วิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 3
"เฮ้ยๆ ใจเย็นไอ้เสือ มึงจะเมาตั้งแต่สองทุ่มไม่ได้นะเว้ย"
'ภาค' หนุ่มตำรวจจากกรมสืบสวนคดีพิเศษหรือที่เรียกสั้นๆ ว่าดีเอสไอทักขึ้นเสียงหลง เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่กอดคอถือหาง (?) กันมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มเอาๆ ราวกับอดอยากปากแห้งมานมนานทั้งที่คนอย่าง 'วรธันย์ อินทรเกษมกุล' ทายาทจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง 'อินทรเกษมกุล กรุ๊ป' ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟแวร์อันดับหนึ่งของประเทศไม่น่าจะห่างหายจากเรื่องพวกนี้ได้
"เออ เป็นไรวะ มาถึงก็ดื่มเอาๆ หน้าบูดเหมือนตูดไอ้อ้วนเลยเนี่ย"
'อาทิตย์' คู่หูรวมอาชีพของภาคผสมโรงมองงงใส่ร่างสูงอีกคน ต่างกันตรงที่เขาถูกเจ้าตัวตวัดตามองเคืองใส่หลังพูดจบเพราะดันไปเปรียบเทียบหน้าคนกับก้นหมาที่บ้านใส่กัน แต่เขาก็ได้ใส่ใจสายตาเชือดเฉือนคู่นั้น แถมยิ้มเย้ยกลับไปอีกต่างหาก
"มึงก็พูดไป กูว่าตูดไอ้อ้วนยังดูดีกว่าหน้าไอ้ธันย์ตอนนี้เลยว่ะ ฮ่าๆ " ภาคแย้งขึ้น อดไม่ได้ต้องระเบิดหัวเราะร่าไปทีเพราะชอบอกชอบใจกับคำเปรียบเปรยของตนเอง ไม่ต่างจากอาทิตย์ที่รีบยกมือขึ้นแท็คทีมกันอย่างออกนอกหน้า แล้วก็พากันขำเอิ้กอ้ากต่อไป ฝ่ายจำเลยที่ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับหมาได้แต่มองเคืองจนตาแทบถลน เมื่อสองเกลอไม่มีท่าทีว่าจะสนก็เปลี่ยนมายกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มอีก แต่ดื่มให้ตายยังไงก็ไม่หายเครียดเลยจริงๆ
"พ่อบังคับกูแต่งงาน.." เมื่อความรู้สึกนึกคิดมันอัดรวมกันอยู่ในอกมากเกินไปจนหายใจลำบาก วรธันย์จึงตัดสินใจระบายออกไป
"แล้วไงวะ ก็เหมือนทุกที"
"เออ กูเห็นพูดแบบนี้หลายทีแล้ว ก็ไม่เห็นแต่งสักที" สองหนุ่มทำหน้างงเพียงเล็กน้อยก็กลับมาผ่อนคลาย เพราะปัญหาหนักใจที่ทำให้เพื่อนรักเรียกพวกเขาออกมาดื่มกันตั้งแต่หัววันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอย่างที่คิด
"ครั้งนี้พ่อกูยื่นคำขาด.. ถ้าไม่แต่ง กูจะไม่ได้มรดกเลยสักบาทเดียว! " คนพูดขบฟันดังกรอด แก้วเหล้าในมือถูกบีบแน่นจนกลัวจะแตกคามือ เพราะนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อตอนหัวค่ำทีไรก็เป็นต้องอารมณ์ขึ้นทุกที
"เฮ้ย เอาจริงดิ? " คราวนี้สองสหายหันมาทำหน้าตาตื่น เพราะเรื่องที่พ่อแม่เพื่อนอยากให้แต่งงานนั้น เดิมทีก็เคยรับรู้กันอยู่และรู้สึกเฉยๆ มาตลอด ไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้จะมีเงื่อนไขสำคัญเพิ่มเข้ามาด้วย!
"เอางี้ดิ.. มึงก็แต่งกับเกวลินตบตาพ่อมึงไปก่อน เบื่อเมื่อไรค่อยหย่าก็ได้" อาทิตย์พยายามช่วยคิดหาทางออกหลังจากหายอึ้งก่อนใคร ภาคเองก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที ซึ่งหญิงสาวที่กำลังพูดถึงก็คือคู่ขาที่เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นแฟนของวรธันย์นั่นเอง
"ทำงั้นได้กูคงไม่มานั่งเครียดแบบนี้หรอก! เขาหาเมียมาให้กูเสร็จสรรพ เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ เพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ! " ร่างสูงชักสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใส่เพื่อน แต่ก็ผิดที่เขาเองที่ไม่ยอมเล่าออกไปให้หมด พวกนั้นจึงไม่รู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกมากขนาดนั้น
"ฮะ? ได้หรอวะ"
"เชี่ย.. งี้มันคลุมถุงชนชัดๆ เลยหนิ" ทั้งสองหนุ่มทำหน้ามึนงงตกใจกับสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนละครหลังข่าวขึ้นกับเพื่อน
"ก็เออน่ะสิ! กูมีทางเลือกที่ไหน มรดกไม่ได้ไม่พอ ยัยนั่นยังจะได้ส่วนที่ควรจะเป็นของกูไปตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์ แม่ง.. เข้ามาชุบมือเปิบชัดๆ! " วรธันย์กัดฟันแน่นจนสันกรามนูนเด่น พยายามข่มอารมณ์แม้จะทำได้ยากเย็นเต็มที
"สามสิบเปอร์เซ็นต์ก็เท่ากับกลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืนเลยนะเว้ย ใช้ดีๆ ทั้งชาติก็ไม่หมดอ่ะ" ภาคเอ่ยพลางหรี่ตาประเมินสถานการณ์ไปพร้อมๆ กับคิดหาทางออกช่วยเพื่อน
"ก็เออน่ะสิ กูถึงเครียดอยู่เนี่ย กูไม่ยอมให้ใครก็ไม่รู้มาแย่งสิ่งที่กูควรจะได้ไปง่ายๆ หรอกนะ! " ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนมีใครมาสุมไฟใส่กลางอก ซึ่งใครที่ว่าก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นนั่นแหละ!
"แล้วจะเอาไง ก็ต้องแต่งป้ะ" อาทิตย์ถามอย่างปลงๆ มองสบตาเพื่อนทั้งสองอย่างต้องการความคิดเห็น เพราะตัวเขานั้นคิดจนสมองรวนก็ไม่เจอทางออกสำหรับเรื่องนี้
"ก็คงต้องเป็นงั้นอ่ะ แล้วพ่อมึงบอกอะไรอีกวะ เขาอยากให้แต่งทำไม คนไม่ได้รักกันแต่งกันไปก็ไปกันไม่รอด ต้องหย่าอยู่ดีป้ะวะ" ภาคเองก็เห็นตรงกันว่าไม่มีทางออกสำหรับเรื่องนี้ เลยถามหาเหตุผลที่คนเป็นพ่อตัดสินใจทำแบบนี้กับลูกชายเพียงคนเดียวขึ้นมาแทน
"เขาอยากอุ้มหลาน.." คนถูกถามตอบพร้อมกับถอนหายใจอย่างตึงเครียด เรื่องแต่งงานเขายังไม่อยากจะคิด แล้วเรื่องมีลูกจะมาอยู่ในสมองของเขาได้ยังไงกัน!
"อ้อ เข้าใจล่ะ" ภาคพยักหน้าเข้าใจ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากเมื่อเข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่ทั้งสองที่มีลูกชายเพียงคนเดียวก็คือคนที่กำลังนั่งทำหน้าเครียดอยู่ตรงหน้า การแต่งงานและมีทายาทคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ เพราะมันถึงเวลาสมควรแล้วที่วรธันย์จะต้องสร้างครอบครัวและมีทายาทสืบสกุลต่อไปเสียที
"มึงก็.. แต่งๆ ไปเหอะ ทนๆ เอา มีลูกให้เขาเมื่อไหร่ เขาพอใจค่อยหย่าก็ได้นี่หว่า หรือว่าที่เมียมึงขี้เหร่มากจนอึ๊บไม่ลงวะ" อาทิตย์ถามกลั้วเสียงขำเล็กๆ
สิ้นคำคนถูกถามก็พลันนึกไปถึงใบหน้าว่าที่ภรรยาในอนาคตอันใกล้.. ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารินลดาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ตรงสเป็ค ชนิดที่ว่าถ้าไม่ได้เจอกันด้วยสถานการณ์แบบนี้เขาคงตกหลุมรักเธอได้ง่ายๆ แต่พอได้เจอกันแบบนี้นอกจากจะรักไม่ลงแล้วยังเกลียดเข้าไส้!
"ก็.. ไม่แย่" ร่างสูงโคลงศีรษะไล่ความคิดแปลกๆ ในแวบแรก ก่อนตอบไปแบบกลางๆ ไม่เจาะจงให้คนฟังรู้สึกสนใจ
"ก็ยังดี มึงก็ทนๆ ยอมๆ พ่อมึงไปก่อน ท่องไว้ว่าเพื่อเงิน มีหลานให้เขาสักคนค่อยหย่า ถึงตอนนั้นเขาคงไม่ห้ามมึงแล้วแหละ สมใจแล้วนี่" ภาคสรุปสิ่งที่พอจะทำได้ก่อนปล่อยเบลอไม่คิดอะไรเครียดๆ ให้เสียบรรยากาศอีก แค่นี้ก็ดื่มต่อไม่ลงแล้ว
"เฮ้อ มึงนี่ก็นะ ดันเกิดมาเป็นลูกคนเดียวอีก" อาทิตย์ถอนหายใจ ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายพลางนึกย้อนมาถึงตัวเอง ดีนะที่เขาไม่ใช่ลูกคนเดียว ไม่งั้นถูกพ่อแม่กดดันหนักอย่างเพื่อนแน่ๆ แต่จะว่าดีก็ไม่ดีไปเสียทีเดียว เพราะเขาเป็นลูกชายคนโตพ่อแม่ไม่ถึงกับกดดันแต่ก็คาดหวังไม่น้อยเลยเหมือนกัน
"กูเลือกเกิดได้หรือไง" คนถูกว่าแยกเขี้ยวคำรามใส่ พอจะทำให้วงสนทนาเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาได้บ้าง
พอได้ข้อสรุปเพื่อนทั้งสองก็คุยกันไปเรื่องอื่น ไม่วกกลับมาเรื่องเครียดๆ อีก พวกนั้นเฮฮาได้ทันทีที่เหล้าเข้าปาก มีเพียงวรธันย์คนเดียวที่เฮไม่ออกเลยทำเพียงนั่งดื่มและคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ แน่ล่ะ.. มาเจออย่างเขาใครไม่เครียดก็บ้าแล้ว!
ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าชีวิตชายโสด (?) ที่เพรียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาฐานะอย่างเขาจะมาลงเอยแบบนี้ เขาสนุกและพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ ทำงานทุกวันแต่ก็หาความสนุกใส่ตัวไม่เคยขาด ยิ่งไม่มีพันธะผูกมัดกับใครก็ยิ่งไปได้สุดเท่าที่ใจต้องการ แต่ต่อไปมันจะไม่มีแบบนั้นอีกนี่สิ..
จะว่าเสียดายก็เสียดาย แต่ลึกๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าเขาจะอยู่แบบนี้ไปตลอด เมื่อไรที่พร้อมเขาเองก็อยากจะสร้างครอบครัวอย่างคนอื่นเขาเหมือนกัน เพื่อนๆ ต่างบอกว่าเขาหวงความโสดแต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย เขาแค่ยังไม่เจอใครที่อยากจะลงเอยด้วยก็เท่านั้น เจอแต่เหมือนจะใช่แต่ก็ได้แค่เหมือนทุกที..
วันต่อมา
รินลดาตื่นเช้าเป็นปกติแม้วันนี้จะมีเรียนสาย เพราะเดิมทีเคยชินกับการตื่นมาช่วยแม่ทำกับข้าวไปขายในตลาด ซึ่งมื้อเช้านั้นจะทำแค่อาหารง่ายๆ เช่น โจ๊ก ข้าวเหนียวหมูปิ้ง แซนวิชและกับข้าวเบาๆ อีกสองสามอย่าง โดยเน้นเมนูทานง่ายสำหรับนักเรียน นักศึกษาและคนทำงานในวันรีบเร่ง ส่วนกับข้าวหลักๆ ที่ทำเยอะจริงๆ คือมื้อเย็นซึ่งเธอขอคุณหญิงไว้แล้วว่าจะไปช่วยแม่ขาย แต่ตอนนี้พอไม่ได้ช่วยแม่ทำกับข้าวอย่างเดิมแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร ร่างบางเลยเดินเลียบๆ เคียงๆ ไปที่ห้องครัวเผื่อว่าจะช่วยป้าๆ แม่บ้านทำครัวได้บ้าง