พสุธา ทองคำ หรือ พี่แทน ชื่อที่น้องบัว หรือบุษยา เศวตร มักเรียกหาตลอดเวลา เขาเป็นเด็กที่เกิดและเติบโตขึ้นที่บ้านของนายหัวบัญชร เศวตร หนุ่มลูกเสี้ยวชาวต่างชาติผิวสี รูปหล่อ ผิวคล้ำสูงใหญ่นัยน์ตาสีฟ้า เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับ บุษยา เศวตร เด็กสาววัยใสที่เดินตามติดเป็นเงาตามตัว จนก่อเกิดความรักความผูกพันอันแสนลึกซึ้ง สองหนุ่มสาวต่างวาดฝันถึงอนาคตอันแสนหวานที่จะมีกันและกันตลอดไป
แต่ในที่สุด พสุธา ก็ถูกนายหัวบัญชรสั่งให้คนทำร้ายและพาขึ้นเรือหาปลาเถื่อนออกไปไกลกลางทะเล ไม่ได้กลับมาอีกเลย จนกระทั่งสามปีบนเรือนรกได้ผ่านพ้นไป เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับหัวใจรักที่ยังเต็มเปี่ยมแล้วพบว่าน้องบัวของเขากำลังหมั้นอยู่กับคนอื่น เขาจึงหันหลังกลับมาออกจากบ้านเศวตรอีกครั้งพร้อมไฟแค้นที่สุมในอก แค้นทั้งพ่อ แค้นทั้งลูก
บุษยาที่ยังเฝ้ารอคอยพี่แทนอยู่เสมอ ในใจวาดหวังไว้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ เธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยตั้งแต่ครอบครัวเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง แต่ความรับผิดชอบของบ้านหลังนี้ ทำให้เธอต้องดิ้นรนทุกวิถีทางที่จะรักษามันไว้
สิบปีผ่านไปหลังจากที่พี่แทนของเธอหายตัวไป ในที่สุดเขาก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของเธอ หนี้ที่เธอต้องชดใช้ด้วยหัวใจและร่างกาย
...........................................................................................................
หัวใจดวงน้อยเต้นรัวดั่งมีชีวิตขึ้นอีกครั้งหลังจากตายด้านมาหลายปี มือทั้งสองกุมแน่นบนตักตัวเองบีบให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ฝันไป จมูกใหญ่งองุ้มเล็กน้อยเฉียดแก้มนวลแดงซ่าน ถ้าเธอได้ยินไม่ผิด เขาแอบสูดลมหายใจอยู่ด้านหลัง
“สามสิบปี พี่ว่ามันนานเกินไปหน่อยนะบัว”
เสียงมือแกร่งพลิกหน้ากระดาษตรงหน้าแทรกเข้ามาในห้วงอารมณ์ที่กำลังกระเจิดกระเจิง ร่างเล็กเอนกายถอยจนหน้าอกชิดขอบโต๊ะแต่กายสูงใหญ่ยังโน้มส่งน้ำหนักลงบนแผ่นหลังบอบบาง
แผ่นอกแกร่งร้อนระอุไปทั่วทั้งผืน ไฟปรารถนาคุโชนจนแทบหักห้ามตัวเองไม่ได้ เขาดันอกแกร่งรัวเต้นกระหน่ำราวกลองตีทาบไปบนหลังอันบอบบาง
จมูกปัดผ่านพวงแก้มชมพูระเรื่อ เขาเหลือบดวงตาสีฟ้ามองริมฝีปากกว้างเผยออ้า ลมหายใจของคนร่างเล็กขาดห้วงและทรวงอกเต้นถี่
“นะ นายหัวอยากให้ฉันชำระหนี้สักกี่ปี”
“พี่ว่า ปีเดียวก็พอ”
หน้าหวานหันขวับด้วยอาการตกใจ ปีเดียว! และทันทีเมื่อเธอหันใบหน้ามาทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่อยู่ใกล้กัน สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นเป่ารดลงมา กระพริบตาคมรีหนึ่งครั้งแล้วเหลือบสายตาขึ้นมอง
บางครั้งบุษยาก็ยอมรับกับตัวเองว่ามักเป็นคนที่คิดอะไรสั้นเสียจนทำร้ายตัวเอง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ร่างเล็กกำลังถูกดึงขึ้นจากเก้าอี้วางไว้บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ตกอยู่ในห้วงหวามไหว ดวงตาคมรีไม่อาจละไปจากนัยน์ตาสีฟ้าเข้มข้นที่มองเธอด้วยความปรารถนาทั้งหมด
ร่างระหงแอ่นโค้งยามฝ่ามือแกร่งสัมผัสแผ่นหลังดันให้หน้าอกอวบอิ่มพุ่งชูชันเข้าหาอกร้อนแน่นหนั่น ความรู้สึกบางอย่างหวนคืนมาสู่เธอ ราวกับว่าเวลาสิบปีไม่ได้หายไปไหนเมื่อริมฝีปากกว้างเย้ายวนเผยออ้ารับจูบแผ่วเบาในคราแรก ค่อยแทะเล็มทีละนิดจนในที่สุดกลายเป็นหนักหน่วงเร่าร้อน
มือใหญ่ชอนไชดึงรั้งท้ายทอยไว้ ตรึงให้รับจูบร้อนแรงที่คนร่างโตปลดปล่อยออกมา กดริมฝีปากหนาลงบดขยี้ด้วยแรงอารมณ์ดิบเถื่อน ทั้งบังคับให้เธอเปิดปากรับลิ้นสากร้อนลวก ลิ้นเขากวาดไล้ไปทั่วทั้งโพรงปาก ลิ้มรสชาติของหญิงสาวที่เขาโหยหามาเนิ่นนาน
ทาบมือลงบนทรวงอกคลึงเคล้นแรงจนเสียงหวานร้องประท้วง แต่เขาไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งนั้น กายชายบ้าคลั่งเพียงแค่ได้จูบเธออีกเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมาสิบปี ลำแกร่งแข็งชันจนต้องบรรเทาลงด้วยการดึงร่างเล็กมาขอบโต๊ะแล้วแทรกกายแกร่งไปตรงกลางหว่างขา ดันจนท่อนเนื้อชูชันได้สัมผัสกับเนินเนื้อสาว
ร่างเล็กในอ้อมกอดสะดุ้งก่อนครางเสียงหวานลอดลำคอระหง แขนเรียวยาวเกาะเกี่ยวบ่ากำยำของเขาไว้แน่น ยอมรับความร้อนแรงที่เขาถาโถมเข้าใส่เธอ
ก๊อก ก๊อก!!
“นายหัว”
เสียงทัดทองแทรกเข้ามาระหว่างพายุพิศวาสกำลังพัดพา ร่างแกร่งต้องจำใจถอนริมฝีปากออกจากความฉ่ำหวาน มองใบหน้าหวานแดงซ่านยังหลับตาพริ้ม
“รอก่อน!”
เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้คนร่างเล็กหลุดออกจากห้วงฝันกลางวันดวงตาเบิกกว้าง กวาดตามองหน้าคมเข้มที่ยังเปี่ยมด้วยแรงปรารถนา
“หนึ่งปีบัว ย้ายมาอยู่กับพี่หนึ่งปีแล้วทุกอย่างจะกลับไปเป็นของบัว”
“นะ นายหัว”
“พี่ไม่ใช่นายหัว อย่าเรียกพี่ด้วยคำนั้นอีก”
เสียงกร้าวกระด้างพูดลอดไรฟัน กายแกร่งถอยห่างออกมาช่วยบุษยาลงจากโต๊ะ เดินกลับไปยังหลังโต๊ะทำงาน เท้าแขนลงบนโต๊ะเงยหน้าขึ้นจ้องเธอด้วยนัยน์ตาสีฟ้าสด
“เก็บเอกสารนั่นไปสะ มันไม่มีประโยชน์เพราะพี่ไม่ได้ต้องการมัน พี่ต้องการบัวบนเตียง ตลอดเวลาหนึ่งปี บัวต้องพร้อมให้พี่เสมอไม่ว่าที่ไหน”
ร่างเล็กผงะออก เอื้อมมือออกไปเก็บเอกสารที่ร่วงหล่นพื้นยามที่ทั้งคู่กำลังตกอยู่ในห้วงเสน่หา ยืดกายขึ้นแล้วเอี้ยวตัวเพื่อกลับออกไปด้วยความอับอาย
“พี่ให้เวลาถึงแต่วันอาทิตย์ก่อนสามทุ่ม ตัดสินใจสะ”
เท้าเล็กชะงักก่อนก้าวเท้าเดินต่อแต่ต้องหันหลังกลับไปมองหันควันเมื่อได้ยินประโยคต่อไป
“อีกเรื่อง พี่ไม่เหมือนเมื่อก่อน พี่เอาค่อนข้างรุนแรงและป่าเถื่อน พี่อยากให้บัวรู้ไว้ ถือสะว่า...ประกอบการตัดสินใจ”
น้ำเสียงทุ้มนาบเนิบ ส่งบรรยากาศภายในห้องอุณหภูมิพุ่งสูง ดวงตากลมเบิกกว้างกระชับเอกสารแนบอกสาวเท้าตรงไปที่ประตู