อินทัชตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ได้หลับไปสามชั่วโมง กรอบใบหน้าของเขามีเหงื่อซึมออกมาเมื่อความฝันประหลาดได้เข้ามาเล่นงานเขาอีกครั้ง อินทัชนึกสังหรณ์ใจบางอย่าง เขารีบโทรศัพท์หาฐิสา และรอหญิงสาวรับสายด้วยความร้อนรน
“มีอะไรเหรออิน” เสียงฐิสาตอบรับ
“สายังกินยาคุมอยู่หรือเปล่า” อินทัชยิงคำถามอย่างตรงประเด็น เพราะถึงแม้เขาจะป้องกันทุกครั้งที่มีสัมพันธ์กับฐิสาตั้งแต่หมั้นหมายกัน แต่เขาก็อยากมั่นใจมากขึ้น
“ทำไมอยู่ๆ ถึงได้โทร. มาถาม กลัวสาท้องเหรอ” ฐิสาย้อนกลับมาด้วยน้ำเสียงราวกับว่ากำลังได้ยินคำถามไร้สาระ “อย่ากลัวเลยอิน ธุรกิจของสากำลังไปได้สวย สาไม่ปล่อยให้พลาดหรอก”
อินทัชผ่อนลมหายใจออกมาทันที แม้จะรู้อยู่แล้วว่าฐิสาไม่มีทางพลาดเรื่องนี้เพราะอีกฝ่ายยังคงห่วงเรื่องงานและไม่พร้อมมีพันธะเช่นกัน แต่เขาก็ยังอยากได้รับคำยืนยันจากเธอ
“ก็ดี...” อินทัชพูดอย่างที่ใจคิด แล้วถามไปอีกเรื่อง “ว่าแต่ของที่ฐิสาลืมที่ห้องผมคืออะไร เมื่อกลางวันผมไม่ทันถาม”
“อ๋อ ยาคุมน่ะ”
หัวใจของอินทัชตกลงไปที่ตาตุ่มอีกครั้ง เรียกชื่อปลายสายเสียงต่ำ “ฐิสา”
“อะไรกันอิน ฐิสาซื้อใหม่แล้วและจำได้ด้วยว่ากินถึงไหน ทำเป็นร้องตกใจไปได้” ฐิสาส่งเสียงกึ่งรำคาญ “มีอะไรอีกไหม สาต้องคุยงานกับพลต่อ”
“ไม่มีแล้ว”
สายถูกตัดไปในทันทีที่อินทัชพูดจบ อินทัชยกมือขึ้นลูบใบหน้า ถึงแม้เขากับฐิสาจะหมั้นหมายกัน แต่ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งรับอีก เพราะมันจะทำให้เขาหวนคิดถึงเรื่องกว่าห้าปีก่อน
เรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจลึกๆ ของเขา
อินทัชดวงตาไหววูบ เมื่อภาพของหญิงสาวที่ใบหน้าแปดเปื้อนไปด้วยน้ำตาสะท้อนขึ้นมาในความทรงจำ เพียงวูบเดียวก็กระทบจิตใจเขาอย่างหนัก ทั้งๆ ที่เขาพร่ำบอกตัวเองอยู่เสมอว่าให้ลืมไปได้แล้ว แต่ความรู้สึกผิดที่ซ่อนอยู่ก็ไม่เคยหายไปจากใจ
อินทัชรู้สึกแน่นในอก เตือนตัวเองอีกครั้งว่าทุกอย่างมันจบไปแล้ว ทั้งเขาและหญิงสาวคนนั้นต่างตกลงแยกย้ายไปตามเส้นทางที่ควรจะเดิน และคงไม่มีวันหวนกลับมาเจอกันได้อีก
หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาจนกลับมาสดชื่นอีกครั้ง อินทัชจึงลงไปยังชั้นล่างของตัวบ้านเพื่อไปเล่นกับเรนนี่ตามที่ตั้งใจเอาไว้ เรนนี่กระดิกหางรออยู่ที่ประตูใหญ่ แต่ยังไม่ทันที่อินทัชจะก้าวถึงประตู โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน
ชื่อของปทุมวดี เพื่อนสนิทของมารดาปรากฏบนหน้าจอ
“ครับป้าดี”
“อิน ตะวันได้โทร. หาอินบ้างหรือเปล่า” ปทุมวดีถามถึงหลานชายด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก
“ไม่นะครับ อย่าบอกนะครับว่ามันหายไปอีก” อินทัชคาดเดาเมื่อเรื่องนี้คือปัญหาเดิมๆ ระหว่างปทุมวดีที่ครองตัวเป็นโสดกับตะวัน หลานชายเพียงคนเดียวที่อีกฝ่ายเลี้ยงดูมา ยามที่ทั้งสองผิดใจกัน ตะวันชอบหนีหน้า หายออกจากบ้านและขาดการติดต่อไป
“ใช่ เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ”
อินทัชได้ยินเสียงถอนหายใจ และเขาก็เดาได้ทันทีว่าสาเหตุครั้งนี้เกิดจากเรื่องอะไร ปทุมวดีคงลืมวันเกิดของตะวันที่ผ่านมาเมื่อวานอย่างเช่นทุกปี
“ป้ามัวแต่โกรธเรื่องที่ตะวันไม่ยอมเรียนต่อ ก็เลยลืมไปหมดทุกอย่าง แต่ตะวันก็ควรจะเข้าใจป้าบ้างสิ ว่าถึงป้าจะลืมก็ไม่ได้แปลว่าป้าจะไม่รักเขาสักหน่อย ทั้งๆ ที่ป้าก็พยายามทุ่มเททุกอย่างให้แล้ว” ปทุมวดีถอนหายใจอีกครั้ง ในน้ำเสียงของเธอแฝงความเหน็ดเหนื่อยในการรับมือหลานชายที่ออกอาการต่อต้านเธอหนักมากขึ้นทุกวันอย่างไร้เหตุผลในสายตาของเธอ “พอวันนี้ป้าโทร. หาก็ไม่ยอมรับสาย ชญช์ก็อีก คงจะถูกตะวันยึดมือถือไปอีกตามเคย ป้าเลยต้องโทร.หาชื่นถึงได้รู้ว่าตะวันกับชญช์พากันออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด”
อินทัชที่ต้องกลายเป็นคนกลางอีกครั้งฟังด้วยความหนักใจไม่แพ้กัน เขาแอบค้านในใจว่าของนอกกายต่างๆ ที่ปทุมวดีพยายามสรรหามาให้หลานชายนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ตะวันต้องการแม้แต่น้อย แต่ความใส่ใจที่ตะวันต้องการนั้นปทุมวดีกลับให้ไม่ได้ รอยร้าวของคนทั้งคู่จึงยิ่งขยายกว้าง แม้จะมีคนกลางอย่างเขาและชญช์ ลูกชายของชื่นแม่บ้านคนสนิทของปทุมวดีที่มีหน้าที่ดูแลตะวันมาคอยช่วยประสาน แต่ก็ทำได้แค่ครั้งคราว เมื่อปัญหาจริงๆ ไม่ได้รับการแก้ไข
เรื่องแตกหักล่าสุดของคนทั้งคู่ คือเรื่องที่ตะวันเกเรไม่ยอมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยต่อ และเอาแต่เที่ยวเตร่ไปมากกว่าสองปี ปทุมวดีที่เห็นว่าตนไม่สามารถควบคุมหลายชายที่อยู่ไกลหูไกลตาได้ จึงตัดสินใจเรียกตัวตะวันกลับเมืองไทย เพื่อหวังจะควบคุมอีกฝ่ายให้ใกล้ชิดด้วยตัวเอง
และปทุมวดียังฝากความหวังไว้กับอินทัชที่กลับมาทำงานที่ไทย เพราะอินทัชเคยช่วยดูแลตะวันตอนที่เขาเรียนปริญญาโทที่อังกฤษเช่นกัน
แต่สุดท้ายปัญหาก็ยังคาราคาซัง เมื่อยังไม่ทันจะคุยเรื่องเรียนต่อในไทยให้รู้เรื่อง ปทุมวดีก็ต้องเดินทางไปติดต่องานที่ต่างประเทศ
“ป้าฝากอินโทร. หาตะวันให้หน่อยสิ อย่างน้อยให้ได้เจอตัวและรู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ยังดี” ปทุมวดีขอความช่วยเหลืออย่างจนปัญญา เมื่อตอนนี้การคุยธุรกิจที่ต่างประเทศของเธอยังติดพันอีกหลายวัน และถึงเธอจะยังโกรธหลานชายแต่เธอก็ยังรักและห่วงใยอีกฝ่ายอยู่ดี
“ครับ เดี๋ยวผมตามให้ แล้วจะโทร.ไป บอกนะครับ” อินทัชรับปาก
“ขอบใจนะอิน” ปทุมวดีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีความหวังขึ้นมาก่อนจะวางสายไป
อินทัชส่ายหน้าน้อยๆ ติดต่อหาตัวต้นเรื่องที่หางานพิเศษให้เขา
“ว่าไงพี่อิน จะโทร. มาแฮปปี้ เบิร์ดเดย์อีกรอบเหรอ เมื่อวานก็คุยกันแล้วนี่” เสียงตะวันตอบรับหลังจากที่อินทัชต้องรอจนสายเกือบถูกตัด
“ตอนนี้แกอยู่ที่ไหนตะวัน” อินทัชยิงคำถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“เชียงใหม่ มาขับรถเล่น”
“อะไรนะ นี่แกขับรถเล่นไปหกเจ็ดร้อยกิโลเลยเหรอ” อินทัชอุทานในขณะที่ปลายสายหัวเราะอย่างไม่รู้สึกผิดสักนิดที่ทำให้หลายๆ คนเป็นกังวล
“นี่แกจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ก็...อีกสักหนึ่งวัน สองวัน หรือสาม...”
“สามวัน” อินทัชสวนขึ้น เมื่อหนุ่มรุ่นน้องยังรวนไม่เลิก “และถ้าแกไม่กลับมาฉันจะไปลากแกกลับมาจากเชียงใหม่ด้วยตัวเอง”