บทที่ 3

2632 Words
               “ส—สวัสดีครับ ผมมาซื้อที่ตรวจครรภ์ครับ”                “เอาเป็นยี่ห้อไหนดีคะ?” หลังถูกเภสัชกรถามกลับมาเช่นนั้น จานินก็รีบไล่สายตามองไปยังชั้นวางขายที่ตรวจครรภ์ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ทันที ก่อนที่เขาจะสุ่มเลือกยี่ห้อที่ราคากลาง ๆ ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป                “แล้วรับกี่ชิ้นดีคะ?”                “ห้าครับ… ห้าชิ้น” จานินตอบแล้วในหลังจากนั้นเขาก็ยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้กับเภสัชกร โดยเมื่อรับถุงยากลับมาแล้ว จานินก็รีบเดินออกมาจากร้านขายยา เพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านของคุณชินกรทันที                “เฮ้อ” ขณะที่กำลังเดินทอดน่องไปยังป้ายรถเมล์ จานินก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง หลังเขากำลังนึกถึงบทสนทนาระหว่างคุณหยาดกับตัวเอง หลังเธอบอกให้เขาหาโอกาสไปมีอะไรกับลูกชายของตัวเองอีก                เพราะไม่ได้ป้องกันเพียงแค่ครั้งเดียว มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะท้องเสียหน่อย            ก็ค่าจ้างตั้งห้าล้านนี่เนอะ เขาเลยต้องทำให้คุ้มหน่อย จานินได้แต่นึกในใจ ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะเริ่มออกแรงวิ่งเล็กน้อย เมื่อรถเมล์ใกล้จะมาจอดเทียบป้ายแล้ว แต่เขายังเดินไม่ถึงป้ายเสียที                “เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”                “ได้ค่ะ คุณจานินอยากรู้อะไรเหรอคะ?” เมื่อกลับมาถึงบ้านและเห็นป้าแม่บ้านกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ จานินก็ได้เดินเข้าไปหาเธอทันที หลังเขามีความใคร่รู้อะไรบางอย่าง                “ปกติแล้วคุณชินเขากลับบ้านช้าไหมครับ?”                “อ๋อ เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกค่ะ แต่ส่วนใหญ่คุณชินจะกลับบ้านตอนหนึ่งทุ่ม แล้วถ้าวันไหนมีประชุมหรือต้องเคลียร์งานที่บริษัทและไม่ได้ไปที่ไหนอีก เธอก็จะกลับบ้านประมาณสองถึงสามทุ่มค่ะ”                “อ๋อ งั้นก็ขอบคุณมากนะครับ” เมื่อได้รับคำตอบกลับมาแล้ว จานินก็ระบายยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในบ้านทันที ซึ่งเขาก็ตั้งใจจะขึ้นไปบนห้องของตัวเองเลย เพราะจะไปคิดแผนการว่าจะทำยังไงให้เขาได้มีอะไรกับคุณชินกรบ่อย ๆ            อ่า…พอเขาต้องมานั่งคิดแผนการอะไรแบบนี้ จานินก็รู้สึกแปลก ๆ แฮะ            “ตอนนี้มันก็ห้าโมงเย็นแล้วนี่ แล้วเขาจะมากินข้าวที่บ้านไหมนะหรือจะกินข้าวจากข้างนอกเลย? และนี่เราต้องรอกินข้าวเย็นพร้อมเขาหรือเปล่า” เมื่อเดินขึ้นมาบนห้องนอนแล้วจานินก็พึมพำกับตัวเองทั้งคิ้วขมวด เพราะเมื่อวานนี้เขาเองก็ไม่ได้กินข้าวเย็นเนื่องจากไม่รู้สึกหิว ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาไม่ได้รู้เลยว่าการใช้ชีวิตของคุณชินกรเป็นอย่างไรบ้าง                “งั้นเดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนดีกว่า แล้วค่อยลงไปถามแม่บ้าน” หลังเวลาผ่านไปได้หนึ่งนาที เมื่อตกลงกับตัวเองได้แล้ว จานินก็รีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไปทันที โดยเขาก็ได้ใช้เวลาอาบน้ำเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น ก่อนจะเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อทานข้าวเย็น                “เอ่อ…ขอโทษนะครับ ปกติแล้วคุณชินเขากินข้าวเย็นที่บ้านไหมครับ?” จานินเอ่ยถามคุณป้าแม่บ้าน เมื่อเธอเดินเข้ามาถามเขาว่าเขาอยากจะทานอะไรเป็นมื้อเย็นของวันนี้                “แล้วแต่วันค่ะ แต่ถ้าวันไหนคุณชินจะกินข้าวมาจากด้านนอกเลย ก็จะโทรมาแจ้งก่อนว่าไม่ต้องเตรียมอาหารไว้ให้”                “….”                “แต่วันนี้ป้ายังไม่เห็นคุณชินจะว่าอะไรเลยนะคะ เพราะงั้นเขาน่าจะกลับมากินข้าวที่บ้านค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจานินจะรอกินข้าวพร้อมคุณชินเลยไหมคะ?” เธอถามกลับมา                “ไม่ดีกว่าครับ แล้วผมก็ขอเป็นข้าวไข่ดาวได้ไหมครับ”                “คะ? คุณจานินจะกินแค่ข้าวไข่ดาวเหรอคะ” แม่บ้านถามต่อทั้งหน้างง ซึ่งจานินก็ยังคงพยักหน้ายืนยันคำเดิม                “ใช่ครับ ผมกินแค่ข้าวไข่ดาวก็พอ”                  หลังได้ข้าวไข่ดาวพร้อมด้วยซอสแม็กกี้จากคุณป้าแม่บ้านมาแล้ว จานินก็ได้พาตัวเองมานั่งกินข้าวที่โต๊ะทานอาหารประจำบ้านต่อ โดยในขณะที่เขากำลังนั่งกินข้าวอยู่นั้น จานินก็ได้ใช้ความคิดไปด้วยว่าจะทำยังไงให้ตัวเองได้เงินสิบล้านบาทจากคุณหยาด                “อันนี้น้ำนะคะ”                “ขอบคุณมากครับ” จานินเอ่ยขอบคุณคุณป้าแม่บ้านพร้อมผงกหัวให้เธอเล็กน้อย เมื่อเธอนำน้ำเปล่ามาให้เขา โดยในจังหวะเดียวกันนั้นเสียงเปิดประตูรั้วและเสียงรถก็ได้ดังขึ้น นั่นจึงทำให้จานินรีบเงยหน้าขึ้นมองคุณป้าแม่บ้านอย่างตั้งคำถาม                “สงสัยคุณชินน่าจะกลับมาแล้วค่ะ” เธอบอกเขาแล้วเดินออกไปดูด้านหน้าทันที ทิ้งให้จานินนั่งกินข้าวอยู่เพียงลำพัง จนกระทั่งเจ้าของบ้านที่แท้จริงเดินเข้ามาในบ้าน                “ส—สวัสดีครับ” หลังจานินเผลอสบตากับคุณชินกรอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาก็ได้พูดขึ้นเสียงแผ่วเพื่อทักทายตามมารยาท ซึ่งคุณชินกรเองก็มีมารยาทมากพอที่จะผงกหัวเชิงทักทายเขากลับมาเช่นกัน แล้วในหลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมทั้งคู่                เพราะคุณชินกรเคยบอกกับจานินว่าอย่าไปยุ่มย่ามกับอีกฝ่าย ต่างคนต่างอยู่ซะ…                “กินข้าวกับอะไร” ขณะที่จานินกำลังเร่งมือกินข้าวของตัวเองอยู่นั้น คุณชินกรก็ได้ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยนั่นก็ทำให้จานินเผลอสะดุ้งเล็กน้อย เพราะเขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะชวนคุย                “ก—กินข้าวไข่ดาวครับ”                “แม่บ้านเขาทำเมนูนี้ให้กินเหรอ” คราวนี้คุณชินกรถามต่อทั้งคิ้วขมวด                “อ๋อ เปล่าหรอกครับ… แต่ผมขอเอง”                “….”                “พอดีมันเป็นของโปรดผมน่ะครับ” จานินอธิบายต่อ เมื่อเห็นเจ้าของบ้านทำหน้างง ซึ่งเขาก็ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด เพราะจานินชื่นชอบไข่ดาวกรอบ ๆ แบบไข่แดงไม่สุก พร้อมด้วยซอสแม็กกี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว                “ถ้าวันไหนอยากกินอย่างอื่นก็บอกแม่บ้านเขาแล้วกัน บอกเขาก่อนหนึ่งทุ่ม เพราะเขาจะอยู่ที่นี่ถึงแค่หนึ่งทุ่มครึ่งเท่านั้น” คุณชินพูดเสียงนิ่งพร้อมเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามจานิน เตรียมจะกินมื้อเย็นของตัวเองบ้าง                “คนเขาอุตส่าห์คุยด้วย ทำไมถึงไม่รู้จักตอบโต้ ไม่มีมารยาทหรือไง?” ระหว่างที่แม่บ้านกำลังช่วยกันนำกับข้าวมาเสิร์ฟให้อยู่นั้น คุณชินก็ได้พูดอีกครั้งและนั่นก็ทำให้จานินเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่ายโดยพลัน                “อ๋อครับ ผมรับรู้แล้วครับ และขอบคุณคุณชินมากนะครับที่อุตส่าห์บอก” แม้ในใจจะเริ่มรู้สึกโมโหคนตรงหน้าขึ้นมาเพราะถูกพูดจาไม่ดีด้วย แต่จานินก็ต้องข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นตลอดทั้งสามเดือนนี้ เขาคงจะไม่ได้เข้าใกล้คุณชินกรอีกแน่                “วันนี้นายไปเจอแม่ฉันมาเหรอ?” คุณชินกรถามขึ้นอีก ซึ่งนั่นก็ทำให้จานินต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอีกครั้ง                “….”                “เพราะปกติแม่ฉันชอบเรียกคนของตัวเองเข้าไปถามความคืบหน้าอยู่แล้ว” ราวกับคุณชินกรรู้ว่าจานินกำลังสงสัยอะไรอยู่ อีกฝ่ายถึงได้พูดออกมาอีก                “อ๋อครับ วันนี้ผมไปเจอคุณหยาดมา” จานินพยักหน้ารับ                “แล้วได้บอกเธอไหมล่ะว่าเมื่อคืนนี้เรามีอะไรกันแล้ว” คุณชินกรถามกลับมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้คำถามของอีกฝ่ายก็ทำให้จานินแอบชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา                “บอกสิครับ” จานินว่าพลางเว้นวรรคไปครู่หนึ่งแล้วค่อยพูดต่อ โดยคำพูดถัดมาของเขานั้น ก็ทำเอาคนตรงหน้าถึงกับขมวดคิ้วคล้ายกับไม่ชอบใจ “ผมบอกหมดแหละครับว่าเมื่อคืนนี้เรามีอะไรกันท่าไหนบ้าง แล้วได้ป้องกันหรือเปล่า ซึ่งคุณหยาดก็ดูชอบใจมากเลยนะครับ”                “….”                “ที่เมื่อคืนนี้คุณชินแตกใน”            “ปากดี” อีกฝ่ายพูด                “อะไรกันครับ ก็เห็นคุณถามตรง ๆ ผมก็เลยตอบแบบตรง ๆ ไง” ว่าจบ จานินก็แสร้งทำหน้าสลดลงเล็กน้อย                        “ไม่น่าเลย เฮ้อ… ไม่น่าเลย” ขณะที่กำลังนอนอยู่ในห้องเพียงลำพัง จานินก็ได้พึมพำออกมาเบา ๆ พลางใช้มือลูบหน้าของตัวเองอย่างแรง เมื่อบทสนทนาระหว่างเขากับคุณชินกรได้ผุดขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง                และเพราะบทสนทนาเหล่านั้น นั่นจึงทำให้เขาถูกเจ้าของบ้านไล่ตะเพิดให้ขึ้นมาอยู่ในห้องของตัวเองเช่นนี้                “แต่แบบนี้มันไม่เห็นจะยุติธรรมเลยแฮะ ทีตัวเองยังพูดจาไม่ดีกับคนอื่นได้เลย แต่คนอื่นห้ามพูดจาไม่ดีกับตัวเองเนี่ยนะ” จานินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะโอดครวญขึ้นอีกครั้ง หลังใบหน้าของคุณหยาดผุดขึ้นมาในความคิด                “แล้วนี่เราจะได้เข้าใกล้เขาอีกไหมวะ” ว่าจบ จานินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ                ในช่วงเกือบห้าทุ่มของวัน ระหว่างที่จานินกำลังนอนมองเพดานห้องอย่างใช้ความคิดอยู่นั้น มันก็ได้มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขา ซึ่งจานินก็คิดว่าความคิดนี้มันค่อนข้างใช้งานได้                นั่นก็คือการขอมีอะไรกับคุณชินกรแบบตรง ๆ เลย ไม่ต้องออกกลอุบายอะไรให้หนักหัวทั้งนั้น แล้วต่อรองกับอีกฝ่ายว่าขอมีอะไรด้วยแค่ห้าถึงหกครั้งตลอดทั้งสามเดือนนี้ก็พอ ซึ่งหลังจากที่ครบตามกำหนดแล้ว จานินก็จะไม่ไปวุ่นวายกับอีกฝ่ายเลย                “เดินไปเคาะห้องเขาตอนนี้เลยดีไหมวะ คุณชินจะหลับหรือยังนะ” จานินว่าเสียงแผ่วแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียง เตรียมจะเดินไปเคาะห้องของคุณชินกร เพื่อยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่าย                “เอาวะ!” หลังเดินมาหยุดที่หน้าห้องของอีกคนแล้ว จานินก็ได้พูดให้กำลังใจตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกลั้นใจเคาะประตูห้องคุณชินกรอยู่สองสามที และยืนรอให้อีกฝ่ายออกมาเปิดประตูให้                “มีอะไร? โดนไล่ขนาดนี้แล้วนายยังไม่เข็ดรึไง หรือว่าจะต้องให้ฉันไล่นายอีก?” ทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตูห้องออกมาทั้งสภาพชุดพร้อมนอน คุณชินกรก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก            อีกฝ่ายดูเหมือนคนขี้โมโหอยู่ตลอดเวลา จานินรู้สึกอย่างนั้น                “จ—ใจเย็นก่อนสิครับ ผมแค่มายื่นข้อเสนอให้คุณเอง” จานินว่า ซึ่งนั่นก็ทำให้คุณชินกรมองเขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยไว้วางใจทันที                “มีอะไรก็รีบพูดมา” คุณชินกรเอ่ยพลางยืนกอดอกนิ่งพร้อมจ้องจานินตาเขม็ง ทำเอาคนที่กำลังจะยื่นข้อเสนอให้ รู้สึกสั่นประหม่าอยู่ไม่น้อย                “มีอะไรกับผม…”                “นี่น่ะเหรอข้อเสนอของนาย งั้นก็กลับห้องไปได้แล้ว เพราะฉันไม่สนใจ” คุณชินกรไม่ว่าเปล่า แต่อีกฝ่ายยังตั้งท่าจะปิดประตูใส่หน้าจานินด้วย ทำเอาจานินเกือบจะดันประตูของอีกคนเอาไว้ไม่ทัน                “ตลอดทั้งสามเดือนนี้คุณมีอะไรกับผมแค่หกครั้งก็พอครับ แล้วผมจะไม่มายุ่งอะไรอีกเลย!!”                “มันมากไป”                “งั้นห้าก็ได้ครับ แค่ห้าครั้งก็พอ!” จานินรีบต่อรองต่อ                “ไม่ ฉันไม่รับข้อเสนอของนาย” ว่าจบ คุณชินกรก็ปิดประตูใส่หน้าจานินทันที ทำเอาคนที่เดินมาหาอย่างมีความหวังได้แต่เดินคอตกกลับห้องของตัวเองไป                                “ปกติคุณชินจะชอบกินกาแฟดำตอนเช้าค่ะ แล้วก็ชอบกินแซนด์วิสหรือพวกเบเกอรีมากกว่าข้าว”                “อ๋อ แล้วเขาจะตื่นประมาณช่วงไหนเหรอครับ?”                “เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วคุณชินจะชอบเดินลงมาทานข้าวเช้าพร้อมไปทำงานช่วงแปดโมงค่ะ ซึ่งคุณชินก็จะพร้อมออกจากบ้านจริง ๆ ตอนประมาณเก้าโมงกว่า”                “แบบนี้นี่เอง” ระหว่างที่จานินกำลังช่วยแม่บ้านจัดโต๊ะสำหรับมื้อเช้าตามประสาคนว่างงานอยู่นั้น เขาก็ได้คอยซักถามและฟังเรื่องเล่าจากเธอไปด้วย ซึ่งเขาก็พยายามที่จะเก็บข้อมูลของคุณชินกรให้ได้มาก ๆ จะได้เอาไปคิดแผนการต่อ            เพราะจานินไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก                “แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากรู้ครับ คือผมอยากรู้ว่าช่วงเร็ว ๆ นี้คุณชินเขามีแฟนไหมครับ หรือว่าเขาเคยเอาใครมาที่บ้านหรือเปล่า?” คราวนี้จานินเอ่ยถามแม่บ้านเสียงแผ่ว เนื่องจากเขาไม่อยากให้ใครมาได้ยินด้วยและสาเหตุที่เขาถามออกไปเช่นนั้น ก็เพราะจานินคิดว่าคุณชินกรอาจจะมีคนที่กำลังศึกษาดูใจกันอยู่แล้ว อีกฝ่ายถึงได้บ่ายเบี่ยงขนาดนี้                และในคืนนั้นคุณชินกรก็อาจจะแค่เผลอตัวกับเขาก็ได้                “ป้าไม่เห็นเลยนะคะ แล้วถ้าคุณชินมี…ป่านนี้คุณหยาดคงจับให้แต่งงานกันแล้วล่ะค่ะ เธอคงไม่มาจ้างคนอุ้มบุญแบบนี้หรอก” คุณป้าแม่บ้านตอบ ก่อนที่เธอจะรีบพูดต่อ “ตอนนี้คุณชินกำลังเดินลงมาค่ะ”                ทันทีที่แม่บ้านเอ่ยเช่นนั้น จานินก็รีบมองไปทางบันไดโดยพลัน ก่อนที่ในเวลาต่อมาสายตาของเขาจะได้สบประสานกับเจ้าของบ้านด้วยความบังเอิญ                “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณชิน” จานินเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน ซึ่งมันก็เป็นอีกครั้งที่คุณชินกรพยักหน้าตอบกลับมา                “ไม่ทราบว่าวันนี้คุณชินจะรับอะไรดีครับ มีครัวซองต์กับเดนิชลูกเกด”                “นี่มันเป็นหน้าที่ของแม่บ้าน ไม่ใช่ของนาย” คุณชินกรตอบกลับมาเสียงนิ่ง ทำเอาจานินอยากจะยืนเท้าเอวใส่เสียให้รู้แล้วรู้รอด                “ก็ผมอยากช่วยแม่บ้านไงครับ ว่างงานขนาดนี้”                “ถ้านายอยากช่วยแม่บ้านนักก็คือไม่ต้องมาจุ้นจ้านเรื่องภายในบ้านฉัน นั่นคือการช่วยแล้ว”                “….”                “และฉันก็เคยเตือนไปแล้วนะว่าให้ต่างคนต่างอยู่” คราวนี้คุณชินกรพูดเสียงเข้ม ทำเอาจานินรีบหุบปากฉับโดยพลัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD