ตอนที่5 เลิกกัน

1160 คำ
ไออุ่น “ฮึก ฮือออ” ฉันฟุบหน้าร้องไห้กับหมอนอย่างหนักหลังจากตัดสายไปนานแล้ว แต่พี่เมลกลับไม่โทรกลับหาฉัน ฉันไม่รู้ว่าฉันยังสำคัญกับเขาอยู่หรือเปล่า เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาไม่โทรกลับหาฉันทันทีหลังจากฉันตัดสายไปพร้อมกับคำพูดแบบนี้ ฉันยอมรับว่าฉันประชด ฉันไม่ได้อยากเลิกกับเขา แต่ฉันแค่อยากให้เขารู้สึกกลัวการจะเสียฉันไปบ้าง ไม่ใช่กลัวแต่ไม่ได้จะทำกิจกรรมพวกนั้น ฉันเหนื่อยที่ต้องทะเลาะกับเขา เขาคงจะมองว่าฉันงี่เง่าไร้เหตุผล แต่เขาจะรู้ไหมว่าสิ่งที่ฉันต้องได้ยินจากเพื่อนที่ทั้งหวังดีและหวังดีประสงค์ร้าย บวกกับสิ่งที่เป็นอยู่ระหว่างเรา มันทำให้ฉันกลัวและระแวงไปหมด จนแทบไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว “รักภาษาอะไรกัน ฮึก! ได้ยินคำว่าเลิกแล้วยังไม่สามารถทำให้เมลโทรกลับหาอุ่นได้เลย ฮือออ” ฉันบ่นออกมาด้วยความน้อยใจ น้อยใจกับสิ่งที่ได้รับจากเขาตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าเขายังรักฉันอยู่ไหม แต่อย่างหนึ่งที่ฉันอยากให้เขารู้ ไม่ว่าฉันจะงี่เง่าและไร้เหตุผล น้อยใจจากเขาแค่ไหน แต่ฉันกลับรักเขามาก รักมากจนกลัวเสียเขาไป แล้วยิ่งฉันรักเขามากแค่ไหน มันก็ยิ่งทำให้ฉันงี่เง่าไปเท่านั้น จนตอนนี้ พี่เมลก็ยังไม่โทรหาฉัน ส่วนฉันเองก็ไม่ได้โทรหาเขาเหมือนกัน นอกจากนั่งรอโทรศัพท์จากเขาตั้งแต่เมื่อคืนจนเผลอหลับไป “ทำไมตาบวมขนาดนี้ล่ะ ทะเลาะกับพี่เมลอีกแล้วล่ะสิ” หลินพูดขึ้นเมื่อเห็นหน้าฉัน “ก็ไม่เชิง” ฉันตอบกลับไป จะว่าทะเลาะไหมก็ไม่ถึงกับทะเลาะ เพราะเราไม่มีแม้แต่เวลาจะทะเลาะกันเลยด้วยซ้ำ มีแต่ฉันคนเดียวมั้งที่ทะเลาะกับเขาแล้วก็ทะเลาะกับตัวเอง “เฮ้อ!! กูไม่รู้จะปลอบมึงยังไงเหมือนกัน เพราะกูก็ไม่มีแฟน” หลินพูดขึ้นพร้อมกับตบไหล่ฉันอย่างให้กำลังใจ “มึงคิดว่าพี่เมลยังรักกูไหม” ฉันถามหลินออกไป ถึงแม้ว่ามันก็ไม่ได้รู้อะไรเพราะไม่เคยเจอพี่เมลเลยตั้งแต่จบไปก็ตาม “กูคิดว่าเขารักมึงและรักมึงมาก มึงต้องเชื่อใจเขาหน่อย อย่าชวนเขาทะเลาะบ่อย บางทีเขาอาจทำกิจกรรมมาเหนื่อย...” “ถ้ามึงลองเปลี่ยนจากความรู้สึกมึงไปมองมุมของเขาบ้าง แล้วพูดกับเขาดีๆ กูว่ามันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้” หลินพูดขึ้น หลินถือว่ารู้จักนิสัยฉันดี มันก็คงรู้ว่าเป็นฉันนั่นแหละที่งี่เง่ามาก “รักแต่ไม่เหมือนเดิมก็ได้” แล้วเสียงหนึ่งก็แทรกขึ้น “ไอ้เบียร์ มึงไม่พูดก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้หรอกนะ” หลินหันไปว่าเบียร์เพื่อนร่วมห้องที่มันชอบพูดให้ฉันกังวลตลอดเวลา “เมื่อไหร่พวกมึงจะเลิกหลอกตัวเองวะ มึงรู้ดีไม่ใช่เหรออุ่นว่าตั้งแต่แฟนมึงจบไป อะไรเปลี่ยนไปบ้าง” ไอ้เบียร์ไม่เลิกพูด แต่กลับพูดจี้ใจฉันมากกว่าเดิม “มึงก็อย่าพูดให้อุ่นมันคิดมากสิ” ส้มเพื่อนอีกคนและตอนนี้กำลังคบกับเบียร์พูดขึ้น ส้มถือว่าเป็นเพื่อนที่ฉันนับเพื่อนเพราะแค่ร่วมห้องก็เท่านั้น เพราะมันน่ะแอบชอบแฟนฉันมาก เลยทำให้เราไม่ค่อยกินเส้นกัน แล้วถ้ามีโอกาสก็จะเป็นแบบนี้แหละ “เหมือนปากพวกมึงว่างเนอะ!” หลินว่าออกไปอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “ช่างเถอะ ปล่อยพวกมันพูดไป” ฉันตัดบทออกไป เพราะความจริงก็คือความจริง ไม่ว่าพวกมันจะพูดหรือไม่พูด ยังไงฉันก็รู้สึกอยู่ดี “ลองโทรหาพี่เมลดูอีกที แล้วลองคุยกันดีๆ” หลินก็หันมาพูดกับฉันอีกครั้ง ฉันเลยพยักหน้าให้ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาเขา ทั้งที่เขาต้องเป็นฝ่ายโทรมาหาฉันมากกว่า แต่ช่างเถอะ ฉันจะยอมอ่อนให้ก่อนแล้วกัน (ตูดดดดด ตูดดดดด ตูดดดดด) (ตูดดดดด ตูดดดดด ตูดดดดด) “เขาไม่ว่างรับโทรศัพท์มึงเหรอ” ส้มพูดขึ้นหลังจากเห็นฉันเอาโทรศัพท์ออกจากหู และใช่ มันเป็นสายที่สองที่ฉันโทรไป แต่พี่เมลกลับไม่รับ “มึงหุบปากบ้างก็ได้นะส้ม อย่าให้กูหมดความอดทน!” ฉันหันไปมองหน้าส้มก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำให้มันเบะปากก่อนจะหันกลับไปข้างหน้าคืน “ไว้ตอนเที่ยงค่อยลองใหม่ก็ได้” หลินตบไหล่ฉันแล้วบอกออกมา “อืม” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะทำหน้าที่ตัวเองต่อ “ไง พี่เมลรับโทรศัพท์มึงหรือยังล่ะ” ส้มเดินผ่านม้านั่งพวกฉันแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “มึงดูแลแฟนมึงดีๆ หน่อยนะไอ้เบียร์ ที่มันคอยพูดเหน็บกู กูเริ่มไม่มั่นใจแล้วสิ ว่ามันรักมึง หรือยังชอบแฟนกูอยู่” ฉันไม่ตอบส้ม แต่หันไปว่าให้ไอ้เบียร์แทน และก็ได้เห็นสายตาสั่นไหวของไอ้เบียร์ทันที มันเองก็รักส้มมากจนยอมส้มทุกอย่าง แม้แต่คอยพูดตอบโต้อะไรที่ผู้ชายไม่ควรพูดอย่างประเด็นเรื่องของฉัน จนมันลืมคิดไปสินะ ว่าแฟนมันน่ะ เคยชอบแฟนฉันแค่ไหน “ไออุ่น!” ส้มเรียกฉันด้วยความโกรธ สงสัยจะจี้ปม เพราะถ้าเกิดไอ้เบียร์เลิกคบก็คงไม่มีใครคบแล้ว เพราะปากแบบนี้ไงเพื่อนถึงออกห่าง มีแต่ไอ้เบียร์นั่นแหละไปโดนเสน่ห์ตัวไหนมาก็ไม่รู้ “ไปได้แล้ว!” แล้วไอ้เบียร์ก็หันไปเรียกส้มเสียงแข็งก่อนจะลากออกไป แต่ส้มก็ไม่ลืมทิ้งท้ายไว้ให้ฉัน “ระวังเถอะ วันไหนโดนทิ้งมากูจะหัวเราะให้ดู” “อย่าไปฟังมัน” หลินพูดขึ้น ฉันไม่ได้สนใจจะตอบ ก่อนจะโทรหาพี่เมลอีกครั้ง (ตูดดดดด ตูดดดดด ตูดดดดด) แต่ไม่ว่าจะโทรยังไง ก็ยังไม่มีใครรับอยู่ดี “กูทนไม่ไหวแล้ว!” ฉันพูดขึ้นอย่างหมดความอดทนหลังจากติดต่อเขาไม่ได้เลย “ใจเย็นนะมึง” หลินพูดรั้งให้ฉันใจเย็น แต่อารมณ์ตอนนี้บอกเลย “กูเย็นไม่ได้แล้ว!” ฉันตัดสินใจส่งข้อความไลน์ไปหาเขาเป็นสิบๆ ข้อความ และหนึ่งในข้อความนั้น ก็คือ...เราเลิกกัน!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม