แผนแค้น แสนรัก 01

1280 Words
Peep peep peep “ตีหนึ่ง น้าอรุณทำไมโทรมาตอนนี้ค่ะที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า พ่อ! พ่อเป็นอะไรคะ” เด็กสาวเหลือบตาดูเวลาที่หัวเตียง แม้จะบอกว่าตอนนี้เจ็ดโมงเช้าที่อังกฤษแต่ที่ไทยคือตี1 ช่วงดึกสงัด [ฟังน้าก่อนจ้ะหนูแพร น้าคิดว่าหนูน่าจะตื่นแล้ว ก็เลยโทรมาหาเท่านั้นเอง คุณพ่อหนูท่านแข็งแรงสุขสบายดี ดีเสียจนออกไปทำงานได้ทุกวันไม่เคยหยุดพักอยู่บ้านเลย] “โถ่...อีกแล้วรึคะน้าอรุณ” ลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลได้ยินคำบอกเล่าจากพี่เลี้ยงก็อ่อนเพลียหัวใจ สิ่งเดียวที่จำความได้เกี่ยวกับพ่อก็คือ ท่านเป็นคนขยันทำงานอย่างหนักเพื่อรักษามาตรฐานบริษัทและพนักงานกว่าพันราย และนี้คือเหตุผลที่เธอตั้งใจเรียนให้จบโดยเร็วและไม่เคยว่อกแว่กสักนิดให้กับเรื่องไร้สาระไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม [ไม่เอาอย่ามาชวนน้าคุยนอกเรื่อง] ค่ะ? [วันนี้หนูเป็นบัณฑิตแล้วนะคนเก่งของน้า ตั้งใจเรียนอีกไม่กี่ปีก็จะได้กลับบ้านแล้วนะ] “แพรคิดถึงน้าอรุณกับพ่อ ปิดเทอมนี้ขอกลับไปเยี่ยมสักเดือนได้ไหมคะน้า” น้ำเสียงเด็กน้อยขออนุญาตอย่างน่าสงสาร แต่คนที่ตัดสินใจได้ไม่ใช่พี่เลี้ยงอรุณ คนที่จะบอกว่าได้รึไม่คือพ่อของเธอเท่านั้น [แล้วน้าจะขอคุณพ่อให้นะลูก วันนี้ขอให้มีความสุขมากๆ ได้ข่าวว่าทางมหาลัยจัดปาร์ตี้นักศึกษาป.โทด้วยใช่ไหม] . . . [หนูแพร อดทนอีกนิดนะน้ารู้ว่าหนูอยากกลับบ้าน น้าจะคุยกับคุณพ่อให้นะลูกไม่ต้องเศร้าไปนะ] คนปลายสายแม้จะเลี้ยงดูแพรพรรณเพียงไม่กี่ปีแต่ก็รู้ดีว่าเด็กสาวคนไกลคนนี้มีนิสัยเป็นเช่นไร ก็เธอปลูกฝังให้กตัญญูต่อพ่อบังเกิดเกล้า และตั้งใจเรียนให้จบโดยเร็วจะได้กลับมาแบ่งเบาคนชรา “เดี๋ยวน้าอรุณโดนคุณพ่อดุเอา ไม่เป็นไรคะน้าแพรโอเค” เด็กสาวสะกดน้ำเสียงที่แอบสะอื้นให้เป็นปกติก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย เธอกับคนในสายถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอยู่นานกว่าจะล่ำลา แพรพรรณได้รับพรจากพี่เลี้ยงอรุณชุดใหญ่จนแก้มปริก่อนจะละตัวจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว สาวเอเชียในชุดครุยสีกรมเข้มแต่งแถบสีฟ้าและหมวกเข้ากันอย่างลงตัว เธอฉีกยิ้มสดใสแต่ดวงตาแสนเศร้าสร้อยที่วันดีๆ อีกวันต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียวตามเคย วันจบเกรดหกที่ไฮสคูลก็ยืนเดียวดาย วันจบการศึกษาปริญญาตรีจนถึงปริญญาโทก็เช่นเคย ในชีวิตของลูกเศรษฐีผู้ร่ำรวยโดดเดี่ยวไม่มีใครข้างกาย ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด วันขึ้นปีใหม่หรือวันอะไรๆ ก็ต้องอยู่ที่อังกฤษและพยายามชินกับความอ้างว้าง แพรพรรณพยายามไม่คิดว่าพ่อเอาเธอมาทิ้งที่นี่ หนำซ้ำยังไม่เคยอนุญาตให้กลับไปเหยียบที่บ้านเลยสักครั้งบอกให้เธอเรียนรู้ชีวิตเพื่อจะได้แข็งแกร่งขึ้น จากวันนั้นจนถึงปัจจุบันก็16 ปีเข้าไปแล้ว ความทรงจำในวันแรกที่มาเหยียบที่นี่ เธอพยายามร้องไห้อ้อนวอนเท่าไรแต่พ่อก็ยังคงยืนยันหนักแน่นว่าเธอ “ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวให้ได้” พ่อแท้ๆ บังเกิดเกล้าพูดไว้แต่เพียงเท่านั้น คนฟังจำฝังใจได้ดีตั้งแต่ตอนอายุสิบปี จนตอนนี้ยี่สิบเจ็ดเข้าไปแล้ว Hi sis...what long? Hi Bobby , Hi Barry สองเพื่อนรักไบร์ทตันและแบร์รี่ที่เข้ามากอดคอทักทาย มิตรภาพระหว่างสามคนนี้ยาวนานตั้งแต่ปีหนึ่งคณะบริหารจนจบปริญญาโท This's great day... smile^^" Yes,I know. มือหนาใหญ่เท่าใบลาประคองแก้มใสและดึงจนมุมปากแพรพรรณแยกออกจากกัน แบร์รี่ตั้งใจจะให้แพรยิ้มรับวันดีๆ แต่ทำแล้วกลับดูเหมือนกำลังแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว Smile...? ไบร์ทตันยกมือถือขึ้นมาถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนสนิทอีกสองคน จากนั้นเพื่อนคนอื่นๆ ก็เข้ามาร่วมเฟรมอีกมากมาย เธอเหมือนน้องสาวคนเล็กผู้บอบบางและแสนดีจนทั้งคู่เอ็นดูแพรพรรณ พวกเขาลูบหัวหญิงสาวอย่างสนิทสนมและกอดกันอย่างแนบชิดเพราะทำกันจนเป็นนิสัยปกติธรรมดา ‘หน้าด้าน’ . . . ประเทศไทย [นายหัวจะให้ผมไปรับไหมครับ] "ไม่ต้อง! เสียเวลา! เจอกันที่ชายป่าได้เลย" [ครับ] ณ เวลาดึกสงัดที่คนทั่วไปจะนอนหลับสบายอยู่บนเตียงอุ่นๆ ในบ้านของตัวเอง แต่กลับมีกลุ่มโจรชั่วที่กล้ากระตุกหนวดเสืออย่างกวินภัทรเจ้าของไร่โพธิพรรณ พวกมันย่ามใจเพราะข่าวลวงว่านายหัวผู้ดุดันออกไปทำธุระหลายวันทิ้งไร่ให้คนงานดูแล มันไม่รู้เลยว่าคนฉลาดเป็นกรดอย่างนายหัวกวินภัทรตั้งใจปล่อยข่าวว่าจะไม่อยู่นานถึงสองสัปดาห์ แต่จริงๆ แล้วไปเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น สรุปว่าคนในไร่เป็นหนอนบ่อนไส้ หักหลังกันจนได้ และวันนี้ก็เป็นคราวซวยของพวกมันที่ย่ามใจเข้ามาขโมยแม่โคนมพันธุ์ดีราคาหลักแสนที่เขาเลี้ยงมาจนโต วัยที่กำลังให้น้ำนมคุณภาพดี และเป็นวัยที่สามารถขายต่อเป็นแม่พันธุ์ชั้นดีเอาไว้ออกลูกออกหลานได้อีกมากมาย แกร๊ก..!! แสงประกายไฟสว่างวาบจากไฟแช็กเพียงชั่วครู่มอดดับลงส่งต่อเป็นแสงสีส้มเล็กๆ ที่ปลายมวลสีขาวขุ่นในความมืดมิดของค่ำคืน เหล่าชายฉกรรจ์เกือบยี่สิบนายยืนพ่นควันที่มองไม่เห็นในคืนมืดสนิทเฝ้ารอเวลาอย่างเงียบกริบแม้แต่เสียงหายใจก็ไม่มีให้ได้ยิน เป็นไปตามที่คิดไว้ว่าตีสองจะมีคนมาเปิดคอกโคนมและฉุดกระชากลากจูงมันไปยังรถที่จอดรออยู่ชายป่าไกลๆ โน้น ซึ่งนายหัวกวินภัทรพร้อมพวกดักรออยู่นานแล้ว เฮ้ย! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวหลายนัดก่อนจะเงียบสงบลง และแน่นอนว่ากระสุนไม่ผ่านร่างใครให้เสียเลือดสักคนเลยไม่ต้องวุ่นวายหามแร่ส่งโรงพยาบาล แต่สิ่งที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกมันต่อจากนี้ ‘นาย...หัว...ได้...โปรด...ไว้ชีวิตผม’ หนึ่งในนั้นจำได้เป็นอย่างดีว่านี่ใคร และมันก็กลัวจัดจนเยี่ยวแตกเปียกเลอะหน้าขา “เลี้ยงไม่เชื่องอย่างมึงกูควรไว้ชีวิตรึไง” คนพูดคาบบุหรี่มวนใหม่ในปาก กวินภัทรปรายตามองเศษสวะและยกเท้าเตะเข้าที่ปลายทางเต็มแรงอย่างไม่เมตตาปรานี ผลัวะ!! “แปลงมันท้ายไร่ต้องใส่ปุ๋ยพอดี จัดการพวกมันที่นั่น” น้ำเสียงนิ่งเรียบเย็นจัดจนโจรกระจอกร้องไห้ครวญคราง พวกมันเอาแต่ร้องว่า ‘ผิดไปแล้วๆ ,เมตตาด้วยๆ’ “นายหัวเมียผมกำลังท้อง…ได้โปรดเถิดได้โปรดผมทำไปเพราะความจำเป็นเท่านั้น” “จำเป็น? กูก็ทำไปด้วยความจำเป็นเหมือนกัน” รอยยิ้มแสยะแลดูเยือกเย็นของกวินภัทรที่จ้องมองโจรสองนายผู้โชคร้ายที่เสือกมาปล้นโคนม คนอย่างนายหัวกวินภัทรมั่นใจว่าเลี้ยงดูคนงานทุกคนให้อยู่ดีกินดีแลกกับความซื่อสัตย์และผลงาน แต่ใครก็ตามที่กล้ามาหยามเหยียดล้ำเส้นกันรับรองว่าเขาพร้อมตอกกลับให้เจ็บเจียน ‘ตาย’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD