เมื่อเขาจูบผม ผมก็จูบตอบเขาอย่างนุ่มนวล ผมมั่นใจว่าผมกอดเขาไว้แน่น เราทั้งสองกอดกันแน่นมากๆ นะ แต่จู่ๆ พอลืมตาเขากลับจะจากผมไป
"จอมทัพ!!! ...จะไปไหน "ผมร้องเรียกตามแผ่นหลังนั่นที่ไกลออกไปทุกที
"จอมทัพ!! ..จอมทัพ!! เดียวก่อน! "
*ติ๊ดๆๆ
แล้วเสียงนาฬิกาปลุกก็ปลุกให้ผมตื่น ตอนนี้6โมงเช้าแล้ว ผมต้องตั้งสติครู่ใหญ่กว่าแยกได้ว่าที่เห็นเมื่อคู่มันคือความฝัน
ให้ตายเหอะ! ผมถึงขั้นเก็บเอาเรื่องของจอมทัพมาฝันเลยเหรอ ทำไมกัน ทำไมผมต้องเป็นแบบนี้ ผมสลัดความคิดเกี่ยวกับเขาไปไม่ได้เลย ขนาดในฝันเขายังมาป้วนเปี้ยนในหัวผมอีกเหรอ เจ้าคนโกหก ไม่รักษาคำพูด ยังมีหน้ามาโผล่ในฝันคนอื่นหน้าไม่อาย! ..
ผมลุกไปอาบน้ำ บ้ามากที่รอยซ้ำที่จอมทัพทำมันยังเป็นจุดซ้ำเยาะเย้ยความรู้สึกแย่ของผม ทำให้ผมกลับมานึกถึงเหตุการณ์คืนก่อนอีกแล้ว และถึงผมยังจำได้ไม่ลืมคือคำพูดของเขาที่ว่าจะกลับมา ไม่เข้าใจว่าเขาจะพูดทำไมถ้าไม่คิดจะทำอย่างที่พูด มันทำให้คนอื่นเผลอรอไปด้วย
อาบเสร็จแล้วผมเดินตุบๆ กระแทกเท้าออกจากห้องน้ำ ดูท่าว่าวันนี้ คงจะทำให้ผมอารมณ์แปรปรวนไม่คงที่ทั้งวัน น่าจะอยู่บ้านไม่ได้ผมเลยจะออกไม่เลาะ! หาหม่าล่ากระแทกปากสักหน่อยแล้ว
หลังแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยผมโทรชวนสองสาวเพื่อยอดกตัญญู เพื่อนที่ดีที่สุดในสามจักรวาล ไปเลาะเป็นเพื่อน
"ตั้งแต่เช้าเลยนะมึง"ปลายสายจากอี่อาชิด่าให้ผม
"เช้าหอกอะไรของหล่อนนี่แปดโมงแล้วย่ะ!! ..ยัยอาชิ!! รีบเลยนะอาบน้ำเดี๋ยวนี้ ให้เวลา1ชั่วโมง เดี๋ยวกูไปรับ ไปกินไข่ปลาหมึกแม่กลองกัน!! " ไม่รู้แหละ แต่ผมต้องลากสองนางไปด้วยให้ได้
"ขอบฟ้า!! มึงบอกอยากแดกหม่าล่า แล้วทำไมมึงบอกจะไปแดกไข่ปลาหมึกแม่กลอง! "
"เออน่า...กูว่าหม่าล่าน่าจะมีแหละที่แม่กลอง มึงๆ กูเช็กดูแล้ว เราเดินตลาดแม่กลองหาของกินด้วยก็ดีนะ และกูจะได้หาของฝากไปฝากแม่กูที่ราชรี แล้วก็ไปดูตลาดร่มหุบกันนะมึง ซิคเนเจอร์ของเขาเลยไปกันเถอะ!! "
ผมก็ตื่นเต้นสุดๆ ว่ากันว่าตลาดร่มหุบ นั้นมีเอกลักษณ์เป็นของเขาเลยนะ มีอีกชื่อคือเรียกว่าตลาดแม่กลอง แต่ส่วนมากจะเรียกกันว่าตลาดร่มหุบ แต่ที่เป็นชื่อเรียกติดปากที่จะรู้กันดีของชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่า ตลาดเสี่ยงตาย ที่ติดอยู่กับ สถานีรถไฟแม่กลอง และเป็นส่วนหนึ่งของตลาดเทศบาลจังหวัดสมุทรสงคราม ว่ากันว่าพ่อค้าแม่ค้าเริ่มมาตั้งขาย บริเวณทางริมรถไฟมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2527 ที่อยู่บนทางรถไฟ สายแม่กลอง-บ้านแหลมพ่อค้า-แม่ค้า ตั้งแผงสองข้างทางรถไฟ ส่วนลูกค้าก็อาศัยทางรถไฟเป็นถนนเดินจับจ่ายซื้อของ
และถ้าอยากจะมาให้ถูกช่วงดูร่มหุบแล้วล่ะก็ ต้องเช็กตารางการเดินรถไฟเข้าออกสายแม่กลอง- บ้านแหลม ที่จะเริ่มออก : 6.20 น.,9.00 น. ,11.30 น.,15.30 น. เข้า :8.30 น. 11.10 น.15.30 น. แบบนี้จะได้ไม่พลาดเห็นร่มหุบแบบตื่นตาแน่ๆ
และเวลารถไฟวิ่งมาเทียบชานชาลา พ่อค้า-แม่ค้าพร้อมใจกันส่งเสียงบอกลูกค้าที่เดินจับจ่าย เป็นเสียงเดียวกันว่า ' ระวังเข่า,ระวังศอกด้วย' เป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย ผมอยากไป อยากไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้น ไม่อยากนอนเปื่อยที่ห้องแล้ว
"อี่ขอบฟ้ามึงบ้า บ้าไปแล้ว จะกินไข่ปลาหมึกมึงก็ลงมาจากคอนโด แล้วก็เดินไปป้ายรถเมล์ ติดกับเซเว่น มีรถเข็นขายอยู่ มึงจะไปทำไมถึงแม่กลอง"
"กูจะไป! ให้โอกาสมึงตอบอีกรอบ มึงจะไปไม่ไป? "ผมเริ่มจะโมโหข่มขู่ ก็ถือว่าเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ ช็อตนี้
"พวกมึงไม่ไปกูก็จะไปคนเดียว! " ผมเล่นยื่นไม้ตาย ผมรู้ว่าเพื่อนรักจะไม่ปล่อยผมต้องขับรถไปไกลๆ คนเดียว เพราะไม่งั้นผมจะต้องงอนพวกมัน และสุดท้ายอาชิก็ยอม
"พอๆ พอๆ มึงเลิกดราม่า กูไปก็ได้ แค่นี้กูจะอาบน้ำ"สำเร็จ!! เสร็จแล้วผมก็โทรหาอีเจแอน แล้วก็ใช้ไม้เดิมเหมือนกับอีอาชิ ในที่สุดเราสามคน ออนเดอะเวย์นาว!
"มึงเป็นอะไรหรือเปล่าขอบฟ้า ทำไมตาแดงๆ ไม่สบายปะ! " เจแอนถาม ผมจะตอบไงดีว่าจริงๆ แล้วแอบร้องไห้หลังจากตื่นจากฝันถึงจอมทัพ นี่แค่ผ่านไปแค่วันเดียว ผมไม่รู้ว่าการที่ผมจำคำพูดจอมทัพนั้นมันดูโง่ไหม แต่เพราะผมอยู่ไม่ได้คนเดียวในห้องนั้น ช่วงนี้จึงอยากจะรีบๆ ลืม
"มึงร้องไห้เรอะขอบฟ้า กูไม่เคยเห็นมึงอยากแรดไปไหนไกล นอกจากสาทรแควร์นะ เวลามึงอยากไปที่ไกลๆ ทุกครั้งก็เพราะมึงมีเรื่องไม่สบายใจ ...เป็นอะไร บอกพวกกูได้นะ"
เจแอนอี่ห่า ผมจะปิดอะไรพวกมันหน่อยไม่ได้ รู้ทันตลอด ครั้งนี้ก็ด้วย
"หรือมึงร้องไห้ เพราะคนนั้น ผู้คนนั้นที่ชื่อจอมทัพ ..มึงมันแค่วันไนท์สแตนด์มึงอย่าซีเรียสมากดิวะ! " อาชิว่างี้...ซึ่งผมอยากร้องไห้อีกรอบจริงๆ!
"พวกมึงนี่อยู่ข้างกูจริงปะเนี่ย เมื่อวานยังบอกกูว่าเขาอาจจะชอบกู แล้ววันนี้มึงพูดดอกๆ งี้เลย"ผมพรั่งพรูอย่างอึดอัด เจแอนได้แต่ลูบแขนป้อยๆ
"มึง เมื่อคืนกูฝันถึงเขา เขามาหากู เราเหมือนจะรักกัน เขายิ้มให้กู เขาลูบหัวกู เขากอดกูเหมือนในชีวิตจริง มันอบอุ่นจนกูตื่นมาแล้วคิดถึงโมเม้นต์นั้น" ผมบอกพวกมันว่าผมใจหาย ผมคร่ำครวญเพราะผมฝันถึงเขาเมื่อคืน
"มันฟังดูโง่ใช่ไหมมึง กูแค่รู้สึกว่าอยากร้องไห้ เวลานึกถึงเรื่องความฝัน กับความจริง- มึงว่าเขาจะคิดถึงกูไหม " ผมก็ถามแบบโง่ๆ จริงๆ คำตอบของผมก็ตอบตัวเองได้ดี [it's just 1 night stand] -แค่หนึ่งคืน ใครจะสน ใครเขาสนกัน มีแค่ผมที่ยังคิดว่าคำพูดจอมทัพจะลบล้างคำสาป ของ [1night stand] ได้เพ้อฝันว่ะ
"มึงทำใจเถอะขอบฟ้า มันก็เป็นกันแบบนี้หมด มึงอย่ายึดติดสิ ..มานอยล์อะไรกันตอนนี้ นี่เราจะไปแดกหม่าล่าแม่กลองไม่ใช่เหรอ ..หยุดร้องแล้วก็ขับดีๆ ถ้ามึงไปเสียบตูดรถคันข้างหน้า อย่าว่าแต่แม่กลองเลยมึง มึงอาจจะไปโผล่ห้องฉุกเฉินแทน ฉะนั้นอย่าหาทำ! ตั้งสติซิอี่หอยหลอด! " แล้วอีเจแอนก็พูดสะผมร้องไห้ต่อไม่ไหว กลายเป็นเราหัวเราะเรื่องที่ผมอยากกินหม่าล่า แต่ก็อยากไปแม่กลอง
"มึงคิดไว้ด้วยจะซื้ออะไรไปฝากแม่กู"ผมพูดพลางเช็ดน้ำตาลวกๆ อารมณ์อยากร้องไห้มันมาแบบช่วงๆ ไม่รู้ว่านี้เป็นอาการไบโพล่าร์หรือเปล่า ตอนนี้ผมหยุดร้องไห้แล้ว หันมาจับจดกับการขับรถแทน
ตอนนี้ผมกำลังผมวิ่งออกจากสาทร หลังมารับอีเจแอนที่คอนโดมันแถวท่าพระ มันอยู่ที่เดียวกับอี่อาชิ เพราะซื้อตามที่อาชิชวน จากท่าพระผมวิ่งออกเส้นสมเด็จพระเจ้าตากสิน เลี้ยวไปเส้นพระรามสองคู่ขนาน แล้วก็ยิงยาวจนถึงสมุทรสงคราม ผมวิ่งตามแผนที่เขาไปตามถนนเข้าเมือง สักพักเราก็มาถึงตลาดร่มหุบ อันที่จริงถ้าเราไม่ใจร้อน อยากนั่งรถไฟชิลล์ๆ ชมวิวสองข้างทางด้วย ก็สามารถนั่งรถไฟที่สถานีวงเวียนใหญ่ได้ เพราะจะยิงยาวมาถึงตลาดแม่กลองสถานีบ้านแหลมแน่นอน แต่จะกี่ชั่วโมงผมก็ยังไม่เคยลองครับ
"เราเดินไป แล้วก็ซื้อของกินไปด้วย อีอาชิที่บอกไม่อยากมา ถือถุงข้าวเม่าทอดเต็มไม้เต็มมือ
ซึ่งข้าวเม่าทอดจริงๆ มันคือกล้วยทอด ที่เอากล้วยไข่มาทอดทั้งลูก แป้งจะนุ่มๆ หวานๆ มีมะพร้าวอ่อนทอดผสมลงไปกับแป้ง อร่อยครับตอบได้คำเดียว! ผมกินจนสะใจ จากนั้นก็เดินต่อกันหาของสด น้ำผลไม้ น้ำมะพร้าวเย็นๆ ยังไม่แค่นั้นนะ โชเฟอร์รถสองแถวยังพรีเซนต์กับเราว่า ถ้าอยากไปไหว้พระเก้าวัดก็สามารถขอเหมาลุงแกได้ แกมีโปรแกรมให้เลือก อันนี้ผมก็ฟังไว้มันน่าสนดี ไม่นานที่เราเตร็ดเตร่กันขาลากรถไฟก็เข้าเทียบสถานี ตอนนั้นเองก็เป็นแบบที่คิดไว้ พ่อค้าแม่ค้ารีบเก็บของที่วางขายราวกับว่ามีมนต์เสกคาถา พริบตาของที่วางกีดขวางทางรถไฟก็ถูกเก็บจนเรียบร้อย ราวกับว่าไม่มีใครเอาอะไรไปวางตรงนั้น พอเสียงหูดรถไฟใกล้เข้ามาเสียงแม่ค้าก็ตะโกนบอกนักท่องเที่ยวเป็นเสียงเดียวกันว่า' ระวังเข่า ระวังศอก' เพราะถ้ายื่นเกินออกไปรถไฟอาจจะเฉี่ยวเอาได้
ผมมองซ้าย-ขวา สายตากลับเห็นใครคนหนึ่ง อีกฝั่งตรงข้ามทางรถไฟ จอมทัพเหรอ? เขาเหมือนจอมทัพ เหมือนมาก แต่ยังไม่ทันจะได้มองให้ชัดๆ รถไฟก็วิ่งผ่านมาพอดี ผมรีบหันไปบอกสองเพื่อนทันที
"พวกมึงกูเหมือนเห็นจอมทัพ เขาแน่ๆ กูว่าเขามาที่นี่"ผมสีหน้าเริ่มเปลี่ยน เอาล่ะซี จะร้องอีกใช่ไหม บ้าจริงๆ ผมบ้าไปแล้ว
"มึงดูดีๆ หรือเปล่า? " เจแอนถามแบบใจเย็นสุดๆ ผมรู้ว่ามันคงจะพยายามพูดให้ผมรู้สึกตามน้อยสุด
"กูไม่รู้แต่กูว่าเป็นเขา"ผมตอบอย่างมั่นใจ แต่สักพักพอรถไฟผ่านพ้นไป คนที่ยืนตรงที่ผมเห็นเป็นจอมทัพกลับไม่ใช่ เขาน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ที่รูปทรงละม้ายคล้ายกับจอมทัพ และมันยิ่งชัดเจน เพราะสีเสื้อผ้า ก็เหมือนกับจอมทัพที่ผมเห็น ผมอึ้งไป เหมือนบ้าไปแล้ว ผมแค่ตาฝาดไปเอง
"กูคงจะเป็นหนักอะพวกมึง คนนั้นน่ะแหละจอมทัพเมื่อครู่" ผมสารภาพกับเพื่อน
"ขอบฟ้า เอาจริงๆ มึงรักเขาเหรอวะ? "อาชิเริ่มซีเรียสกับอาการผม
"กูจะไปรู้เหรอรักไม่รัก กูแค่คิดว่าเขาแค่นั้น"
"ไม่จริงวะ! ดูเหมือนว่ามึงจะไม่รู้ตัว ว่าอาการแบบนี้คือมึงตกหลุมรักเขาแล้ว"
"ไม่รู้ว่ะ ไม่รู้จริงๆ "ก็ผมไม่รู้จริงๆ นี่
"แล้วตอนนี้มึงคิดยังไงเกี่ยวกับเขา...หมายถึงมึงนึกถึงเขาหรือเปล่า? "เจแอนถามแบบจริงจังเช่นกัน มันเหมือนเราสามเพื่อนสยอง กำลังจับเข่าคุยกันจริงจัง
"กูก็นึกถึงเขาในหัวตลอดนะ เขาเหมือนคนที่กูรู้สึกว่าอยู่ใกล้กันตลอดเวลา เหมือนว่ากูกลับบ้านไปแล้วจะได้เจอเขา เหมือนว่าเขาจะวนเวียนใกล้กูตลอด" ผมบอกกับสองนางไปแบบนั้น
"มึงรักเขา กูว่ามึงนั่นแหละหลงเขาแล้วตอนนี้"
"จริงเหรอวะ..พวกมึง"
"โคตรจริง! " สองคนตอบประสานเสียง หรือจะจริง ผมอาจจะหลงรักเขางั้นเหรอ? ให้ตายเหอะ! ..พระเจ้า!!
เราเตร็ดเตร่กันพอแล้วถึงเวลากลับ กทม. แต่ตอนนี้พอตะวันคล้อยบ่ายเหมือนใจผมจะคล้อยตามไปด้วย สุดสายตาขอบฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆขาว มันเหงาหน่วงๆ ทำไมหน้าจอมทัพถึงลอยวนเวียนไปมาในหัวผม ในใจเกิดคำถามมากมาย ว่าเขาไปไหนนะ หรือว่าบางทีตอนนี้เขารอผมที่ห้อง คิดได้แบบนั้น ผมก็รีบเร่งให้เจแอนขับเร็วๆ ผมเหมือนคาดหวังปนๆ กับกำลังหลอกตัวเอง แต่ขอแค่วันนี้ ขอคาดหวังอีกแค่วันเดียว ถ้าไม่เจอเขาจริงๆ ผมจะทำตัวใหม่ทุกอย่างเพื่อให้ลืม ลืมความไร้สาระนี้ไป
"ตกลงอี่ขอบ! อี่เจ! พรุ่งนี้กูจะไปราชบุรีกับมึงด้วย กูไม่อยู่เคาท์ดาวน์ที่กรุงเทพฯ แล้ว" นั่งมาสักพักเราเปลี่ยนเรื่องเม้าท์มาเรื่อยๆ จนมาถึงเรื่องไปราชบุรีพรุ่งนี้
"ทำไมมึงเกิดเปลี่ยนใจล่ะ..."ผมถามนางอาชิ นางทำหน้าเซ็งก่อนจะตอบ
"ที่ไหนไม่มีพวกมึง ที่นั่นก็ไม่สนุกอ่ะ...กูว่าเราไปปีนต้นมะม่วงบ้านมึงน่าจะสนุกกว่า"
ผมยิ้มๆ ยินดีที่เพื่อนไปด้วย
"มึงจะชวนผู้ไปด้วยก็ได้นะบ้านกูหลังใหญ่ มีห้องให้พักพอ"
"ก็แม๊!! ..บ้านมึงทำโฮมสเตย์นี่ก็ต้องมีพอไหมวะ.." เจแอนสวนผมทันที ใช่ครับบ้านผมทำโฮมสเตย์เล็กๆ สัก20หลังได้
หลังน้องชายเรียนจบ เขาก็กลับไปช่วยพ่อแม่ดู เขาชอบทำไร่ ชอบทำสวน ก็เลยยกหน้าที่รับผิดชอบให้เขาไป นี่ก็แอบคิดอยู่ว่าไม่ออกจากสวนเลย ชาตินี่จะเจอสาวในดวงใจไหม
"เออขอบฟ้า! สายลมน้องมึงยังอยู่ช่วยที่บ้านเหรอ? "เจแอนเอ่ยถาม
"กูได้ยินว่าจะไปเรียนต่อ"
"มันจะไปไหนได้..มันเป็นลูกแหง่ จากแม่ได้ไม่ถึงสามวา มันก็คิดถึงแล้ว"
"เรื่องเรียนที่ว่าได้ทุนล่ะ? "
"ทิ้ง!! มันไม่ไป..สุดท้ายก็ทำใจจากพ่อแม่ไม่ได้"
"โห...ยังมีคนแบบนี้เหลืออยู่เหรอเนี่ย ที่รักครอบครัวมากขนาดนี้ น้องมึงน่าจะอบอุ่นมาก"อาชิพูดเสริม
"ก็น่ารักนะมึง กูก็อุ่นใจที่มีมันด้วย บางทีกูก็คิดนะว่าพ่อแม่สลับวันเดือนปีเกิดพวกกูหรือเปล่า กูรู้สึกเหมือนมันเป็นพี่สะมากกว่าเป็นน้องกู"
พวกเราพูดพลางหัวเราะกันสนุกสนาน เมื่อนึกถึงน้องชายสุดหล่อของผม ที่เป็นที่หมายตราของสาวๆ มันเคยบอกกับผมว่า ถ้าคนที่มันชอบไม่ชอบวิถีชีวิตชาวสวนของมัน อยู่กับมันไม่ได้ มันก็ไม่อยากจะมีใคร เพราะมันห่วงแม่ อยากจะดูแลแม่ มันยังพูดติดตลกว่า 'ถ้าเป็นลูกกำพร้า ก็ยิ่งจะดี ผมคงจะได้พาเขามาอยู่กับเรา ไม่ต้องไปไหน ไม่ต้องลำบากใจ เรื่องครอบครัวฉัน ครอบครัวเธอ' เพราะมันคงจะไปดูแลฝ่ายนั้นไม่ได้เต็มที่ เดี๋ยวปัญหาสองครอบครัวก็จะตามมา แต่อันนี้คงจะเป็นสัจธรรมของการแต่งงาน ซึ่งผมยังเข้าไม่ถึง...