ชายร่างใหญ่เดินยิ้มออกมาจากในบ้าน ทว่ารอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆหุบลง เมื่อเห็นว่ามีใครบางอีกคนยืนอยู่
“เพลิงมาพอดีเลย ตั้มบอกว่าเป็นนักฟุตบอลของมหาลัยเหมือนเพลิงเลยลูก รู้จักกันหรือเปล่า เคยเจอกันบ้างไหม?”
“ครับคุณแม่ พวกเราเจอกันบ่อยเลย แล้วก็สนิทกันมากๆด้วย”
“ได้ยินแบบนี้แม่ค่อยสบายใจหน่อย ต่อไปจะได้มีคนช่วยดูพระพายเพิ่ม ถ้าอย่างงั้นคุยกันไปก่อนนะ แม่ปั่นผ้าทิ้งไว้ปานนี้น่าเสร็จแล้ว”
ครับ!
ทันทีที่หญิงวัยกลางเดินเข้าไปในบ้าน ใบหน้ายิ้มของชายทั้งสองก็หายไป
“พี่มาที่นี่ได้ยังไงครับ?”
“มึงยังมาได้ แล้วทำไมกูจะมาบ้างไม่ได้ล่ะ” ใบหน้าคมยกยิ้ม
ตึกๆ ตึกๆ
“เสร็จแล้ว.. ค่ะ”
0.0!!
“พี่ตั้ม มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
ใบหน้าขาวยิ้มแห้ง เหลือบมองชายตัวโตอีกคนที่กำลังยิ้มมุมปากพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์
“เพิ่งมาเมื่อกี้ พระพายจะไปไหนครับ?”
“กำลังจะ..”
“เสร็จแล้วก็ไปขึ้นรถ”
คำพูดแทรกของชายตัวโตทำให้ตั้มหันมองด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะมองคนตัวเล็กอีกครั้งด้วยความสงสัย
“คือ พะ พวกเรากำลังจะไปที่สนามแข่ง พี่ตั้มไปพร้อมกันสิคะ^^”
“ไม่ได้!”
“ห๊ะ! ทำไมล่ะคะ? รถคันตั้งใหญ่” คิ้วเล็กขมวดย่นจ้องใบหน้าคมคายอย่างสงสัย
“ไอ้ขุนมันฝากกระเป๋ากับอุปกรณ์ไว้ ไม่มีที่พอให้นั่ง สนามแข่งมึงก็รู้จักไม่ใช่เหรอไปเองได้ใช่ไหม?”
คิ้วหนาเลิกสูงยิ้มมุมปาก ก่อนจะคว้าแขนพาคนตัวเล็กเดินออกไปขึ้นรถ โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบคำถาม
ทันทีที่ประตูรถปิดลง สายตาของคนตัวเล็กก็ต้องสะดุดกับผู้โดยสารหลังคนขับที่วางเปล่า ปราศจากสิ่งของหรืออุปกรณ์อย่างที่ชายตัวโตเคยบอกไว้
“ไหนบอกไม่มีที่นั่งคะ?” สาวน้อยชักสีหน้า ขมวดคิ้วมองชายตัวโตด้วยความไม่พอใจ
“ลืมว่าเมื่อคืนไอ้ขุนมันเอากลับไปแล้ว”
“ลืม! เดี๋ยวนะ”
“ทำไม? ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมานั่งรถ”
“คนอื่นที่ไหนคะ พี่ตั้มเป็นนักฟุตบอลในทีมนะแถมยังเป็นรุ่นน้องคณะเดียวกันกับกัปตันด้วยไม่ใช่หรือไง แล้วก็เป็นน้องรหัสของพี่ซะ..
อุ๊บ! อื้อออ~ >.
เสียงเล็กหายเข้าไปในลำคอทันทีที่ถูกริมฝีปากหนากดทับ ลมหายใจร้อนกระทบแก้มยังไม่ตื่นเต้นเท่ากับสัมผัสอุ่นจากปลายลิ้น ที่กำลังสอดแทรกเข้ามาในโพร่งปาก กลิ่นหอมมิ้นท์ปนรสหวานกระตุ้นหัวใจดวงน้อยให้เต้นรั่ว
ตุบ! ตุบ!
อือ~ อื้อ!
ลมหายใจติดขัด กำปั้นเล็กทุบไหล่กว้างส่งเสียงอู้อี้ส่งสัญญาณว่ากำลังจาดขาดอากาศหายใจ ใบหน้าคมผละจูบ สายตาเยิ้มมองใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับไม่อยากหยุดทุกอย่างเอาไว้เพียงเท่านี้
“พูดต่อสิ”
เสียงกระซิบเบา ทำเอาสองแก้มใสแดงเรื่อ ฟันกระต่ายกัดเม้มริมฝีปาก ดวงตาหวานจับจ้องราวกับถูกมนต์สะกดไว้ ไม่ให้เธอละสายตาไปจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้
“ไม่พูดต่อแล้วเหรอ? หื้อ!”
เสียงนุ่มลึกพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม สายตาหวานเยิ้มทำให้หัวใจดวงน้อยค่อยๆหลอมละลายอ่อนเอนไปกับคำพูด ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆอย่างลืมตัว
หึ!
ใบหน้าคมยกยิ้มเค้นขำในลำคอ ก่อนจะทิ้งตัวกลับไปนั่งที่เบาะคนขับ ขณะที่คนตัวเล็กเบาะข้างๆได้แต่นั่งก้มหน้าด้วยความเขินอาย
รถหรูค่อยๆเคลื่อนออกไปจากหน้าบ้านหลังเล็กซึ่งภายในอบอวลไปด้วยความหวาน ทว่าคนที่อยู่นอกรถกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความขุ่นเคืองปนเศร้า ก้มหน้ารับความพ่ายแพ้แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
@ ณ สนามฟุตบอล การแข่งขันฟุตบอลหลีกสุดท้าย
เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่วทั้งสนาม ลูกหนังทรงกลมถูกเตะไปมากระในสนามหญ้าทีมขนาดใหญ่ ผู้ชมนับร้อยจดจ้องจากบนอัฒจันทร์กรีดร้องทุกครั้งที่ลูกฟุตบอลพุ่งเข้าหากรอบสีเหลี่ยมเล็ก
กรี๊ดดด
พี่เพลิง! ขา~~~
เท่ห์จัง กรี๊ดดด~~
“พี่เพลิงขา สู้ๆนะคะ แหวะ! ทั้งสนามเล่นอยู่คนเดียวหรือไง ทำไมไม่เชียร์คนอื่นบ้างยะ พี่ภาคิน พี่ขุนเขา พี่ตั้ม ก็ไม่ได้หล่อน้อยกว่าสักนิด ชิ!”
ใบหน้าเล็กบูดบึ้ง บ่นพึมพำเลียนเสียงเชียร์ของสาวๆ ที่อยู่บนอัฒจันทร์ ขณะที่สายตายังจ้องมองนักฟุตบอลตัวโตในสนาม ซึ่งตอนนี้กำลังวิ่งพาลูกฟุตบอลฝ่าไปจนเกือบถึงหน้าประตูของฝ่ายตรงข้าม
“เป็นอะไร? เห็นนั่งบ่นอยู่คนเดียวนานแล้วนะ”
“บ่นอะไร? ไม่ได้บ่นอะไรสักหน่อย หมั่นไส้” กรามเล็กบีบแน่น กัดฟันตอบคำถามโดยยังไม่ได้หันไปมองเจ้าของเสียง
“หมั่นไส้? หมั่นไส้ใคร?”
“ก็หมั่นไส้สาวๆพวกข้างบนนั้นนะสิ พี่เพลิงคะ พี่เพลิงขา ได้ยินแล้วขนลุก”
จุ๊บแจงที่เพิ่งมาถึง ทำหน้างงมองเพื่อนรักที่กำลังกัดฟันทำหน้าหงุดหงิดอารมณ์เสีย ก่อนจะนั่งลงข้างๆ หรี่ตามอง จ้องใบหน้ากลมเล็กอย่างจับผิด
“มองอะไร? คนยิ่งหงุดหงิดอยู่”
“แปลกไปนะ? หรือว่าที่อารมณ์เสียเพราะว่าหึงผู้หญิงพวกนั้น?”
“0.0! อะไร ใครหึง หึงทำไม ระ ไร้สาระ!” คนตัวเล็กปฏิเสธเสียงดัง แต่อาการและสีหน้า กลับยิ่งทำให้เธอดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
ปรี๊ดดดดด~~
เสียงนกหวีดดังขัดจังหวะ เป็นสัญญาณบอกหมดเวลาของการแข่งขันในครึ่งแรก
“หมดเวลาแล้ว จุ๊บแจงรอตรงนี้นะเดี๋ยวฉันมา”
พูดจบผู้จัดการสาวตัวเล็กก็รีบหิ้วถังเครื่องดื่มวิ่งเข้าไปที่จุดพักข้างสนาม นักฟุตบอลต่างทยอยเดินเข้ามาร่วมตัวกันด้วยสภาพเหนื่อยหอบ
สาวน้อยค่อยๆ แจกจ่ายเครื่องดื่ม และน้ำมันนวดให้กับนักกีฬา
“พระพาย มานี่หน่อย” เสียงเข้มขานชื่อดัง ทว่าคนที่ถูกเรียกกลับทำเหมือนไม่สนใจ
พระพาย!
“รอก่อนนะคะ พี่คะนี่น้ำค่ะ อันนี้ผ้าเย็นของพี่ค่ะ ^^”
“หูหวก ไม่ได้ยินที่พูดหรือไง? บอกว่าให้มานี่”
เสียงเข้มตะคอกดัง ใบหน้าเรียบตึงพร้อมสายตาดุ ทำให้นักฟุบอลทุกคนชะงักมองหน้ากันด้วยความตกใจและสงสัย หากแต่คนที่ถูกเรียกกลับยังไม่รู้ตัว
“น้องพระพายครับ คือ พี่ว่าไปหากัปตันก่อนเถอะ นะครับ” ใบหน้าเหยเกพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ทำให้สาวน้อยต้องหยุดหน้าที่ของเธอเอาไว้เพียงเท่านั้น
คนตัวเล็กถอนหายใจ ชักสีหน้าเหลือบมองเจ้าของเสียงดุที่เรียกหาเธอเมื่อครู่ ก่อนจะเดินย้ำเท้าเข้าไปยืนกอดอกจ้องหน้าคมเข้มที่กำลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออย่างไม่สบอารมณ์
“มีอะไรคะ?”
“นั่ง!”
“ไม่! อยากได้อะไรคะ น้ำดื่มหรือน้ำมันนวด รีบๆพูด คนอื่นรออยู่”
หมับ!
อร้ายยยย
ข้อมือเล็กถูกดึงจนร่างบางเสียหลักล้มลงไปนั่งทับบนตักกว้าง ท่ามกลางสายตาของลูกทีมและโค้ช ร่วมถึงสาวๆที่นั่งมองอยู่บนอัฒจันทร์
0.0!!
“ทำอะไรเนี่ย! ปล่อย เอามือออกไป”
ร่างเล็กตะเกียงตะกายดันตัวลุก ทว่าเจ้าของตักหนากลับไม่ยอมปล่อยให้หลุดออกไปจากอ้อมแขน
“ถ้ายังไม่หยุด ฉันจะจูบ เชื่อไหม?”
เสียงกระซิบ ทำให้สาวน้อยที่กำลังดิ้นหยุดชะงักเหมือนมีปุ่มกด ดวงตาหวานเบิกกว้างยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองไว้แน่น
“หึ! ไม่ดิ้นแล้วเหรอ?”
ใบหน้าคมยกยิ้ม ท่าทางไร้เดียงทำให้หัวใจแกร่งรู้สึกอ่อนไหว อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
“น้องพระพาย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ซันรีบวิ่งปรี่เข้ามาหา ขณะที่สายตาเจ้าเล่ห์เหลือบมองเจ้าของตักที่ตีหน้าเข้มมองด้วยความขัดใจ
“มึงมาเชี่ยอะไรที่นี่?”
“ก็เชียร์พวกมึงไง ที่สำคัญมาช่วยน้องพระพายด้วย น้องพระพายลุกไหวไหมครับ มาพี่ช่วย”
หมับ!!
มือใหญ่ถูกชายตัวโตคว้าไว้แน่น ก่อนจะสะบัดปันมือนั้นออกไป
หึ!
ซันยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะถอยออกปันยืนปัดมือแล้วล้วงกระเป๋ากางเกง เหมือนรู้ความคิดของเพื่อน
“มึงขำอะไร?”
“ขำมึงไง” ซันยักคิ้วยิ้มกว้าง มองด้วยสายตาทะเล้นแม้ว่าอีกฝ่ายจะซักสีหน้าหงุดหงิดใส่ก็ตาม
“เพลิง! มาทางนี้หน่อย”
เสียงเรียกจากโค้ชหนุ่มทำให้ชายตัวโตยอมสาวน้อยออกจากตัก แล้วเดินเข้าไปร่วมกลุ่มกับคนอื่นๆเพื่อวางแผนการแข่งครึ่งหลัง