ตึก ตึก ตึก!!!
เด็กสาวกลับมาถึงบ้านก็รีบเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องนอน มือเล็กหยิบกระเป๋ามาเปิดเอาสมุดโน้ตที่พกติดตัวไปโรงเรียนทุกวัน เพราะตั้งแต่ปิดเทอมก็ยังไม่ได้หยิบออกจากกระเป๋า เนื่องจากไม่มีเหตุการณ์ประทับใจอะไรให้เขียนลงไป
เธอเปิดสมุดไปยังหน้าที่ว่างจรดปลายดินสอวาดรูปการ์ตูนผู้ชายด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม วาดเสร็จก็หยิบสีมาระบายตามสไตล์มินิมอลที่เธอชอบ แล้วเขียนพยัญชนะภาษาอังกฤษลงไปข้างรูปภาพ
SEA
(ซี แปลว่าทะเล)
ดวงตาคู่สวยจ้องมองภาพการ์ตูนที่วาดด้วยมืออยู่นาน มือเล็กทั้งสองข้างก็ยกขึ้นทาบอกข้างซ้ายที่ก้อนเนื้อในนั้นดันเต้นแรงไม่หยุด
แล้วมันก็มีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ไม่อยากให้เป็นแค่พี่ชาย
ปลาดาวเอาแต่คิดถึงใบหน้าของเพื่อนฉลาม หรือว่าเธอจะชอบพี่ทะเลขึ้นมาแล้วจริง ๆ แต่เธอเพิ่งจะอายุสิบหกปีเองนะ
ความคิดของเด็กสาวกำลังเริ่มก่อตัวขึ้น พร้อมกับอาการประหลาดที่เกิดขึ้นกับหัวใจนับตั้งแต่เจอกับหนุ่มรุ่นพี่
เธอนั่งเล่นอยู่บนห้องประมาณสองชั่วโมง พ่อแม่ก็กลับเข้าบ้านหลังประชุมเสร็จ และท่านก็ได้ทำตามสัญญาซื้อกล่องสุ่มมาให้ลูกสาว
“รักแม่ที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ปลาดาวเข้าสวมกอดผู้เป็นแม่ ก่อนจะรับกล่องสุ่มนำมาแกะในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้พี่ชายนั่งเล่นเกมอยู่หน้าทีวี
“กรี๊ด… ซีเครต”
ปลาดาวส่งเสียงดีใจดังลั่น จนพี่ชายที่นั่งใกล้หันมาขมวดคิ้วจ้อง พร้อมกับยกมือขึ้นแคะหู
“โอ๊ย ปลาดาว กรี๊ดจนหูพี่แทบแตก จะดีใจอะไรหนักหนา ก็แค่ตุ๊กตา”
“พี่ไม่เข้าใจหรอก นี่มันตัวละครหายากในคอลเล็กชันนี้เลยนะ งุ้ย น่ารัก”
ปลาดาวทำหน้าบึ้งใส่พี่ชาย ก่อนจะหันมายิ้มให้กับตุ๊กตาตัวใหม่ แล้วลุกออกจากห้องนั่งเล่น นำตุ๊กตาหายากขึ้นไปเก็บไว้บนห้อง ก่อนจะลงมาเป็นลูกมือช่วยแม่ทำมื้อเย็นในครัว
“วันนี้นึกยังไงถึงได้เข้าครัว” นภาถามลูกสาวที่วันนี้มาแปลก
“หนูอยากช่วยแบ่งเบาภาระแม่ค่ะ”
เด็กสาวส่งยิ้มให้ แต่มารดาที่เลี้ยงดูมาสิบกว่าปีมีหรือที่จะไม่รู้ว่าลูกมีเรื่องอะไรอยากเอ่ย แต่คงหาโอกาสอยู่
ทำอาหารเสร็จทุกคนก็พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร และระหว่างที่กำลังกินมื้อเย็น ปลาดาวก็ได้เอ่ยประโยคที่ทำเอาทุกคนแปลกใจ
“แม่คะ หนูอยากเรียนพิเศษ”
ปลาดาวนั่งคิดถึงเรื่องนี้มาตลอดทางกลับบ้าน จนกระทั่งนั่งวาดรูปใครบางคนก็ยังคิดถึงแต่ประโยคที่ว่า ตั้งใจเรียนล่ะ อีกสามปีไว้เจอกัน ของเพื่อนพี่ชาย มันทำให้เธอมีแรงบันดาลใจที่อยากจะตั้งใจเรียน เพื่อที่จะได้สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเขาได้
แค่ก แค่ก
ฉลามได้ยินถึงกับสำลักน้ำ ไม่ต่างจากพ่อแม่ที่มองไปยังน้องสาว ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะขยันเรียน เวลาว่างก็เอาแต่อ่านการ์ตูน
“นี่ใช่น้องสาวพี่ปะเนี่ย หรือวิญญาณอะไรเข้าสิง”
“นั่นสิลูก นึกยังไงอยากเรียนพิเศษ เมื่อก่อนแม่ให้เรียนเสริมช่วงเย็นก็บอกไม่อยากเรียน”
“มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอคุณ ในเมื่อลูกอยากเรียนก็สนับสนุนไปเถอะ” ปองภพเอ่ยกับภรรยา
“ฉันก็ต้องสนับสนุนลูกอยู่แล้วค่ะ ฉันก็แค่แปลกใจ”
“หนูแค่คิดว่าอีกไม่กี่ปีก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ถ้ายังมัวแต่ขี้เกียจ กลัวจะสอบไม่ติดน่ะค่ะ แหะ แหะ”
“ตัวขี้เกียจคงจะผลัดขนแล้วสิท่า”
ฉลามยักคิ้วทำหน้ายียวนใส่น้องสาวที่นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกัน เพราะเขานั่งฝั่งเดียวกับพ่อ ส่วนน้องนั่งอยู่ข้างผู้เป็นแม่
“พี่ฉลาม คนอุตส่าห์ปรับปรุงตัวไปในทางที่ดี ไม่ได้ทำตัวแย่เหมือนพี่สักหน่อย”
“พี่ทำตัวแย่ยังไง ไหนบอกมาดิ”
“พอเลยทั้งสองคน ชอบทะเลาะกันอยู่เรื่อย”
ผู้เป็นแม่ส่งสายตาคาดโทษ สองพี่น้องก็รีบเก็บคำพูดที่จะโต้เถียงกลืนลงคอ ส่วนปองภพได้แต่ส่ายหน้า จะว่าชินแล้วก็ได้ เพราะไม่เคยมีวันไหนที่ลูกรักทั้งสองจะไม่หาเรื่องทะเลาะกัน แม้แต่เรื่องขี้ประติ๋วก็สามารถหยิบขึ้นมาถกเถียงกันได้ทั้งวัน
แต่เห็นเถียงกันแบบนี้ก็ยังรักใคร่กันดี เวลาไม่สบายก็ดูแลกันมาโดยตลอด
หลังจากกินข้าวเสร็จปลาดาวก็อยู่ช่วยแม่ล้างจาน ก่อนจะขึ้นไปบนห้องนอน
“ฮึ หายไปไหน”
มือเล็กกะจะถอดสร้อยลูกปัดหน้ายิ้มที่เธอร้อยมันขึ้นมาเอง แต่สร้อยได้หลุดหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ ดวงตาคู่สวยสอดส่ายมองไปทั่วห้อง จำได้ว่ากลับเข้าบ้านก็นั่งที่โต๊ะหนังสือ นอนอ่านการ์ตูนบนเตียง แกะกล่องสุ่มตรงโซฟาห้องนั่งเล่น แล้วก็ช่วยงานในครัว
เด็กสาวมองหาไปทั่วห้อง วิ่งลงไปหาชั้นล่างแต่ก็ยังไม่พบ จึงทำหน้าเศร้านั่งถอนหายใจอยู่ปลายเตียง แม้จะเสียดายมากเพราะมันอยู่ติดตัวเธอมาตลอดหนึ่งปีตั้งแต่เรียนมัธยมศึกษาปีที่สาม เพราะซื้อลูกปัดมาร้อยเองและใส่คู่กับเพื่อนสนิท ไม่เคยได้ถอดออกนอกจากเวลาอาบน้ำ แต่ตอนนี้สร้อยข้อมือของเธอมันได้หายไปแล้ว ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าช่างมันเถอะ
*****
ทางด้านหอพักนักศึกษา
“สรุปคืนนี้มีแค่เราสองคนนอนห้องนี้เหรอ”
เสียงของเจมส์นักศึกษาอีกคนที่มาถึงเมื่อบ่ายสอง หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกันก็เอ่ยถามกับทะเล เพราะรู้สึกวังเวงกับการต้องมานอนหอพักที่สร้างไว้บนเนื้อที่ว่างท้ายมหาวิทยาลัยนับร้อยห้องแบบนี้ แต่โชคดีที่ว่าได้รูมเมตที่เรียนอยู่คณะเดียวกัน และยังเป็นสาขาเดียวกันอีกด้วย เลยโล่งใจขึ้นมาหน่อย แต่คนขี้กลัวอย่างเขามันก็ยังไม่วางใจ
“อือ คืนนี้คงต้องนอนกันสองคนไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไอ้ฉลามกับอีกคนก็คงมา”
“ฉลาม เพื่อนนายเหรอ”
“...” ทะเลพยักหน้าให้เป็นคำตอบ ก่อนจะถามต่อ
“จะอาบน้ำก่อนไหม ถ้ายัง ฉันจะได้อาบก่อน”
เห็นว่าเวลาก็เข้าใกล้สองทุ่มแล้ว วันนี้ต่างพากันจัดเก็บข้าวของมาทั้งวัน ช่วงเย็นเลยชวนกันกินเมนูเด็กหออย่างต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคนละชาม และตอนนี้ก็ควรจะได้เวลาอาบน้ำพักผ่อน
“ฉันขออาบก่อน อาบดึกมันเสียวสันหลังว่ะ”
เจมส์รีบลุกออกจากเตียง คว้าผ้าขนหนูพร้อมเสื้อผ้าเดินตรงไปยังห้องน้ำ สายตาก็กวาดมองไปยังบริเวณหลังห้องที่เป็นที่ซักล้าง ตากเสื้อผ้า ผนังก็เป็นปูนครึ่งตาข่ายครึ่งทำให้มองเห็นบริเวณด้านนอกที่เป็นต้นไม้พริ้วไหวตามแรงลม
“แม่งหน้ากลัวชิบหาย” เจมส์ทำท่าขนลุกแล้วรีบเข้าไปอาบน้ำ
ทะเลกระตุกยิ้มส่ายหน้าให้เพื่อน หลังจากนั้นห้านาทีเจมส์ก็อาบน้ำเสร็จ เขาจึงเข้าไปอาบต่อ และพอออกจากห้องน้ำก็พบว่าคนขี้กลัวได้เสียบหูฟัง นอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าฝาผนัง พร้อมกับห่มผ้าเสร็จสรรพ ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้หนาวขนาดนั้น สงสัยจะกลัวจริง ๆ
ทะเลหย่อนก้นลงนั่งบนเตียง แต่ไม่ทันจะได้ล้มตัวลงนอน ดวงตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นวัตถุบางอย่างตกอยู่ตรงขาเตียงที่อยู่ตรงข้าม คล้ายกับสายอะไรสักอย่างที่มีสีสันสดใส จึงลุกออกจากเตียงอีกครั้งแล้วหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่ามันเป็นสร้อยข้อมือของผู้หญิง
ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้น ผู้หญิงที่เข้ามาในห้องนี้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ของปลาดาวสินะ”
ทะเลเอ่ยเสียงเบาพลางนำไปเก็บไว้ใต้หมอนที่ใช้หนุนนอนบนเตียงของตน ไว้ถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีก เขาจะคืนให้เองกับมือ