ตำหนักร้างกับชายหนุ่มลึกลับ

1345 คำ
องค์ชายอิ้งเยว่ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็มาถึงอาณาเขตของตำหนักเย็น สถานที่ซึ่งเคยจองจำมารดาของเขาเมื่อสิบปีก่อน ความทรงจำอันเจ็บปวดมิเคยเลือนหายไปจากใจเลย แม้เวลาล่วงเลยมาป่านนี้ ร่างสูงในชุดทหารยามมุดผ่านรั้วลวดหนามเข้าไปทันทีที่มาถึง ภายในบริเวณ มีต้นหญ้าแห้งกรังขึ้นสูงจนทึบหนา เขาชักกระบี่ออกมา ก่อนออกแรงฟันสิ่งกรีดขวางเพื่อเปิดทาง จากนั้นก้าวเดินอีกไม่ไกล เขาเก็บกระบี่เข้าฝักตามเดิม ก้มตัวลอดกิ่งไม้ใหญ่ หลบเลี่ยงเถาวัลย์พันเกี่ยวรกรุงรัง ฝ่าเท้าเหยียบย่ำบนถนนเล็กแคบซึ่งแทบมองไม่เห็นพื้นคอนกรีต เนื่องจากกาลเวลาที่ผันผ่านไปนานนับปี ร่างสูงก้าวเดินอย่างมั่นคง ไม่ไกลนัก เขาก็เห็นสิ่งปลูกสร้างเก่าอายุหลายสิบปีตั้งตระหง่านตรงหน้า ผนังปูนเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำเกาะหนาเป็นคราบเขียวดำจนน่าขนลุก ดวงตาสีดำขลับดุจเดือนมืดในยามรัตติกาลจับจ้องไปยังประตูเหล็กกล้าบานใหญ่ สนิมกัดกร่อนจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว แต่เมื่อเข้าใกล้...อิ้งเยว่พลันขมวดคิ้วอย่างสงสัย มีบางสิ่งผิดปกติที่ไม่อาจมองข้ามได้ เขาจ้องมองสิ่งผิดปกตินั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ‘เหตุใดกลอนประตูจึงไม่เหมือนเดิมแล้วเล่า?’ สิ่งนั้นถูกงัดออกจากสลักด้วยฝีมือมนุษย์อย่างแน่นอน หรือว่ามีใครบางคนอยู่ข้างใน? ขณะกำลังตรึกตรอง อิ้งเยว่ในชุดทหารยามก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคน ดูเหมือนว่า ฝ่ายนั้นกำลังวิ่งด้วยความสับสนอลหม่าน ‘มีคนอยู่ในนั้นจริงด้วย…’ นอกจากเขา ยังมีผู้อื่นบังอาจฝ่าฝืนพระบัญชาของเทียนจื่ออีกหรือนี่ พระองค์ทรงสั่งห้ามผู้ใดเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้นานแล้ว บุคคลผู้ไม่กลัวตายผู้นั้น...เป็นใครกันหนอ มือหนาออกแรงง้างประตูเหล็กที่หนักอึ้งให้เปิดกว้าง เสียงดัง เอี๊ยดดด บาดแก้วหู จากนั้นก็แทรกตัวเข้าไปข้างในทันที “นี่!! เจ้าลิงทะโมนตัวแสบ! เจ้าจะรีบหนีข้าไปไย! เอาของของข้าคืนมานะ!” เสียงพูดของมนุษย์นิรนามดังกังวานอยู่กลางโถงกว้าง ร่างสูงถึงกับชะงักงัน ตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า บุรุษหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง สวมเพียงกางเกงชั้นในสตรีตัวเดียว เปิดเผยร่างเปลือยเปล่าผิวขาวโพลน กำลังไล่ต้อนลิงทะโมนไม่ลดละ เจ้าลิงตัวนั้นใช้แขนข้างเดียวกอดหอบอาภรณ์ไว้ ส่วนอีกข้างใช้ยึดเกาะสิ่งของเพื่อปีนป่ายขึ้นบนที่สูงอย่างว่องไว ขณะที่เจ้าหน้าไม่อายนั่น กำลังไล่ล่า ทว่าก็ทำได้เพียงยืนแหงนคอชี้มือชี้ไม้ ปากก็ด่าทอไม่หยุด “ฮึ๋ย! เจ้าลิงบ้าเอ๊ย! เจ้าคิดว่าอยู่ที่สูงเช่นนั้น ข้าจะจัดการกับเจ้าไม่ได้อย่างนั้นรึ!” ผู้มาทีหลังเอ่ยถามเสียงเข้ม “เจ้าเป็นใคร เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?” ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือ เหตุใดหนุ่มน้อยหน้าตาหมดจรด จึงสวมเพียงกางเกงเนื้อผ้าบางเบาชิ้นเดียวปกปิดของสงวนเล่า ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นอกเล็กแคบและหัวนมสีชมพูทั้งสองข้าง ขณะที่เส้นผมยาวสยายยังคงชุ่มโชกไปด้วยน้ำ จังหวะนั้นเอง ฉีอันฉีถึงกับชะงักงัน หยุดด่าทอเจ้าลิงทะโมนชั่วคราว เขาแหงะหน้ามามองตามทิศทางของเสียง ฉีอันฉีนิ่งค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะรวบรวมสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความสงสัยว่า ที่ตำหนักร้างแห่งนี้ มิได้มีแค่เขากับเจ้าลิงหรือนี่? ผู้มาใหม่รูปร่างสูงสง่า เครื่องหน้าหล่อเหลาเอาการ คิ้วคมดั่งกระบี่ ดวงตาสุกสกาวดุจดารา บุคลิกองอาจกล้าหาญ ถึงแม้จะสวมชุดทหารยามอันเป็นทางการ กลับมิอาจปกปิดราศีคล้ายผู้มีฐานะสูงศักดิ์ได้เลย หลังจากอึ้งอยู่นาน หนุ่มน้อยก็ยอมเปิดปากตอบกลับมาด้วยอารมณ์หัวเสีย “วันนี้ ไม่รู้ข้าก้าวขาข้างไหนออกจากห้องสิน่า ไฉนดวงซวยถึงเพียงนี้” ตัวเล็กก้าวขาลงจากต้นเสาที่ทำทีว่ากำลังจะปีนป่ายขึ้นไปบนขอบหน้าต่าง เพื่อหวังแย่งชิงเสื้อผ้าคืนมาจากเจ้าลิงจอมแสบ ที่มันบังอาจขโมยของเขามา ก่อนหน้านี้ฉีอันฉีแค่แอบอู้งานในครัว แล้วหาที่เย็นๆ คลายร้อน จนพบเข้ากับลำธารหลังเขา จึงนึกสนุกอยากเล่นน้ำสักหน่อย อีกทั้งแถวนั้นไม่มีคนอยู่ เขาจึงรีบเปลื้องผ้าจนหมด คงเหลือไว้เพียงกางเกงชั้นในตัวบาง แล้วหอบเสื้อผ้าทั้งหมดวางไว้บนโขดหินข้างลำธาร แต่ใครจะไปคาดคิด ในตำหนักกว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ จะมีลิงป่าหลงมา เจ้าลิงทะโมนแสบตัวนี้ ยังมีนิสัยขี้ลักขี้ขโมยอีกด้วย! มันหอบเสื้อผ้าของเขาวิ่งเตลิดมาจนถึงนี่ หากไม่รีบตามมาให้ทัน ด้วยสภาพเปลือยเปล่าเช่นนี้ เขาจะกลับที่พักได้อย่างไรกัน! “นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไร?” “พี่ชายท่านนี้ ท่านไม่เห็นหรือ? ข้ากำลังตามเจ้าลิงบ้าตัวนี้อย่างไรเล่า” พลางชี้ลิงให้ผู้มาใหม่ดู อิ้งเยว่มองตามมือชี้บอก เขาคิดว่า หากเทียบกันแล้วเจ้าลิงตัวนั้น มีขนาดตัวเกือบเท่ามนุษย์ตัวน้อยนี้เลยทีเดียว ส่วนเจ้าลิง มันกำลังแยกเขี้ยวแหลมคมแสยะยิ้มยียวน ดุจว่ากำลังสนุกสนานที่มันมีความสามารถกลั่นแกล้งมนุษย์ตัวน้อยได้สำเร็จ หรือถ้ามันหัวเราะดังๆ ออกมาได้ มันคงทำไปแล้ว “น้องชาย เจ้าคิดปีนป่ายที่สูงปานนั้น หากเจ้าพลัดตกลงมา มันคุ้มกันหรือไม่?” ตัวเล็กนอกจากไม่ฟังคำเตือน ยังหันกลับมาเถียงคอเป็นเอ็น “ตาท่านบอดหรือ ร่างกายของข้าไม่มีอาภรณ์แล้ว!” “อาภรณ์ของเจ้า... เป็นของสตรี?” คนตัวสูงขมวดคิ้วเอียงคอถาม “ฮึ๋ย!” ฉีอันฉีหมุนตัวเดินไปสองสามก้าว ไม่ห่างกันนั้น เขาเข้าใกล้องค์ชายในคราบทหารยาม แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนบันไดหินสองขั้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก เขารู้สึกจนปัญญาแล้วจริงๆ ตัวเล็กเอามือสองข้างแปะแก้มของตัวเองเอาไว้ ศอกเท้ากับหัวเข่า “เฮ้อ! เจ้าลิงบ้าตัวนี้ ถึงกับทำให้ข้ากลับที่พักไม่ได้ซะแล้ว” “ที่พักของเจ้าหรือ?” องค์ชายอิ้งเยว่ในชุดทหารยามย่อตัวนั่งลงข้างฉีอันฉี “ก็ใช่นะสิ ที่พักของข้า เรือนพักของนางกำนัลน่ะ” “แต่เจ้าเป็นบุรุษนี่?” “ใช่แล้วอย่างไรเล่า ข้าเป็นบุรุษปลอมตัวมา... พี่ชาย ท่านก็เห็นแล้วนี่ ส่วนท่าน ท่านเป็นทหาร ท่านคงไม่คิดจับข้าหรอกนะ หากพี่เขยของข้ารู้เข้า ข้าต้องถูกลงโทษถึงตายแน่” “พี่เขยของเจ้า?” “ข้าหมายถึง องค์ชายอิ้งเยว่น่ะ เขาเป็นพี่เขยของข้าเอง” “เจ้าเคยเห็นองค์ชายอิ้งเยว่หรือไม่?” “ข้าเคยเห็นสิ ข้าเคย... แต่เห็นเขาอยู่ไกลๆ น่ะ” แล้วถอนหายใจ คิ้วหนาย่นเข้าหากัน “เจ้าจดจำพี่เขยไม่ได้รึ?” “ข้าจำได้สิ ถ้าวันนั้นข้าเห็นพระพักตร์ของพี่เขยข้าชัดๆ น่ะนะ” “แปลว่า เจ้าจดจำเขาไม่ได้แล้ว งั้นสิ” “ส่วนท่าน ไฉนเอาแต่ตั้งคำถามใส่ข้าไม่หยุดเล่า” “แน่นอนสิ เป็นเจ้าจะถามหรือไม่ ดูเจ้าสิ เป็นบุรุษแท้ๆ ไฉนสวมเพียงกางเกง... นั่นน่ะ เจ้าสวมกางเกงชั้นในของสตรีไม่ใช่หรือไง!” ฉีอันฉีก้มมองสารรูปตัวเองอย่างสังเวชใจ ก่อนถอนหายใจยืดยาว “พูดถึงเรื่องนี้ คงต้องพูดยาว” “เช่นนั้น เจ้าก็พูดสิ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม