บทนำ
“ขาดอีกสองคน กูคิดว่าเราต้องหาเพิ่มว่ะ”
“สามคนไม่ได้เหรอ กูไม่อยากรวมกลุ่มกับใคร”
“งานกลุ่มครับมึง จารย์ให้รวมห้าคนก็ต้องห้าคน”
“แล้วใครมันจะอยากมาอยู่กับเราวะ”
เออ.. นั่นดิ ใครมันจะอยากมาอยู่กับเรา ไอ้พวกเสือพวกตะเข้สามคน
“แต่กูว่ามี...”
น้ำเสียงห้าวต่ำของชายหนุ่ม พร้อมด้วยปลายคางเชิดมองผู้หญิงสองคนที่กำลังเหลียวซ้ายแลขวาหากลุ่มไม่ต่างกัน ทำให้เพื่อนทั้งสองที่กำลังถกประเด็นเรื่องสมาชิกโปรเจกต์อยู่ก่อนหน้านั้น ต้องหันมองตามอย่างเสียไม่ได้
“มึงหมายถึง สองคนนั้นเหรอ ไอ้ดาวคณะนั่นน่ะนะ”
“อือ..”
ซีดาน ตอบเสียงเบาในลำคอก่อนรอยยิ้มมุมปากจะผุดเผยขึ้น
ภายในใจเขาไม่ค่อยสบอารมณ์ต่อหนึ่งในนั้นนัก ทว่าเพื่อความอยู่รอดตลอดสี่ปีข้างหน้าเลยจำเป็นต้องหาเครื่องมือที่พอพึ่งพาและมีประโยชน์ต่อการเรียนให้ได้
“ยิ้มเหี้ยไร มึงชอบมันเหรอ?” เป็นเสียงของเพื่อนอีกคนอย่าง เคย์เดน ที่ดังแทรก
ชายหนุ่มเหลียวมองเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนอินเตอร์ด้วยกันอย่างสงสัยพฤติกรรมสยิวใจของอีกฝ่าย
“ชอบก็เหี้ยแล้ว สวยกว่านี้กูเจอมาเยอะ”
สวยตรงไหน ดาวคณะก็ดาวคณะเถอะ ในสายตาเขาถือว่าเธอธรรมดามาก ส่วนอีกคนที่นั่งข้างกันก็หน้าตายังกับหนอนไม้ไผ่ เตี้ยจัด ส่วนสูงคงไม่ถึงหัวไหล่เขาด้วยซ้ำ
“เอาไง เอาไม่เอา ถ้าเอาเดี๋ยวกูไปดีลให้”
วินเซนต์ หันกลับมามองเพื่อนพลันเอ่ยปากถามต่อ ถ้าเพื่อนสนิททั้งสองตกลงกันได้และไม่มีปัญหา เขายินดีทำหน้าที่ประสานงานทันที
“ตามนั้น คุยๆ ดูก่อน ประทับใจค่อยตกลง”
ซีดานปัดมือบอกให้เข้าใจ คุยๆ ดูก่อนในที่นี้คือขอดูหน้าใกล้ๆ ชัดๆ ก่อนมารยาท วาจาเป็นกันเองไม่เรื่องเยอะ ค่อยเอามาเข้ากลุ่มเรา
“กูโอเค” สำหรับเคย์เดนแล้วแต่เลย เพราะชายหนุ่มไม่ใช่คนเรื่องเยอะ
“เค.. อย่าเรื่องมาก ถ้าเรื่องมาก ไม่จบปีสี่แน่ครับ”
วินเซนต์หลุดหัวเราะ จนสุดท้ายจึงปลีกตัวเดินออกจากที่นั่งชั้นบนสุดของคลาสไปหาหญิงสาวทั้งสองคนซึ่งนั่งอยู่ตรงแถวกลาง
พูดคุยเพียงสองสามคำไม่มาก พวกเธอก็หันตามสายตาเขาขึ้นมาด้านบน และไม่กี่นาทีต่อมาสองสาวก็เดินตามมานั่งด้วยกัน พลันส่งยิ้มเนืองๆ ทักทายคนที่เหลือตามมารยาท
“เอ่อ.. นี่ กลุ่มเรา เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนอินเตอร์ละ ไอ้นี่เคย์เดน ส่วนนั่น ซีดาน”
มาถึงก็จัดการแนะนำตัวบุคคลที่เหลือก่อนเลย วินเซนต์ผายมือไปหาทั้งสองคนตามลำดับ แนะนำให้พวกเธอได้รู้จัก
“ดี..” เคย์เดนยกมือทักเล็กน้อย ส่วนอีกคนนั่งนิ่งแต่แววตาดูมีเลศนัยแปลกๆ
เขาจ้องไปที่ผู้หญิงหน้าจืด หน้าเหมือนหนอนไม้ไผ่ที่เจ้าตัวแอบว่าในใจ กระทั่งเพื่อนกระทุ้งศอกเข้าที่เอวหนาเรียกสติจึงยอมละสายตาพูด
“เออดี.. แต่ไม่ใช่หวัดดีนะ รุ่นเดียวกัน กูคงไม่จำเป็นต้องมีมารยาท”
ซีดานข่มสายตามองเธออีกรอบ พลันกอดอกเบือนหน้าถอนหายใจอย่างงงอารมณ์ตัวเอง.. แค่ไม่ชอบหน้ายัยนี่ มองแล้วเหมือนเต้าหู้ด้วย วอกสุด!
“นั่งก่อนๆ อย่าถือสามัน มันเป็นบ้า”
วินเซนต์พูดขัดแก้เขินแทนเพื่อน ก่อนจะตบลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามให้ผู้หญิงทั้งสองนั่งลงจะได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว
“แล้วชื่อไรนะ.. กูจำหน้ามึงได้ แต่จำชื่อไม่ได้”
เคย์เดนพยักพเยิดไปทางดาวมหา’ ลัยที่นั่งเยื้องเขาในรัศมีไม่ห่างกัน คุ้นหน้าแหละ เพราะเธอลงเพจของมหา’ ลัยบ่อย คนของสังคมเลยถูกเอาไปโปรโมตเรื่องภายในเยอะแยะ แต่สำหรับชื่อ จำไม่ได้
“ดีเลอร์ เรียกกูว่าเลอร์ก็ได้” หญิงสาวผมยาวจรดกลางหลังเอ่ย
ใบหน้าสวยคมดูเหย่อหยิ่งในสายตาคนอื่น ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ลึกเกี่ยวกับภายในจิตใจของเธอดี
“ส่วนเราชื่อเมเกล” ผู้หญิงอีกคนเอ่ยตามต่อ ทำให้คนทั้งสามหันไปมองตามเสียงเล็กหวานของเธอทันที
“อ่า... ชื่อน่ารักดีนะ”
วินเซนต์ถึงขั้นเผยยิ้มมุมปาก ปกติเขาเจอแต่ผู้หญิงแรงๆ ผ่านมาและผ่านไปในชีวิต ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจอคนน่ารัก หน้าหวาน และดูอ่อนโยนก็ว่าได้เลยเผลอพลั้งปากชม
“กูไม่สะดวกเรียกว่ะ เรียกยาก ขอเรียก อีหนอน แทนแล้วกัน”
คนที่นั่งฟังบทเสวนาก่อนนั้น จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นหลังจากเธอแนะนำตัวจบ ใบหน้าหวานหันมองเขาด้วยแววตางุนงงก่อนจะเลิกคิ้วสงสัยเล็กน้อย
“อะไรของมึง ชื่อเขาดีๆ มีให้เรียกไม่เรียก” เคย์เดนถึงขั้นแอบปราม จังหวะกำลังสานสัมพันธ์มิตรภาพ แต่ไอ้ซีดันมีปัญหาขึ้นมาซะงั้น
“กะเกล เมเกล ยากๆ เรียกยาก กูไม่สะดวกปากไง ขอเรียกหนอนแทน”
“ทำไมต้องหนอนเหรอ?”
เมเกลตัดสินใจเอ่ยเต็มน้ำเสียงถามอีกฝ่าย เป็นครั้งแรกที่มีคนสร้างเรื่องเกี่ยวกับชื่อของเธอ เลยอยากรู้ด้วยความสงสัยทั่วไป
“เพราะหน้ามึงเหมือนหนอนไม้ไผ่ไง ดูจืดๆ ดูไม่มีรสชาติ นมก็แบน ตูดก็น่าจะ.. อือ”
“พอก่อนไอ้เหี้ย มึงทำเขาตกใจมากรู้ตัวไหม”
เคย์เดนปิดปากเพื่อนแทบไม่ทัน เวลานี้ทุกคนดูตกใจมากโดยเฉพาะผู้หญิงหน้าหวานอย่างเมเกล เธออ้าปากเหวอเล็กน้อยเมื่อโดนเพื่อนของเขาสาธยายเกี่ยวกับความคิดในสมองตัวเอง
“เอ่อ อย่าสนใจมัน มันนอนน้อย กูขอโทษแทนแล้วกัน”
วินเซนต์ที่เป็นฝ่ายรับหน้ากลุ่มอยู่ตลอดเวลาเอื้อมมือไปตบบ่าเมเกล เรียกความสนใจเธอให้หันมาทางเขาแทน
พรู่วว.. ไม่รู้จะไปต่อยังไง แต่ตอนนี้คงต้องแก้สถานการณ์ไปก่อน เพราะดูทรงแล้วเพื่อนร่วมคลาสคนอื่นก็จับกลุ่มกันได้เรียบร้อย เหลือแต่พวกเขาเนี่ยแหละที่ยังไม่ตกลงกันเป็นชิ้นเป็นอัน แถมไอ้ตัวตึงยังมาสร้างเรื่องตั้งแต่เสี้ยวแรกอีก
ยับจัด ตับหมาฉิบหาย..
โชคดีที่สองสาวไม่ถือสากับสิ่งที่ซีดานพ่นวาจาออกไป เลยตอบตกลงเข้ากลุ่มอย่างง่ายดาย หรืออาจเป็นเพราะพวกเธอไม่มีทางเลือกมากเขาก็ไม่มั่นใจ ที่เห็นมาตลอดผ่านตาก็อยู่กันแค่สองคน
วินเซนต์หันมองเพื่อนอีกรอบ หลังจากที่เดินออกจากคลาสเรียนช่วงบ่าย
เขาแลกช่องทางการติดต่อของสองคนนั้นไว้แล้ว ไว้ค่อยนัดแนะคุยเรื่องงานกันอีกทีภายหลังถ้ามีเรื่องคาใจ
พลั่ก!
“เชี่ยไรของมึง ไอ้เหี้ย”
ซีดานสะดุ้งตกใจ มือลูบท่อนแขนตัวเองปอยๆ แสร้งเจ็บ เมื่อจู่ๆ ก็โดนวินเซนต์กระแทกกำปั้นเข้าที่แขนเขา
“สมองหมามากไอ้สัด คิดเหี้ยไรอยู่ถึงได้พูดแบบนั้น นี่ถ้ากูไม่ออกตัวรับหน้าแทน มึงได้ทำงานเองแน่นอน” วินเซนต์อดด่าเพื่อนไม่ได้ ถึงจังหวะไม่มีใครอื่นเลยใส่ไม่ยั้งปาก
“นิดๆ หน่อยๆ มึงอย่าพูดเวอร์..” ซีดานยังไม่สำนึกในสิ่งทำลงไป จึงเลือกพูดติงเพื่อนแทน
“เวอร์ห่าเหวไร มึงดูหน้าเกล แม่งหดเหลือนิ้วเดียวได้แล้วมั้ง กลัวมึงฉิบหาย”
“ช่างมัน ไม่ใช่แม่กูสักหน่อย” ซีดานไม่สนใจแถมยังยกยิ้มราวกับสะใจเนืองๆ ทว่าที่แน่ๆ คือเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน แค่หมั่นไส้ยัยนั่นมากกว่าคนอื่นเลยแสดงพฤติกรรมกวนบาทาออกมา
“แม่มึง มึงก็เถียงครับ อย่าให้กูพูด” เคย์เดนที่ยืนอยู่ถึงกับม้วนหนังสือหวังจะฟาดหัวเรียกสติเพื่อน ทว่าเจ้าตัวหลบทันแล้วสาวเท้าห่าง
“พวกมึงอย่าด่ากูหน่อยเลย อีนั่นมันแอ๊บ เดี๋ยวมึงคอยดู กูจะกระชากหน้ากากมันออกมาให้ได้ รอดูเลยละกัน”
คนทั้งสองถึงขั้นส่ายหัวมองตามเพื่อนตัวเองด้วยความเอือม ไม่รู้มันคิดอะไรอยู่ในใจถึงได้จริงจังจนพูดออกมาเป็นตุเป็นตะ ทั้งที่ความจริงแล้วในสายตาพวกเขาก็มองว่าเธอคนนั้นไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรด้วยซ้ำ และอาจเป็นสไตล์ของผู้หญิงทั่วไปที่ชอบทำตัวน่ารักเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชาย
“เพื่อนมึง มึงจัดการเลย อย่าให้มันเยอะ” เคย์เดนส่งท้ายพูดกับวินเซนต์ที่ยังคงกัดฟันอย่างอารมณ์เสีย
“เพื่อนมึงเหมือนกันครับ โตมาด้วยกัน อย่าให้กูสอนมันคนเดียว”
ไอ้ซีนะไอ้ซี กูเพิ่งเคยเห็นมึงปัญญาอ่อนเรื่องจับผิดคนก็วันนี้แหละ เป็นห่าเป็นเหวอะไร!