"พ่อ! นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยหรอครับ.."
"พรุ่งนี้ฉันต้องได้คำตอบ ตอนนี้ไปกินข้าวได้แล้ว" บิดาตัดบทเสียงเรียบ และสายตาที่มองมาก็มีความหมายว่าจะต้องเห็นเขาร่วมโต๊ะอาหารค่ำในวันนี้ ก็เลยจำต้องไป..
โต๊ะอาหารในวันนี้ถูกจัดให้นั่งเป็นคู่ๆ พ่อกับแม่และวรธันย์กับรินลดา เธอรู้สึกตลอดว่าถูกร่างสูงจ้องมองมาแบบไม่พอใจหลายต่อหลายครั้ง มันทั้งอึดอัดและลำบากใจจนเธอคิดอยากจะหนีไปให้ไกลจากที่ตรงนี้ แต่ก็ได้แค่คิดเพราะคำว่าบุญคุณมันค้ำคออยู่ตลอด
"ถ้าแกจะโกรธแกมาโกรธฉันคนเดียว เพราะความคิดทุกอย่างมันเป็นของฉัน" คุณสุรศักดิ์ขัดขึ้นมานิ่งๆ เมื่อเห็นลูกชายตัวดีคุกคามว่าที่ลูกสะใภ้ทางสายตาจนเธอนั่งคอตกห่อตัวหลบหนีรังสีอันตรายจากเขา
"พ่อต้องโดนยัยนี่ล้างสมองแน่ๆ นี่คงเข้ามาเพราะหวังเงิน" ทั้งคำพูดและสายตาของวรธันย์ถูกแคลนรินลดาอย่างไม่ปกปิด
"ตาธันย์! " คุณนาฏยาเริ่มมีปากเสียงขึ้นมาบ้างหลังจากปล่อยให้สองพ่อลูกปะทะคารมกันยกใหญ่ แต่ครั้งนี้เธอทนอยู่เฉยให้ลูกชายว่าร้ายร่างบางไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ความจริง!
"ฉันไม่ได้ถูกใครล้างสมอง แต่แกต่างหากที่เป็นคนบีบบังคับฉันให้ต้องทำแบบนี้ ถ้าจะโทษก็จงโทษตัวเอง และอย่าให้ฉันรู้ว่าแกไประรานเจ้าหญิงนะ ฉันสำเร็จโทษแกแน่! " บิดาคาดโทษเสียงเข้ม ทำคนฟังชักสีหน้า หายใจฟึดฟัดด้วยความไม่พอใจ เพราะถูกบีบจนทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
"อิ่มแล้วหรอตาธันย์" ทานข้าวได้ไม่กี่คำวรธันย์ก็รวบช้อนส้อม ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม และดันตัวลุกขึ้นยืนแบบไม่สนใจคำว่ามารยาท
"กินไม่ลงครับ! " บอกแม่เพียงเท่านั้นเขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว รินลดาได้แต่มองตามไปอย่างเครียดๆ สถานการณ์มันชวนให้เธอรู้สึกไม่อยากอาหารตามไปด้วยทั้งที่กับข้าวมากมายบนโต๊ะมีแต่ของดีๆ ที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้ทานอีกหรือเปล่า
"มันเป็นแบบนี้แหละ คิดว่าจะทนได้มั้ยหื้ม" ไล่หลังลูกชายไปคุณสุรศักดิ์ก็เอ่ยถามร่างบางพลางถอนหายใจด้วยความหนักอกหนักใจ เพราะดูก็รู้ว่าเด็กสาวหวาดกลัวเจ้าลูกชายของเขาขนาดไหน กลัวจะยอมแพ้ไปเสียก่อนจะได้แต่ง
"เอ่อ.. หนูจะพยายามค่ะ" เอาตรงๆ เธอก็ไม่รู้หรอกว่าจะทนได้ไหม แต่ยังไงก็ต้องอดทนและพยายามให้ถึงที่สุด แม้ลึกๆ จะอยากถอนตัวใจแทบขาด แต่บุญคุณมหาศาลมันค้ำคอจนไม่กล้าพูดออกไป
คำตอบที่ได้ยินทำสองสามีภรรยารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ภายนอกรินลดาดูเป็นเด็กเรียบร้อย แม้จะแสดงออกชัดว่ากลัววรธันย์ขนาดไหน แต่ก็ไม่ยอมถอดใจง่ายๆ ทั้งที่จะทำก็ทำได้เพราะพวกเขาไม่ได้บังคับ เธอจะถอนตัวตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ยังได้ พวกเขาก็แค่เสียดายนิดหน่อยเท่านั้น..
"หนูต้องอดทนให้มากๆ นะลูก พี่เขาพูดอะไรไม่ดีก็อย่าเก็บมาใส่ใจ แรกๆ อาจจะทุลักทุเลไปสักหน่อย แต่นานไปแม่เชื่อว่าตาธันย์จะต้องหลงเสน่ห์หนูอย่างแน่นอน! " คนฟังยิ้มเจื่อนกับคำเยินยอเกินความเป็นจริงของว่าที่แม่สามี เธอไม่มีความมั่นใจอะไรแบบนั้นเลยสักนิด แค่สู้สายตาเขาก็ยังไม่กล้า..
ทั้งสามคนนั่งทานข้าวต่อกันจนอิ่ม ร่างบางอาสาจัดยาให้คนป่วยทานหลังอาหารแล้วพากันไปนั่งดูทีวีร่วมกันในห้องนั่งเล่นเพื่อรออาหารย่อย ก่อนจะตามไปส่งทั้งคู่ที่ห้องเมื่อได้เวลาเข้านอน
"ฝันดีนะคะ.. คุณพ่อคุณแม่.." เสียงหวานเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้
"ฝันดีจ้ะ อดทนหน่อยนะลูก" คุณนาฏยายิ้มรับ ก่อนให้กำลังใจพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบแก้มใสอย่างเอ็นดู คนฟังพยักหน้ารับนิดๆ ยืนส่งทั้งสองคนเข้าห้องไปจนประตูปิดลงก็เดินกลับมาที่ห้องตัวเอง..
เสียงถอนหายใจดังขึ้นหลังสิ้นเสียงปิดประตูห้อง แม้จะคาดการณ์ไว้แล้วแต่พอได้เจอหน้ากันจริงๆ วรธันย์ดูโมโหร้ายกว่าที่คิดไว้มากจนมองไม่เห็นหนทางที่ชีวิตหลังแต่งงานของเธอจะราบรื่น ยิ่งคุณสุรศักดิ์เอาเรื่องมรดกมาบีบบังคับเขาก็ยิ่งโกรธจัด ดวงตาวาวโรจน์ที่มองมา เธอยังจำมันได้ดี.. ไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตของเธอต่อจากนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำคนในห้องสะดุ้งไหวด้วยความตกใจ ตากลมจับจ้องไปที่ประตูอย่างสงสัย แต่นั่งเพ่งยังไงความสงสัยก็คงไม่กระจ่างเธอจึงลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู.. หัวใจดวงน้อยๆ หล่นตุ้บไปอยู่ปลายเท้าในวินาทีแรกที่เห็นร่างสูงใหญ่ยืนทำหน้าทะมึนอยู่ตรงหน้า ไม่ทันได้ถามอะไรรินลดาก็ถูกอีกฝ่ายดันเข้ามาข้างในตามด้วยตัวเขาแล้วปิดล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา
"เท่าไร! " ผู้บุกรุกเอ่ยถามเสียงห้วน สร้างความมึนงงให้กับคนฟังเป็นอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
"คะ? "
"เธอจะเอาเท่าไหร่ แลกกับการออกไปจากบ้านหลังนี้! "
"........"
"พ่อฉันจ้างเธอมาเท่าไหร่ ฉันให้มากกว่าสามเท่าเลย! "
"...ฉันไม่รับค่ะ" รินลดาถึงกับหน้าชาเมื่อร่างสูงขยายความเพิ่ม ปฏิเสธได้ไม่เต็มปากนักว่าพ่อเขาไม่ได้จ้างเธอมา เธอเหมือนถูกจ้างทางอ้อมเพราะพ่อของเขาเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลของพ่อเธอทั้งหมดแล้วยื่นข้อเสนอเรื่องแต่งงานมาให้ เธอปฏิเสธไม่ลงเพราะบุญคุณครั้งนี้มันมากมายมหาศาล ถ้าไม่ได้พ่อของเขาช่วยไว้ครอบครัวเธอคงแย่
"อะไร สามเท่ายังไม่พออีกหรือไง อยากได้เพิ่ม? " วรธันย์ยังคงไม่ยอมแพ้ ใบหน้าหล่อเคร่งเครียดหนักเมื่อข้อเสนอดีๆ ที่คิดมาถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
"ต่อให้คุณจะให้ฉันเท่าไร ฉันก็ไม่รับทั้งนั้นแหละค่ะ" คำพูดดูแคลนจากเขาทำคนฟังรู้สึกไม่พอใจถึงขั้นเริ่มจะหมดความอดทน เพราะถึงเธอจะจนแต่เธอก็ไม่เคยหวังเงินจากใคร เว้นเสียแต่ว่ามันจำเป็นอย่างกรณีของพ่อ..
"หึ ไม่ต้องสร้างภาพว่าเป็นคนดีหรอกน่า ฉันรู้.. ว่าเธอมาที่นี่เพราะอะไร ฉันยินดีจ่ายถ้าเธอยอมว่าง่าย" คราวนี้ไม่เพียงแต่คำพูด ทั้งน้ำเสียงและรอยยิ้มเยาะแสดงออกชัดว่าคนพูดกำลังดูถูกดูแคลน สายตาก็เหมือนจะรังเกียจเธอจนปิดไม่มิด
"ฉันไม่รับค่ะ! " ความโกรธทำรินลดาเผลอขึ้นเสียงห้วนใส่อีกคนบ้าง ทั้งที่ปกติแล้วเธอไม่เคยพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้เลยสักครั้ง ไม่ว่าคู่สนทนาจะอายุน้อยหรือมากกว่า แต่ในกรณีของเขาคงต้องยกเว้น!
"หึ.. พ่อฉันคงให้เธอเยอะสินะ" ร่างสูงเหยียดยิ้มเยาะ ยิ่งพูดสายตาที่มองคนฟังก็ยิ่งมีแต่ความเกลียดชัง
"เยอะจนคุณคาดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ ต่อให้คุณทุ่มจนหมดตัวก็ยังไม่ถึงครึ่งกับสิ่งที่คุณพ่อของคุณมอบให้ฉันกับครอบครัว.." ร่างบางบอกเสียงอ่อน แววตาไหวระริกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่พ่อล้มพับไปต่อหน้าต่อตา บุญคุณครั้งนี้ของคุณสุรศักดิ์จึงมากมายจนไม่มีอะไรมาเทียบได้
"เหอะ นี่ยอมรับแล้วสินะว่าหวังเงินจากพ่อฉัน" คนฟังดวงตาวาวโรจน์ ด้วยฝังใจแต่จะคิดว่าอีกฝ่ายเข้ามาเพราะหวังเงินเลยไม่อาจเข้าใจเป็นอย่างอื่นไปได้
"เฮ้อ.. แล้วแต่คุณจะคิดเถอะค่ะ" รินลดาถอนหายใจอย่างปลงตก เธอเหนื่อยที่จะต้องพูดกับคนที่ไม่ยอมรับฟังอะไรอย่างวรธันย์เต็มที ไม่ว่าจะพยายามอธิบายยังไงก็คงเหมือนแก้ตัว เลยปล่อยให้เขาเข้าใจไปในแบบที่เขาอยากจะเข้าใจ
"ปากดี! คอยดูเถอะ.. ฉันจะทำให้ทุกคนเห็นธาตุแท้ของเธอ" เสียงต่ำขู่คำรามในลำคออย่างเดือดดาลเมื่อเห็นร่างบางถอนหายใจใส่ ไม่พอยังมองมาที่เขาด้วยสายตาเอือมระอาอย่างที่ไม่เคยมีใครทำ!
"คุณทำเหมือนรู้จักฉันดีจังเลยนะคะ ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง! " เสียงห้วนเถียงกลับไปอย่างเหลืออด เพราะเธอทนให้อีกฝ่ายดูถูกเหยียดหยามมามากเกินไปแล้ว เธอไม่ได้ทำอย่างที่เขากล่าวหาเลยทนเฉยให้เขาดูถูกไปมากกว่านี้ไม่ได้อีก
"ใครจะไปอยากรู้จักยัยผู้หญิงหน้าเงินอย่างเธอเล่า ให้ฟรีฉันยังไม่สนใจเลย! " ถ้อยคำปรามาสยังคงทิ่มแทงใส่คนฟังไม่หยุด ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหเพราะเขาทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ คนถูกว่าเองจากที่มีอาการหวาดกลัวในตอนแรกก็เริ่มจะไม่กลัวอีกต่อไป!
"เรื่องของคุณเถอะค่ะ แต่ขอสรุปให้ฟังอีกครั้งว่าฉันไม่รับข้อเสนอของคุณ คนที่จะทำให้ฉันออกไปจากบ้านหลังนี้ได้มีแค่คุณท่านทั้งสองเท่านั้น หมดธุระแล้วก็เชิญค่ะ ฉันจะนอน" รินลดาตัดบท เพราะคุยต่อก็คงจะไม่ได้อะไรในเมื่อมีแต่คำดูถูกเหยียดหยาม
"เธอ!! " ท่าทางที่ทำเหมือนรำคาญเขาเต็มทียิ่งทำวรธันย์โกรธจนร้อนรุ่มราวกับมีกองไฟสุมอก การกำจัดคนตรงหน้าดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด!
"อยู่นานฉันฟ้องพ่อคุณนะ ว่าคุณมาระรานฉัน" ร่างบางจำต้องขู่เมื่อท่าทางของคนตัวสูงเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกขณะ คำพูดเหยียดหยามเธอพอจะทนได้แต่กลัวถูกทำร้ายมากกว่า
"กรอดด.." คนถูกไล่กัดฟันกรอดจนสันกรามนูนเด่น ทั้งโกรธทั้งเกลียดแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องถอยออกไปก่อน
รินลดาทรุดนั่งลงกับเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงหลังประตูปิดลง มือเล็กยกขึ้นกุมอกเพราะก้อนเนื้อด้านในกำลังสั่นระรัว ไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าปะทะคารมกับเขา ตายๆ โกรธขนาดนั้นคงไม่มีทางญาติดีกันได้แน่ๆ
..
..
..
..