เช้าวันต่อมา
ติ๊งต๊อง! ติ๊งต๊อง!
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเสียงดัง ปลุกฉันให้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ที่ฉันไม่ได้รู้สึกสดชื่นเลยสักนิดเดียว เพราะฉันตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่ร่างกายบอบซ้ำ เหนื่อยล้า และอ่อนเพลียไปหมด
และก็ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้นที่บอบซ้ำ หัวใจของฉันก็บอบซ้ำด้วยเช่นกัน ศักดิ์ศรีทุกอย่างมันถูกย่ำยีและเหยียบย่ำไปจนหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรเลย
ฉันต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ใคร่ของผู้ชายคนนั้น ซึ่งมันไม่ต่างจากผู้หญิงขายตัวหรือโสเภณีเลยสักนิด!
ชีวิตของฉัน...
มันน่าตลกสิ้นดี!!
ฉันเหลือบตาไปมองตรงที่นอนข้าง ๆ ที่ตอนนี้ไม่มีคนที่ปู้ยี่ปู้ยำฉันเมื่อคืนนอนอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าเขากลับไปตั้งแต่ตอนไหน เพราะฉันหลับไปหลังจากที่เขายอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระแล้ว
แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เขากลับไป เพราะฉันไม่ได้อยากจะตื่นขึ้นมาเจอเขาในตอนเช้าบนเตียงนอนด้วยกันสักเท่าไหร่
เวลาต่อมา
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมสีหน้าดูไม่ค่อยโอเคเลย?” แฟนหนุ่มของฉันเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าอันอิดโรยของฉัน
“ไม่มีอะไรหรอก เค้าโอเค” ฉันพยายามฝืนยิ้มส่งให้เขาไป ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและฉันโอเคดี ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่
“แน่ใจนะ?”
“แน่ใจสิ เค้าแค่ยังไม่ตื่นเต็มตาเฉย ๆ อ่ะ แฮะ ๆๆ” ฉันว่าพลางขำแห้ง ๆ
“โอเคครับ แวะกินอะไรก่อนไหม?”
“แวะกินข้าวต้มหน้ามอได้ไหม เราไม่ได้กินข้าวต้มตอนเช้าที่ร้านนั้นด้วยกันมานานแล้ว”
“ได้สิ”
“ปืนดูผอมลงนะ”
“เค้าผอมลงเหรอ? เค้าว่าเค้าก็เหมือนเดิมนะ”
“หน้าดูซูบผอมลงอ่ะ”
“งั้นเหรอ” เขายกมือขึ้นมาลูบใบหน้าคมคายของตัวเองด้วยสีหน้าดูกังวลขึ้น เมื่อฉันทักไปแบบนั้น
“ปืนต้องกินเยอะ ๆ นะ เค้ารู้ว่าปืนเหนื่อยแต่ก็ต้องกินข้าวบ้าง”
“รับทราบครับผม”
‘ปืน’ คือชื่อแฟนของฉันเองค่ะ เราคบกันมาได้ 3 เดือนแล้ว ปืนเป็นแฟนที่น่ารักมาก ใส่ใจทุกอย่างเกี่ยวกับฉัน แม้เราจะไม่ได้เจอกัน แต่ปืนก็มักจะโทรมาหาหรือส่งไลน์มาแชตพูดคุยกับฉันอยู่เสมอ
อีกอย่างปืนเป็นประเภทที่ไม่ห้ามฉันเวลาแต่งตัวโป๊ หรือไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน เขาให้อิสระฉันเต็มที่ นั่นจึงทำให้ฉันแคร์ความรู้สึกของเขามาก ๆ และถึงแม้ฉันจะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงและถือว่าแซ่บพอตัว แต่พออยู่กับปืนทีไรฉันก็มักจะชอบเผลอทำตัวน่ารักใส ๆ แบ๊ว ๆ ออดอ้อนปืนบ้างในบางครั้ง
“ช่วงนี้เกรซเรียนหนักไหม?” ปืนถามฉันขึ้นหลังจากที่เราสองคนมาถึงร้านข้าวต้มหน้ามอแล้ว
“ก็ไม่หนักนะ สบาย ๆ”
“ช่วงนี้ปืนยุ่งไปหน่อยนะ ยังไงก็อย่าน้อยใจปืนล่ะ”
“ไม่น้อยใจหรอกค่าา”
ฉันกับปืนถือว่านิสัยแตกต่างกันมาก หลายคนที่รู้ว่าเราสองคนคบกันต่างก็ตั้งข้อสงสัยและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราเข้ากันได้จริง ๆ เหรอ เพราะพวกเขาไม่อยากจะเชื่อ
ฉันกับปืนคบกันด้วยความเข้าใจมาก ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนแรง ๆ มั่นใจในตัวเองสูง ส่วนปืนจะเป็นแนวเฮฮา ขี้เล่นเล็กน้อย และเอาใจเก่งมาก ๆ แต่ก็สามารถเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“อ้าวเกรซ”
“อ้าวมะนาว แกมากินข้าวต้มด้วยเหรอ?”
“อืม อยากกินอ่ะ” มะนาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านนั่งลงข้างฉัน “นั่งด้วยนะ”
“นั่งเลย ๆ”
“ขอบใจจ้ะ” มะนาวยิ้มตาหยีให้ฉัน ก่อนจะหันไปทักทายปืน “หวัดดีปืน”
“หวัดดีมะนาว”
“มากันนานหรือยังเหรอ?” มะนาวถามฉัน
“เพิ่งมาอ่ะ แล้วแกมาคนเดียวเหรอ ปกติเห็นมาเรียนพร้อมปลาวาฬ”
“วันนี้ปลาวาฬตื่นสายอ่ะ เราก็เลยมาก่อน”
“แปลว่ามันกำลังรีบแต่งตัว?”
“ใช่ ๆ”
“ดีจริง ๆ ยัยวาฬเอ๊ย!” ฉันบ่นพลางส่ายหัวไปมาให้เพื่อนตัวดีที่ชอบมาเรียนแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
“ฮ่า ๆๆ อ้อ ตอนบ่ายเกรซไปไหนหรือเปล่า?”
“ทำไมเหรอ?”
“เราว่าจะชวนไปร้านคาเฟ่ที่ไปกันเมื่อวานซืนอ่ะ”
“คงไม่ได้อ่ะ พอดีตอนบ่ายกะว่าจะไปดูหนังกับปืน”
“อ้าวเหรอ งั้นไม่เป็นไรหรอก ๆ” มะนาวทำหน้าจ๋อยคล้ายเสียดายเล็กน้อย
“ไว้วันหลังนะแก”
“โอเคจ้า” มะนาวยิ้มบาง ๆ ให้ฉัน ก่อนจะหันไปพูดกับปืน “วันหลังถ้าปืนว่าง ๆ ก็ไปนั่งเล่นที่คาเฟ่ด้วยกันได้นะ”
“ได้สิ”
เราสามคนนั่งกินข้าวต้มด้วยกัน พอกินเสร็จก็รีบไปเข้าเรียนทันทีเพราะกลัวว่าจะเข้าเรียนสาย
หลังจากที่เรียนคาบเช้าเสร็จ ปืนก็มารับฉันที่คณะ แล้วเราสองคนก็มาที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อหาอะไรกินตอนเที่ยงและดูหนังต่อ
“เค้าแวะดูเสื้อผ้าร้านนี้ก่อนได้ป่ะ?” ฉันกระตุกแขนถามปืนเมื่อเดินผ่านร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง
“ได้สิ” ปืนยิ้มเอ็นดูให้ฉันแล้วผายมือให้ฉันเดินนำเข้าไปในร้าน ฉันจึงยกยิ้มอย่างพอใจ แฟนฉันนี่น่ารักจริง ๆ ตามใจฉันทุกอย่างเลย
“ตัวนี้สวยอ่ะว่าป่ะ?” ฉันถือชุดเทียบกับตัวเองให้ปืนดู
“สวย ๆ เหมาะกับเกรซดีนะ”
“จริงอ่ะ ซื้อดีไหมนะ”
“ซื้อดิ เดี๋ยวปืนจ่ายให้”
“ทำไมน่ารัก”
“ก็เค้าเป็นแฟนเกรซ ก็ต้องพร้อมเปย์ให้เกรซอยู่แล้ว”
“น่ารักที่สุด” ฉันยืนยิ้มร่าอย่างชื่นชมให้แฟนตัวเองที่เอาใจฉันได้ดีมาก
“ติณว่าตัวนี้เหมาะกับมีนาไหมคะ?”
ชื่อคุ้นหูของผู้ชายที่ผู้หญิงคนหนึ่งเรียกเมื่อกี้ ทำให้ฉันต้องรีบหันไปมองต้นเสียงทันที ก่อนจะเห็นติณและผู้หญิงหน้าตาสะสวยและหุ่นดีนมโตกำลังยืนเลือกเสื้อผ้ากันอยู่ โดยที่ติณยืนหันหลังให้ฉัน
แม้เขายืนหันหลังให้ฉัน แต่ฉันกลับจำรูปร่างลักษณะของเขาได้ดี
“อืม” เสียงติณครางตอบผู้หญิงคนนั้นไปคล้ายไม่ค่อยเต็มใจจะตอบนัก
“แต่มีนาว่าตัวนี้สวยกว่านะคะ ติณว่าไงคะ?” ผู้หญิงคนนั้นหยิบอีกชุดขึ้นมาเปรียบเทียบกัน
“อืม”
“ตัวนี้ก็สวยนะคะ แต่อีกตัวก็สวย มีนาควรเอาตัวไหนดีคะ ติณช่วยเลือกหน่อย”
“ตัวไหนก็ได้ แล้วแต่เธอ!” เสียงติณดูหงุดหงิดเล็กน้อยที่ผู้หญิงคนนั้นลังเลในการเลือกเสื้อผ้า
“งั้นตัวนี้ละกันเนอะ” ผู้หญิงคนนั้นทำหน้าเจื่อน ก่อนจะฝืนยิ้มในวินาทีต่อมา
“มีอะไรเหรอเกรซ?” ปืนสะกิดถามฉันที่เอาแต่มองสองคนนั้นแบบไม่วางตา
“ปะ..เปล่า” ฉันสะดุ้งเล็กน้อย แล้วพูดตอบปืนไปแบบตะกุกตะกัก
“รู้จักเหรอ?”
“ไม่นะ ๆ แค่มองเฉย ๆ ผู้หญิงคนนั้นสวยดี”
“อ้อ” ปืนมองตามสายตาฉันไปที่ผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะละสายตามามองฉันพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ “ตกลงเกรซจะเอาตัวนี้เลยไหม เดี๋ยวปืนเอาไปจ่ายเงินให้”
“ไม่เอาแล้วดีกว่า”
ฉันเปลี่ยนใจที่จะไม่เอาชุดที่อยากได้ เพราะคิดว่าถ้าหากฉันเดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์จะต้องได้ปะหน้ากับติณอย่างแน่นอน และเขาก็จะรู้ว่าแฟนของฉันคือ ‘ปืน’
“อ้าว ทำไมอ่ะ?”
“เค้าหิวอ่ะ ไปซื้อตั๋วหนังแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“อ้าว เอางั้นก็ได้”
ปืนเอาชุดไปแขวนไว้ที่เดิมให้ฉัน แล้วพาฉันเดินออกมาจากร้านเสื้อผ้าร้านนั้น แต่สิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่อ...
“เดี๋ยว!”
เสียงที่ฉันไม่อยากได้ยินเอ่ยเรียกขึ้น ทำให้ฝีเท้าทั้งสองคู่ของฉันและปืนหยุดชะงักอย่างพร้อมเพรียงกัน
เราสองคนหันไปมองต้นเสียงพร้อมกัน ก็เห็นว่าติณยืนส่งยิ้มมุมปากมาให้เราสองคน
“ไอ้ติณ!” ปืนเอ่ยเรียกติณออกมาอย่างตกใจปนดีใจ
“ไงไอ้ปืน!” ติณทักทายปืนกลับมาด้วยท่าทีสนิทสนม ทำเอาฉันยืนงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนรู้จักกัน
มันคงไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดใช่ไหม!?
“เป็นไงบ้างวะ ไม่ได้เจอกันนานเลย” ปืนเดินตรงเข้าไปหาติณ
“กูสบายดี” ติณเหล่ตามองฉันเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจปืน “แล้วมึงอ่ะ?”
“กูก็สบายดี แต่ช่วงนี้เรียนหนักหน่อย”
“เหรอวะ”
“เออ ช่วงนี้ทำโปรเจกต์ใหญ่ ไม่ค่อยว่างเลยว่ะ เนี่ยกูเพิ่งมีเวลามากินข้าวกับดูหนังกับแฟน” ปืนบอกติณแล้วหันมาหาฉัน ฉันจึงค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างปืน
“แฟนมึงเหรอวะ?” ติณตีหน้าซื่อทำหน้าแปลกใจ ทำเหมือนไม่เคยเจอหรือรู้จักกับฉันมาก่อน
“ใช่ แฟนกูเองชื่อเกรซ อ้อเกรซ นี่ไอ้ติณเพื่อนสมัยมัธยมฯ ของปืนเอง” ปืนแนะนำฉันกับติณให้รู้จักกัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าฉันกับติณไม่จำเป็นต้องแนะนำให้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ
“หวัดดี” ติณแกล้งทำเป็นทักทายฉัน แต่รอยยิ้มมุมปากและแววตาของเขากลับดูร้ายกาจและเจ้าเล่ห์เอามาก ๆ จนฉันหวั่นใจกลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้า ๆ
“หวัดดี” ฉันทำเป็นทักทายติณกลับไป พลางฝืนยิ้มให้เล็กน้อย พยายามทำตัวไม่ให้ดูมีพิรุธและไม่ให้ปืนสงสัยมากที่สุด
“ว่าแต่มึงมาซื้อของกับใครเหรอ?” ปืนถามติณ
“ก็...”
“ติณ! ทำไมไม่รอมีนาเลยละคะ” เสียงแว้ดของผู้หญิงคนเดียวกับที่ฉันเห็นว่ากำลังยืนเลือกชุดกับติณเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหยุดยืนข้างติณด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“เจอคนสนิท” ติณกดเสียงต่ำอย่างข่มอารมณ์ตอบผู้หญิงคนนั้นไป
“อะ..อ้อ หวัดดีค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติทันทีเมื่อเห็นฉันกับปืน
“ครับ” ปืนตอบ แต่ฉันแค่พยักหน้าให้เล็กน้อย
เอาจริง ดูยังไงก็รู้ว่ายัยนี่กำลังคีฟลุคตัวเองอยู่ ทั้ง ๆ ที่ฉันว่ามันไม่น่าจะทันแล้วนะ
“ชื่อมีนานะคะ กำลังดูใจกับติณอยู่” เธอแนะนำตัวเองเสร็จสรรพอย่างภาคภูมิใจ ทั้ง ๆ ที่ติณดูไม่ได้ยินดีเลยสักนิด เขาแค่ยืนทำหน้านิ่ง ๆ และดูไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่
“ผมปืน เป็นเพื่อนไอ้ติณสมัยมัธยมฯ ส่วนนี่แฟนผมชื่อเกรซครับ” ปืนแนะนำตัวเองและฉันกับผู้หญิงที่ชื่อมีนาไป
“อ้อ เพื่อนติณนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” มีนายิ้มหวานให้ปืนและฉัน
“ครับ แล้วนี่มึงจะไปไหนต่อเหรอไอ้ติณ?”
“ไม่รู้สิ” ติณลอยหน้าลอยตาตอบปืน แต่ก็มักจะเหล่ตามองฉันอยู่เรื่อยด้วยสายตาที่ดูไม่พอใจสักเท่าไหร่ เพราะฉันพอจะดูออกค่ะ
“เอ่อ งั้นขอตัวก่อนนะคะ” ฉันตัดบทสนทนาขึ้น เพราะไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจแบบนี้สักเท่าไหร่ รีบไปดีกว่า คุยกันนานคงไม่ดีสักเท่าไหร่
ปืนหันมามองหน้าฉันแบบงง ๆ ฉันจึงจับแขนปืนเพื่อสื่อให้เขารู้ว่าฉันอยากไปเต็มแก่แล้ว
“ไปกันเถอะปืน”
“อ๋อ” ปืนทำท่าเหมือนเพิ่งจะนึกออกว่าก่อนหน้านี้ฉันชวนเขาไปซื้อตั๋วหนังและไปหาอะไรกิน “เดี๋ยวกูต้องพาแฟนไปซื้อตั๋วหนังกับหาไรกินก่อนนะไอ้ติณ ยังไงก็ไว้เจอกันนะเว้ย”
“อืม” ติณพยักหน้าให้ปืน ก่อนจะมองมาที่ฉันพลางเหยียดยิ้มร้ายส่งให้เมื่อปืนหันหน้าไปคุยกับมีนา
“ผมกับแฟนไปก่อนนะครับ”
“ค่ะ” มีนายิ้มหวานให้พวกฉัน แล้วฉันกับปืนก็ผละเดินออกมาจากสองคนนั้น
“ปืนกับติณสนิทกันมากเหรอ?” ฉันเอ่ยถามปืนขึ้นในตอนที่เรากำลังนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ
“ก็พอประมาณนะ อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ไอ้ติณมันจะสนิทกับอีธานมากกว่า เพราะพวกมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก”
“อ้อ”
“มีไรหรือเปล่า?” ปืนเลิกคิ้วถาม
“เปล่าหรอก ไม่เคยเห็นปืนเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเพื่อนสมัยมัธยมฯ เลยน่ะ”
“ฮ่า ๆๆ งั้นเหรอ วันหลังเดี๋ยวเค้าต้องเล่าวีรกรรมสมัยเรียนมัธยมฯ เกี่ยวกับเค้าและเพื่อนให้เกรซฟังบ้างซะแล้วล่ะ”
“มีวีรกรรมด้วยเหรอ?”
“เยอะแยะเลย ฮ่า ๆๆ”
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ”
ขณะที่เราสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส พนักงานก็เดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารให้ ทำให้สายตาและความสนใจของเราสองคนเบี่ยงเบนไปที่อาหารแทน
“น่ากินจัง” ฉันมองอาหารบนโต๊ะอย่างตื่นตาตื่นใจ ปกติฉันเป็นห่วงหุ่นตัวเองมากนะเพราะกลัวอ้วน แต่วันนี้มาเดตกับแฟนทั้งที เรื่องหุ่นเอาไว้ก่อนละกัน
“กินเยอะ ๆ นะ” ปืนยิ้มให้ฉันอย่างเอ็นดู ก่อนที่เราสองคนจะลงมือกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
และพอเราสองคนกินอาหารเสร็จก็พากันเข้ามานั่งดูหนังในโรงหนังต่อ