกปลาทูฝีมือแม่กู ไม่รู้แหละถ้ามึงไม่ไปด้วยกูเท! " "เทโปรแกรมกลับบ้านปะ! "นางอาชิตาลุกวาว! ผมเลยดับฝันนางอีกรอบ "เทมึงอี่ชิ!! ..เรื่องผู้เอาไว้ก่อน ตอนนี้กูจะแพ็คกระเป๋าโกโฮม! " แล้วทั้งสองคนนั่งตาเขียวใส่กัน ด้วยว่า เจแอนอยากไปเพราะนางชอบป่าเขา ส่วนนังอาชิ นางชอบผู้ เลยอยากอยู่ที่กรุงเทพฯ ต่อ "ทำเป็นมาพูดเรื่องผู้เอาไว้ก่อน ก็ใช่ซี มึงกินตับกันยันเช้านี่..คงจะอิ่มไปอีกยาว แล้วถามจริงมึงกับเขาคิดจะติดต่อกันอีกไหม " พอนึกได้อาชิถามขึ้น เกี่ยวกับจอมทัพ ผมใจตกลงไปตาตุ่ม มันทำให้ผมมวนท้องมวนไส้ปั่นป่วน "ไม่รู้...กูไม่ได้คุยกับเขา! " "เอ้าไหงมึงบอก ว่าค่อนข้างคุยกันง่าย ทำไมไม่ลองขอเบอร์เขาอะ" "ตอนนั้นกูลืม..เอาจริงก็ไม่สำคัญเปล่าวะ " ผมกับอาชิค่อนข้างจะย้อนแย่ง คิดว่าวันไนท์สแตนด์ เขาไม่สานสัมพันธ์กันต่อ หรือบางทีมันก็อยู่ที่ตัวเขา ผมคิดว่าไม่ถามจะดีกว่า ในเมื่อเขาก็รู้นี่ ห้องผมอยู่ที่นี่ แต่เอาเข้าจริงๆ ความสัมพันธ์แบบนี้ ความเป็นไปได้ที่จะสานต่อมันเป็นศูนย์ "มึงก็เป็นสะแบบนี้อี่โลกสวย! "เอ้าอี่นี่!! มาว่ากูเฉย "แต่เขาบอกกูว่าเย็นนี้จะมาอีกนะ! "ผมบอกพวกนางไป นี่ก็เล่นเอาพวกนางกรี๊ดอีกระลอกใหญ่ "เขาติดใจมึง เขาต้องหลงมึงแน่ๆ "เจแอนยิ่งเล่นใหญ่ ยกหางผมสะสูงลิ่ว ผมไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นแต่มัน คำนวณผลลัพธ์เรียบร้อยแล้ว "กูก็ไม่รู้...บางทีเขาอาจจะพูดไปงั้นก็ได้นะ จะบ้าเรอะ! ถ้าเป็นกู กูก็อาจจะไม่มา" "ทำไม มึงคิดงั้นอะ! "เจแอนถาม "เขาเพิ่งแค่23ปีโลกของเขามันเพิ่งโตเองนะมึง มีเวลาเล่น กินเที่ยว ทำอะไรใหม่อีกเยอะ และกะอี่แค่วันไนท์..กูว่าหน้าตาแบบเขาหาได้สบายๆ เขาจะมาสานสัมพันธ์ให้เป็นพันธะทำไม " ผมคิดแบบนั้น มันเป็นไปได้ทุกอย่าง เขายังเด็ก มีโอกาสอีกมากมายรออยู่ข้างหน้า บางที่การไม่พันผูกตัวเองกับใคร ผมว่ามันก็ดีสำหรับการใช้ชีวิตนะ ผมไม่มั่นใจหรอกว่าเขาจะมา แม้ว่าลึกๆ จริงๆ ผมก็แอบคาดหวัง แต่ชีวิตคนเราไม่ใช่นิยาย พรหมลิขิตไม่ได้ขีดเส้นไว้สำหรับเราอยู่แล้ว ที่แค่วันไนท์สแตนด์ จะสามารถกลายมาเป็นรักแท้ให้กันได้ และผมก็รู้ตัว ว่าเรื่องของเรา มันแค่เรื่องสนุกที่เห็นดีด้วยกัน มันก็แฟร์ๆ วินวินกันทั้งคู่แล้วนี่! จะคาดหวังให้มันเป็นแบบอื่นก็คงจะฟังดูตลกไปนะ "แต่เขาบอกมึงว่าเขาจะมานี่..ใช่ป่ะ งั้นก็รอดู ไม่แน่นะเขาอาจจะชอบมึงจริงๆ ก็ได้! " "โหยย อีเจแอน มึงก็คิดได้คนเพิ่งรู้จักกันจะชอบกันได้ไง " ผมรีบสวนเจแอน เพราะไม่ค่อยเห็นด้วยกับสิ่งที่มันคิด "แม้~~ชอบกันไม่ได้ แต่เอากันได้! งี้ปะ!! "นางก็ทำเสียงถากถาง ปากยื่นปากยาวใส่ ผมไม่ปฏิเสธจะบอกไงดี แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ผมอาจจะเป็นประชากรคนเดียวในอัตราส่วนหนึ่งในล้านคน คนอื่นๆ อาจจะไม่คิดแบบผม ที่ไปเสียตัวกับใครก็ไม่รู้ โดยที่มันไม่ได้เกิดจากความรักร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันเกิดจากความพอใจ และฮอร์โมนเท่านั้น แต่ถึงอย่างงั้น ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องผิด มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ทุกคนมีความต้องการ และเราไม่ได้เบียดเบียนใครหรือทำผิดศีลลธรรมข้อไหน ถ้าเรื่องของเรามันฟังดูแรงและผิดศีลธรรมอันดี งั้นช่องทีวีบางช่องก็ไม่ควรมีละคร ผัวกิ๊ก-เมียชู้แล้วล่ะ เพราะอันนั้นเข้าถึงง่ายกว่าสื่อทั้งปวง หลังจากผมร่ายยาวเรื่องศีลลธรรม.. จากนั้นเราก็นั่งคุยกันสั่งอาหารมากิน ผมก็แอบเหล่มองประตูบ้าง ก็ตอนนี้ห้าโมงผ่านไปแล้ว...เขาบอกว่าจะมานี่ ผมผิดหรือเปล่าที่ก็ยังรอบ้างนิดๆ " ทำไมป่านนี้ผู้มึงยังไม่มา "อาชิมันเริ่มถาม พวกเราต่างพากันชะเง้อคอยาวมาแต่บ่าย "เขาไม่ใช่ผู้กู...อีกอย่างเขาคงจะไม่มาหรอกมันจะเป็นไปได้ไง! "พวกเพื่อนผมดูจะบ้ากว่าผมอีก ถามผมทุกห้านาที อยากจะเห็นหน้าคนที่สอยผมลงจากแท่นบูชาพรหมจรรย์เต็มทน "พวกมึงบ้ามาก!! ..กลับบ้านกันได้แล้ว เขาไม่มาหรอก! "ผมรีบไล่ เอาจริงๆ เริ่มจะรำคาญอีเพื่อนแล้ว ถามอย่างกับว่าจอมทัพเป็นผัวผมแล้วนั่น "แม้มึงนี่..แค่นี้ทำนอยล์ใส่พวกกู เออไปหาน้องกิ๊กก็ได้ ...กลับกันเถอะอี่อาชิ ปล่อยมันทำมิวสิกคิดถึงผู้ไปเลย เราอย่าไปสนคนกำลังอิน"เจแอน ก็ชักจะเบื่อๆ หันไปชวนอาชิกลับ "มึงจะไปแรดกับกูไหม "อาชิยังหันมาถามถาม “กูจะหยุดแรดแล้ว มันเหนื่อย กูเบื่อๆ อยากนอน” ผมตอบไปแบบนั้น พวกนางก็ไม่ได้เชื่อหรอก เอาแต่หาว่าผมจะรอจอมทัพ เฮ้อ!! ถึงแม้ว่าความรู้สึกผมจะเปลี่ยนไปบ้างหลังจากเจอเขา แต่การที่จะมารอเขาจริงจังก็ไม่ใช่ไหมวะ! มันฟังดูเพ้อเจ้อมากๆ แต่ถามว่าคาดหวังแค่ไหน สักห้าเปอร์เซ็นต์ได้มั้ง เพราะถึงยังไงก็เคยนอนด้วยกันนี่! หลังสองสาวกลับ ในห้องก็เข้าสู่สภาวะ ความเหงากำลังก่อตัว บ้าจริง! ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ให้ตายเหอะ! ผมเดินไปไหนก็เห็นแต่ภาพของจอมทัพ มันบ้าไปแล้ว แม้กระทั่งนั่งดูทีวีคนในทีวียิ่งหน้าเหมือนจอมทัพ ทำไมผมถึงมองอะไรเป็นจอมทัพไปหมด หรือเพราะผมคิดมากเกินไป บ้าน่า!! ผมสะบัดหัวแรงๆ ทิ้งความเพ้อเจ้อทุกอย่าง จากนั้นก็เดินไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นมาดื่ม แต่ว่าพระเจ้า!! ไม่ลืมก็คือไม่ลืม พอเห็นกระป๋องเบียร์ผมก็นึกถึงเขาอีกครั้ง ใบหน้าสีแดงก่ำ สายตาหวานเยิ้มมองผมคู่นั้น ผมอยากรู้จริงๆ ว่านตอนนั้นจอมทัพคิดอะไร ถึงมองผมด้วยสายตาแบบนั้น แต่ก็คงจะได้แค่สงสัยเพราะตอนนี้ปาไปสองทุ่มแล้วเขาก็ไม่มา ผมดื่มเบียร์ให้หมด แล้วก็เข้านอน หวังว่าคืนนี้ แอลกอฮอล์จะช่วยซะล้างความคิดฟุ้งซ่านของผมออกไปได้ แล้วจู่ๆ เสียงกริ๊งห้องก็ปลุกผมตื่น คนกำลังฝันหวานใครกันมารบกวนเวลานี้ จะบ้าตาย ผมลากสังขานเมาๆ งัวเงียเดินไปเปิดประตู นาทีนี้ไม่ว่าหน้าไหนผมจะด่าจนลืมชื่อบรรพบุรุษเลยคอยดู แล้วผมเอื้อมมือเปิดประตู สิ่งปรากฏตรงหน้า "จอมทัพ!!! "ผมโผล่เข้ากอดเขาอย่างลืมตัว ทั้งยิ้มดีใจจนปวดแก้ม "จอมทัพกลับมาจริงๆ ด้วย " "บอกแล้วว่าผมจะกลับมา " "ทำไมมาเอาป่านนี้ล่ะ" "ขอโทษที่มาช้า...ผมมีปัญหานิดหน่อย! "ผมถามเขาพลางจูงมือเข้ามาในห้องที่โซฟาตัวเดิม "ปัญหาอะไร พี่รู้ได้ไหม? " ผมถามเขาเหมือนเราสนิทกันมากๆ เขาเอียงศีรษะนึกแล้วก็ไม่บอกผม แต่พูดขอโทษผมแทนที่เขามาช้า "มาช้าก็มาแล้วนี่ ดีกว่าไม่มานะ อยากกินอะไรไหม พี่มีอาหารไว้ในตู้เย็นเดียวอุ่นให้" ผมเสียงใส เพราะดีใจมาก แต่จอมทัพปฏิเสธ เขาไม่หิว แล้วก็ดึงผมเข้าสวมกอด เล่นเอาใจผมลอยไปนั่งข้างง่ายๆ แล้วถามสิ่งที่คาใจว่า "กอดพี่แบบนี้คิดจะสานสัมพันธ์ต่อแบบไหน! "ตรงๆ เลยครับ ผมไม่อยากกัก! "พี่ให้เป็นอะไรล่ะ เพื่อนร่วมชั้นอนุบาลหรือคนขับแท็กซี่” "ทั้งสองเลยได้มะ...เดียวอัปเลเวลเป็นเพื่อนร่วมเตียง เพื่อนรู้ใจ หรือเพื่อนช่วยใช้นามสกุลดี " ผมหยอดเบาๆ ให้มันรู้ไปใครเป็นต่อ ใครเป็นรอง เขายิ้มกับคำพูดผมอย่างอบอุ่น ต่างจากคืนก่อนหลายขุม ที่ยิ้มแบบจ้องจะกินผมอย่างเดียว จากนั้นเขาก็โน้มหน้าหล่อๆ มากดจูบผม .... เมื่อเขาจูบผม ผมก็จูบตอบเขาอย่างนุ่มนวล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม