คำตอบของร่างบางทำเอาสามสาวหัวสมัยใหม่หัวเราะร่วน กรกนกเห็นเพื่อนขำก็เลยพลอยขำตามไปด้วย ทั้งสามเห็นหญิงสาวแสนซื่อขำตามพวกเธอก็ยิ่งหัวเราะกันหนักมากกว่าเดิม
“โอเคๆ ฉันจะพยายามทำความเข้าใจว่าวันนี้เธอมีเรียนทำขนมไทยนะ ฮ่าๆ” คนพูดว่าแล้วก็หัวเราะอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดขำกรกนกก็เลยขอตัวออกมาเดินคนเดียว
“เฮ้อ… แค่บอกว่าจะเรียนทำขนมไทย ทำไมต้องหัวเราะกันขนาดนี้ด้วยนะ” หญิงสาวบ่นกับตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ มือเรียวเปิดน้ำก๊อกล้างหน้าเพื่อคลายความเหนื่อยล้า พอรู้สึกสดชื่นจึงเดินออกมายืนรอลิฟต์เพียงลำพัง ร่างบางก้มหน้ามองพื้นพลางเขี่ยเท้าเล่นไปมาระหว่างรอ
ประตูลิฟต์เปิดออกเผยให้เห็นบุคคลที่อยู่ด้านใน กรกนกหายใจติดขัดทันทีเมื่อสายตาประจักษ์เห็นแก่ชายหญิงทั้งสอง เธอยืนนิ่งไม่กล้าขยับเท้าเดินเข้าไป
“ไปด้วยกันไหมคะ?” เมษยากดปุ่มค้างเอาไว้แล้วถามคนตรงหน้า
“เอ่อ…” กรกนกอ้ำอึ้ง สายตาเหลือบมองชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่อยู่ด้านใน เขาแสดงสีหน้ารำคานใจอย่างชัดเจนเลยทำให้หญิงสาวแอบรู้สึกกลัว
“เชิญเลยจ้ะ” เธอตอบพร้อมกับยิ้มหวาน
“มาด้วยกันสิคะ พวกเรากำลังจะลงข้างล่างพอดี” เมษยาเอ่ยชวน
“เขาไม่ไปเราก็ไปกันเถอะเมย์ เสียเวลาชะมัด!”
ธาวินยืนกอดอกถอนหายใจอย่างหงุดหงิด กรกนกกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปในตัวลิฟต์
“รบกวนด้วยนะคะ”
“รบกวนอะไรกันคะ จ่ายค่าเทอมเท่ากันเนอะ”
เมษายาพูดติดตลกเพื่อสร้างบรรยกาศที่ค่อนข้างจะตึงเครียด ชั้นสิบสี่สู่ชั้นหนึ่งนี่มันให้ความรู้สึกเนิ่นนานเสียเหลือเกิน กรกนกรับรู้ได้ถึงรังสีแห่งความไม่พอใจจากคนด้านหลัง
“เรียนคณะเดียวกันใช่ไหมคะ?” เมษยาถามขึ้นอีกเช่นเคย
“อ๋อ ค่ะ เรียนคณะเดียวกัน”
“เราชื่อเมษยา เรียกสั้นๆ ว่าเมย์เฉยๆ ก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะกรกนก” หญิงสาวแนะนำตัวเสียงใส
“รู้จักชื่อเราด้วยเหรอจ้ะ?” กรกนกถาม
“แหม… ดาวมหา’ลัยแสนสวยใครบ้างจะไม่รู้จักล่ะ” คำพูดของเมษยาทำเอาหญิงสาวหน้าหวานเขินอายพอสมควร
“คนนี้ชื่อธาวินหรือเรียกวินก็พอ เป็นเพื่อนร่วมคณะเหมือนกัน” แนะนำตัวคนเดียวไม่พอเมษยาก็ลากคอเพื่อนชายอีกคนให้เข้ามาแนะนำตัวด้วยเช่นกัน ธาวินยังคงยืนกอดอกไม่สบอารมณ์ กรกนกหันไปทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” อย่างเป็นทางการ… ประโยคหลังหญิงสาวต่อท้ายในใจ
“เอ๊ะ! วินนี่ไม่มีมารยาทเลยนะ เพื่อนเขาทักทายแล้วน่ะ”
เมษยาส่งค้อนให้เพื่อนชายตัวดีที่ตีหน้าขรึมอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มจำต้องยอมเปล่งวาจาต่อร่างบาง
“อืม… หวัดดี” เป็นอีกครั้งที่ได้ยินคำพูดสั้นๆ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกจากปากผู้ชายคนนี้ แม้ภายนอกจะนิ่งเฉย หากใครเล่าจะรู้ว่าภายในใจนั้นสาวเจ้ากำลังกระโดดโลดเต้นที่ได้ยินเสียงของเขาอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจพูดกับเธอก็เถอะ
ประตูลิฟต์เปิดออกส่งคนทั้งสามมาถึงที่หมาย กรกนกขอตัวทันที คราแรกร่างบางก็ทำท่าจะเดินไปอีกทางหนึ่งแต่ก็ต้องชะงักและรีบวิ่งตามคนทั้งสองเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
“หยุดก่อนจ้ะ อย่าเพิ่งไป!” เสียงเรียกจากทางด้านหลังส่งผลให้เพื่อนซี้ชะงักงัน กรกนกสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พลางกับสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้พวกเขา
“เรียกเราว่าแก้วเฉยๆ ก็ได้นะ เมื่อกี้เราลืมแนะนำตัวมัวแต่งง ขอโทษทีนะ” หญิงสาวก้มศีรษะให้เขาและเธอ เมษยามองหน้าธาวินแล้วอมยิ้ม
“ไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะแก้ว” กรกนกยิ้มกว้างอวดฟันขาว
“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะเมย์” ร่างบางเงียบเลื่อนสายตามองอีกคน “วินด้วยนะ”
วิน… ได้เรียกชื่อเล่นของเขาแบบนี้ รู้สึกดีจัง
“ยินดีเช่นกัน ทีนี้เราสามคนก็เป็นเพื่อนกันแล้วนะ” เมษยาพูดแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
เพื่อนเหรอ? แก้ว เมย์ และวิน เราสามคนเป็นเพื่อนกันแล้วนะ ธาวิน… ฉันเป็นเพื่อนกับนายแล้วนะ
ณ ห้างสรรพสินค้า
“ทำไมวินทำตัวไม่มีมารยาทเลย ทำสีหน้าแบบนั้นใส่แก้วได้ยังไงกัน?” เมษยาบ่นอุบมาตลอดทาง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนชายถึงได้แสดงท่าทีแบบนั้นใส่หญิงสาวอีกคน
“ก็วินไม่ชอบแม่นั่นนี่ หึ…! ทำตัวใสซื่อนึกว่าไม่รู้หรือไงว่าธาตุแท้ตัวเองเป็นยังไง!” ธาวินว่าพลางกับตัดเนื้อเสต็กรสเลิศเข้าปาก เมษยาหยิกต้นแขนเขาแรงๆ หนึ่งที
“โอ๊ย! เมย์มาหยิกวินทำไมอ่ะ วินเจ็บนะ”
“เจ็บน่ะสิดี ทีหลังจะได้รู้จักระมัดระวังคำพูดซะบ้าง ไปเรียกผู้หญิงเขาว่าแม่นั่นมันใช้ได้ที่ไหนกัน” เมษยาเริ่มเทศนาเขาอีกรอบ ธาวินทำปากขมุบขมิบไม่พอใจ
“ธาวิน! บ่นไร?” ร่างบางเอาเรื่อง
“วินไม่เข้าใจว่าทำไมเมย์ต้องไปทำท่าทางรักใคร่อะไรแม่… เอ่อ กรกนกด้วย”
“แก้วเขาเป็นคนดีจะตาย หน้าตาก็สะสวยแถมกิริยามารยาทก็น่ารักน่าทนุถนอมอีกต่างหาก”
เมษยายิ้มกว้างเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยหวานกับรอยยิ้มปานน้ำผึ้งของเพื่อนสาวคนใหม่ เธอรับรู้ได้ว่ากรกนกเป็นคนดีคนหนึ่ง เผลอๆ จะดีมากเสียด้วยซ้ำ
“รู้จักกันไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ มั่นใจได้ไงว่าเขาเป็นคนดีน่ะ” ธาวินดักคอ
“สัญชาตญาณน่ะรู้จักไหม?” เมษยาตอบเสียงเรียบ
“หึ สำหรับวินอ่ะนะ แม่นั่นคือซาตานในคราบนางฟ้า!”
เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มพ่นวาจาร้ายกาจยามพูดถึงบุคคลที่สามอย่างกรกนก
“ธาวิน… เอาอีกแล้วนะ บอกว่าอย่าเรียกแก้วเขาว่าแม่นั่นไง” ธาวินไม่ใส่ใจอาการโกรธของเพื่อนสาวนอกจากตั้งหน้าตั้งตาทานเสต็กไปเรื่อยๆ ทว่าภายในใจกลับครุ่นคิดแต่เรื่องแม่สาวหน้าหวานอาบยาพิษอย่างกรกนก
ถ้าเป็นเมื่อก่อน… ตอนที่เขายังไม่เห็นธาตุแท้ของเธอ ธาวินก็คงเป็นอีกคนที่โง่งมมองว่าหล่อนเป็นนางฟ้านางสวรรค์ แต่ประทานโทษ! รอยยิ้มหวานหยดกับท่าทีใสซื่อเหล่านั้นมันใช้ไม่ได้ผลกับคนอย่างเขาอีกต่อไป กรกนก… เธอมันร้ายกาจ!