สตรีในห้วงคำนึงหายไปไหนนะ

2610 Words
หวังหลีปินส่ายหน้าและไม่เอ่ยคำใดต่อ นอกจากรอให้สาวใช้ยกสำรับขึ้นมาวางบนโต๊ะ การพูดคุยเบาๆ ระหว่างทานอาหารเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่น้องสาวผู้งดงามของเขากลับกล่าวว่า ‘หากไม่พูดคุยปรึกษากันยามนี้ ถ้าอาหารไม่อร่อยต้องรอทานจนเสร็จรึ จึงจะบอกได้’ แล้วท่านพ่อก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “เช่นนั้นเจ้าอยากพูดก็พูดเลย” หวังร่วนเทากล่าว บทสรุปในวันนั้นคือทุกครั้งที่รับสำรับ ทุกคนบนโต๊ะก็ควรคุยกัน? “ยินดีเจ้าค่ะ” ชีวิตที่อยู่แบบพร้อมหน้ามันช่างมีความสุขยิ่งกว่าอะไร นับจากวันนั้น หวังปิงปิงก็มิเคยเฉียดกายเข้าใกล้สหายคนสนิทอย่างเยี่ยนมิ่งลี่ พอๆ กับที่นางมิได้พบเจอรัชทายาทรูปงามเช่นเดียวกัน ๑---------------------๑ โรงเตี๊ยมสิบทิศ:ยามอู่ (11.00) รัชทายาทมู่หรงหลานผู้ประทับอยู่บนชั้นสองของร้านเหม่อมองลงไปยังย่านร้านค้ามากมาย ก่อนจะพบเข้ากับสตรีอ่อนหวานในชุดสีชมพูที่ตนหมายปอง เยี่ยนมิ่งลี่กับสาวใช้ ‘และมีเพียงมิ่งลี่ผู้เดียว’ ที่เดินมาตามนัดในทุกๆ สองวัน จะขาดก็แค่เพียงสตรีนางนั้นที่แต่ก่อนมักจะมาพร้อมกับของกำนัลแปลกตาจากต่างแคว้นเสมอ นางเป็นอะไร? นั่นคือสิ่งที่เขาสงสัยเมื่อเห็นว่านางหายไปจากสายตาร่วมสิบกว่าวันแล้ว นับตั้งแต่วันปักปิ่นของมิ่งลี่ แต่จะให้เขาสอบถามถึงอีกฝ่ายนั้นคงไม่ถูกต้องเพราะถ้ามิ่งลี่ย้อนถามกลับมาว่า ‘อยากทราบเรื่องของหวังปิงปิงไปเพราะอะไร’ จะกลายเป็นเขาเองที่ตอบไม่ได้ “ถวายบังคมรัชทายาทเพคะ” เยี่ยนมิ่งลี่เดินเข้าไปนั่งยังฝั่งตรงกันข้ามกับบุรุษที่นางรัก รัชทายาทมองเยี่ยนมิ่งลี่ทำหน้าเอียงอายเช่นทุกคราที่พบหน้า นางมีทุกอย่างที่สตรีในห้องหอควรจะมี แตกต่างจากหวังปิงปิงที่มักจะแอบชม้ายชายตาหลอกล่อด้วยมารยาและของใช้สารพัดอย่างเพื่อเรียกร้องความสนใจแต่ทุกครั้งที่นำของมาให้นั้นล้วนกระทำต่อหน้าเยี่ยนมิ่งลี่เสมอ ไม่นับถึงเรื่องคำพูดเกี้ยวพาเขาลับหลังสหาย “ตามสบายเถิด” “เพคะ” ดังเช่นคำนี้ที่เป็นทางการ แต่อีกหนึ่งสตรีก็มิเคยจะกระทำ ‘แล้วเหตุใดข้าจะต้องคิดถึงนาง ทั้งๆ ที่มิ่งลี่ผู้แสนดีก็นั่งอยู่ตรงกันข้ามเล่า’ ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจตนเองนัก “วันนี้เจ้าอยากทานสิ่งใด” “หม่อมฉันทานแบบเดิมก็ได้เพคะ” เพื่อที่จะได้มิต้องเสียเวลาในการพูดคุยกันตามความคิดของนาง รัชทายาทมู่หรงหลานพยักหน้าโดยที่ยังคงมองสตรีอันเป็นที่รัก? ทุกการกระทำของนางนั้นเหมือนเดิมซ้ำๆ ราวกับละครเร่ที่แสดงวนอยู่แค่เรื่องเดียวและหากเดาไม่ผิดหลังจากทานสำรับเสร็จเรียบร้อยแล้ว มิ่งลี่คงจะนั่งมองผู้คนด้านล่างและฟังเขาเล่าถึงเรื่องในรั้วในวังก่อนจะขอตัวกลับในอีกหนึ่งชั่วยามต่อมา…ทุกอย่างเหมือนเดิมมาหลายวันแล้วตั้งแต่ไม่มีสตรีนางนั้น…สตรีที่รัชทายาทคิดว่านางคงชมชอบเขาไม่มากก็น้อย หวังปิงปิง “ล้วนตามใจเจ้า” ยิ้มในหน้ามองมิ่งลี่ จนนางอาย “ข้าว่า เดี๋ยวนี้มีเจ้ามาเพียงผู้เดียวย่อมดีแล้ว” “เพคะ” ^^ ก้มหน้า เงียบ “_” เมื่อมิมีสิ่งใดกล่าวต่อ เขาจึงบอกนางเกี่ยวกับการประลองยุทธ์เลื่อนขั้นของเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊และก็คงเหมือนเดิมที่นางอยากจะรู้เรื่องราวในรั้วในวังที่เขาก็ชอบที่จะบอก “อีกสิบสี่วันจะมีการประลองยุทธ์ในวังหลวง ผู้คนด้านนอกสามารถเข้าไปชมได้” “จริงรึเจ้าคะ?” มีสีหน้าตื่นเต้น “จริง ข้าเองก็จะเข้าร่วมการประลองด้วย และยามนั้นข้าอยากให้เจ้าไปดูชม หากเจ้าไม่กล้าไปคนเดียว ย่อมชวนผู้ใดไปเป็นสหายข้าล้วนไม่ห้าม” เปิดทางให้นางได้เปิดหูเปิดตา แม้นางจะเป็นเพียงบุตรสาวของอนุภรรยาสกุลเยี่ยน รัชทายาทเช่นเขาก็หาได้รังเกียจเดียดฉันท์อันใด สงสาร นั่นคือสิ่งที่รู้สึกมาตลอดตั้งแต่รู้จักกัน “เพคะ หม่อมฉันยินดีที่จะไป” ทำหน้าเคลิ้มฝันถึงวังหลวง ^^ สักครั้งหนึ่งขอชมพระพักตร์ฮ่องเต้และฮองเฮาผู้เป็นบิดามารดาของรัชทายาทที่นางรัก ใจเฝ้าหวังไว้ว่าทั้งสองพระองค์จะมิทรงรังเกียจนาง นึกย้อนกลับไปเมื่อครึ่งปีก่อนตอนที่นางและหวังปิงปิงเดินออกจากสำนักศึกษาที่สอนการเย็บปักถักร้อย ยามนั้นนางได้พบกับบุรุษรูปงามผู้หนึ่งยืนชมภาพวาดเสมือนจริงที่ชายชรานั่งขายอยู่ข้างถนน ระหว่างกำลังพูดคุยกับหวังปิงปิงนั้น นางกลับถูกคนผู้หนึ่งเดินชนจนร่างเซไปกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของบุรุษรูปงาม…นั่นคือครั้งแรกที่นางได้รู้จักกับรัชทายาทมู่หรงหลานและไม่นานมานี้พระองค์ได้ทรงเปิดเผยความในใจกับนางว่า นางคือสตรีที่พระองค์พึงใจ ในครั้งนั้นมีหวังปิงปิงเป็นพยานร่วมรับรู้ “หากพาสหายเข้าไปร่วมชมได้ หม่อมฉันคิดว่าจะไปชักชวนปิงปิงดูเพคะ” “อืม ล้วนตามใจเจ้า” ‘แล้วหวังปิงปิงเหตุใดถึงไม่ตามเจ้ามาเหมือนทุกครา’ คำถามนั้นยังดังก้องอยู่เพียงในใจ หลังจากทานสำรับและนั่งชมบรรยากาศร่วมกันไปเงียบๆ เยี่ยนมิ่งลี่ก็ขอตัวกลับก่อนเพราะนางยังต้องไปปักผ้าให้ท่านแม่ใหญ่ของนางให้เสร็จ รัชทายาทมองสตรีที่ตนพึงใจเดินอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยออกไปกับสาวใช้ของนาง “มิ่งลี่เหมาะที่จะเป็นชายา หรือพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร” เปรยออกมาเบาๆ ให้คนสนิทรอบกายได้ฟังและยังเป็นหู่จี๋ องครักษ์เงาขั้นสองเป็นผู้ตอบ “นางเหมาะเพราะกิริยางดงามเหนือสตรีใด แต่ข้าว่านางคิดไม่ทันผู้อื่นและต่อสู้กับใครไม่เป็น” บ่อยครั้งที่หู่จี๋เห็นเพียงหวังปิงปิงเท่านั้นที่ออกหน้าโต้กับผู้อื่นในยามที่เยี่ยนมิ่งลี่ถูกสตรีชั้นสูงต่อว่าเรื่องที่นางไปข้องเกี่ยวกับรัชทายาท หากจะถามตัวเขาว่าผู้ใดที่เหมาะสม นามสตรีผู้นั้นคงเป็น หวังปิงปิง สตรีฝีปากกล้าที่รัชทายาทแสดงท่าทีรังเกียจออกมาอย่างปิดไม่มิด องครักษ์เช่นหู่จี๋จึงละเว้นที่จะกล่าว “ที่สำคัญคือนางเป็นบุตรอนุ” ไม่เหมาะสมในทุกด้าน “ข้ารู้” ‘จึงยังมิได้แจ้งเรื่องนี้แก่เสด็จแม่’ หรืออาจจะเป็นเพราะความชอบที่มีต่อนางมันยังไม่มากพอที่จะต่อสู้เพื่อให้นางได้ออกมายืนเคียงข้างทั้งๆ ที่นางก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว “เอาไว้ให้ข้ามั่นใจในตัวมิ่งลี่มากกว่านี้ข้าจะขอสมรสพระราชทานกับเสด็จพ่อด้วยตนเอง” องครักษ์ขั้นสองทำได้เพียงเงียบฟัง ๑-----------------๑ หนึ่งสัปดาห์ต่อมา:คลังสินค้าท่าเรือสกุลหวัง หวังหลีปินยืนนับไหสุราที่บ่าวชายขนออกมาจากเรือเป็นระยะๆ นานกว่าสองเค่อ ไม่ไกลกันนั้น ใต้ต้นไม้ใหญ่มีสตรีงดงามในชุดกระโปรงสีม่วงเข้มลายนกกระสากินน้ำกำลังเขียนรายการสินค้าจากแคว้นเจ้าอย่างขะมักเขม้น แน่นอนว่าสตรีนางนั้นจะเป็นผู้ใดไปได้หากมิใช่น้องสาวสุดที่รักอย่างหวังปิงปิงผู้สัญญาว่าจะเปลี่ยนตัวเอง “คุณชายขอรับ” อาทวน บ่าวรับใช้ชายผู้เดินมาจากคลังสินค้าด้านหน้าของทางเข้าท่าเรือสกุลหวังเอ่ยเรียกคุณชายใหญ่ “ว่าอย่างไร” “รัชทายาทมู่หรงหลานมาขอพบคุณหนูใหญ่ขอรับ” หวังหลีปินมองบ่าวของตนพร้อมกับเลิกคิ้ว “รัชทายาทมู่หรงหลานรึ?” ย้อนถามราวกับว่าที่ตนได้ยินนั้นคงหูฝาด “ขอรับ” อาทวนย้ำ “ยามนี้รออยู่หน้าคลังสินค้าขอรับ” หวังหลีปินส่งรายการสุราให้อาทวน ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปหาน้องสาวพร้อมซักถาม “รัชทายาทมาหาเจ้าถึงที่นี่ ไปก่อเรื่องใดมางั้นรึปิงปิง” เจ้าของนามเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ ตั้งแต่นางมาอยู่ในร่างนี้ มิมีวันไหนเลยที่จะออกไปเที่ยวเล่น ‘ซึ่งพี่ใหญ่ก็เห็นอยู่’ “ข้าอยู่กับพี่ใหญ่ทุกวัน จะออกไปก่อเรื่องที่ใดได้เจ้าคะ ว่าแต่เมื่อครู่พี่บอกว่าผู้ใดมาหาข้านะ” คล้ายๆ จะได้ยินว่ารัชทายาทมาที่นี่ แต่นางก็ยังไม่แน่ใจนัก “รัชทายาทมู่หรงหลาน” หรี่ตาเหมือนจับผิด “ที่รัชทายาทมาถึงนี่ ไม่เกี่ยวกับการที่เจ้าไม่ออกจากจวนในช่วงนี้ใช่หรือไม่?” ปิงปิงถอนหายใจอย่างรำคาญในเรื่องเก่าๆ ที่เจ้าของร่างคนเดิมก่อไว้ไม่จบไม่สิ้น ‘แน่ล่ะ วิ่งตามรัชทายาทมาเกือบปีจะให้ทุกคนเชื่ออย่างสนิทใจคงเป็นไปได้ยาก’ “อันที่จริง ในวันปักปิ่นของเยี่ยนมิ่งลี่ รัชทายาทมู่หรงหลานมอบสุราดอกท้อให้ข้า” หวังหลีปินตกใจ มิใช่มิรู้ว่าน้องสาวตนนั้นแพ้ผลไม้ชนิดนี้ ดังเช่นคำสั่งเด็ดขาดในจวนสกุลหวังคือห้ามนำผลไม้ชนิดนี้เข้ามา ไม่ว่าจะประกอบอาหารหรือทานเล่นและทุกคนในจวนรู้ดี บุรุษหนุ่มร่างใหญ่กำหมัดแน่น หวังปิงปิงเห็นเช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้นแล้วจับแขนล่ำของพี่ชายเอาไว้เพราะกลัวอีกฝ่ายจะหุนหันพันแล่นวิ่งเข้าใส่รัชทายาท ผลแพ้ชนะไม่สำคัญเท่ากับข้อหาทำร้ายเชื้อพระวงศ์คงมิพ้นถูกสั่งประหาร “พี่ใหญ่อย่าใจร้อนไป ที่รัชทายาทนำสุราชนิดนั้นให้ข้าดื่ม อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่รู้ว่าข้าแพ้ผลท้อ แม้ข้าจะยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่ข้าถอยห่างออกมาเป็นเพราะเรื่องนี้ก็เถอะเจ้าค่ะ” ลูบแขนแกร่งให้อีกฝ่ายใจเย็นขึ้น “พี่ใหญ่รู้เช่นนี้ คงเข้าใจข้าแล้วใช่หรือไม่ว่าข้าจะมิเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับรัชทายาทอีกแน่นอน” ผู้เป็นพี่ชายลูบหัวน้องสาวที่นับวันก็ยิ่งงดงามขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับยิ้ม “เช่นนั้นพี่คงมิต้องเดินไปส่งน้องสาวปะทะคารมกับรัชทายาทแล้วสินะ” ^^ “เจ้าค่ะ หายห่วง” ‘หายห่วง?’ หลีปินมองตามหลังน้องสาวและสาวใช้ของนางเดินไปยังประตูทางเข้าท่าเรือด้วยความงุนงง ปิงปิงเดินไปถึงหน้าคลังรับส่งสินค้าทางเรือของสกุลหวังและพบเข้ากับบุรุษรูปงามในชุดสีดำกำลังจ้องนางอยู่ ใจสตรีเต้นแรงให้กับความหล่อเหลาแต่ยังมิอาจเอื้อนเอ่ยออกไปได้เพราะไม่แน่ใจว่าบุรุษผู้นี้คือรัชทายาทใช่หรือไม่ ความเงียบและจ้องกลับคือสิ่งที่นางกระทำต่ออีกฝ่าย จนได้ยินเสียงทุ้มอันแสนคุ้นเคยในความรู้สึกดังขึ้นมาก่อน “หวังปิงปิง” รัชทายาทมู่หรงหลานมองสตรีงดงามผูกผมครึ่งศีรษะ ใบหน้าจิ้มลิ้มแตกต่างไปจากเดิมและนางอยู่ในชุดสีม่วงเข้มขับผิวขาวเนียนละเอียด เครื่องหน้าของนางแต่งแต้มสวยสดจนไร้ที่ติ ‘คล้ายมิใช่ปิงปิงคนเก่า...นางงามจนยากจะละสายตา’ ไหนจะกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายนางอีกเล่า? เหตุใดก่อนหน้านั้นจึงมิเคยได้กลิ่น? “เจ้าค่ะ” ย่อกายใส่บุรุษรูปงามที่เอ่ยทัก ซึ่งรอบกายนางก็มิมีผู้ใดอยู่เลย ‘เช่นนั้น คนผู้นี้คือรัชทายาทไม่ผิดแน่’ นางจึงทักกลับไปอีกครั้งว่า “รัชทายาทมู่หรงหลานมีเรื่องอันใดกับข้ารึเจ้าคะ” เอียงคอน้อยๆ “?” วาจาของนางช่างฟังแล้วห่างเหินราวกับคนไม่เคยสนิท ไม่เคยสนทนาแต่เขาหาได้สนใจเทียบเท่ากับความอยากรู้เรื่องของนางในตอนนี้ “มิ่งลี่บ่นให้ข้าฟังว่าเจ้านั้นหายไปหลายวัน ข้ารึแค่ผ่านทางมาแถวนี้จึงแวะมาดูเจ้าเพื่อนำข่าวไปบอกนาง” ยกชาร้อนขึ้นจิบราวกับไม่ใส่ใจ ผู้รู้ตัวว่าห่างหายจากการไปเยี่ยมเยี่ยนมิ่งลี่จริง ได้แต่พยักหน้า “อ่อ นั่นเป็นเพราะผ่านพ้นวันปักปิ่นของมิ่งลี่แล้วน่ะเจ้าค่ะ นางสามารถออกเรือนได้โดยที่ข้าไม่ต้องเป็นห่วง และข้ารู้ว่าท่านกับมิ่งลี่อยากจะครองคู่กันมาก ดังนั้นจึงตัดสินใจถอยออกมา แต่อย่าห่วงเลยเจ้าค่ะหลังจากนี้หากมีสิ่งใดให้หวังปิงปิงผู้นี้ช่วยเหลือ ก็บอกได้นะตลอด ข้ายินดี” นางกล่าว ^^ รัชทายาทเงียบไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะเอ่ยโต้ไปว่า “รู้ตัวเช่นนี้ก็ดี ข้าจะได้มิต้องลำบากใจในการพบเจอกับเจ้าที่คอยตามติดมิ่งลี่ไม่ยอมปล่อย” หรี่ตามองสตรีที่เคยยั่วยวนเขา “หวังว่านี่คงมิใช่แผนชั่วร้ายของเจ้านะ” ผู้ถูกกล่าวหาส่ายหน้ารัวๆ “แผนชั่วร้ายอันใดเจ้าคะ ข้ากับมิ่งลี่เป็นสหายสนิทกันตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อท่านก้าวเข้ามาแทรก ข้าย่อมต้องห่วงใยสหายข้าเพราะกลัวว่าท่านจะมิได้รักชอบนางจากใจจริง จึงคิดทำการลองใจท่าน” ทำหน้าใสซื่อ “มันก็เท่านั้นมิมีสิ่งใดซับซ้อน” “ลองใจข้า? ยั่วยวน? หลอกลวง?” ปิงปิงตกใจกับคำว่ายั่วยวนแต่ยังคงตีหน้านิ่ง หวังลึกๆ ว่ารัชทายาทคงมิได้มีอะไรกับหวังปิงปิงคนเก่า ก่อนที่วิญญาณของนางจะเข้าร่างนี้ “เจ้าค่ะ แต่ท่านก็มิได้แตะเนื้อต้องตัวข้ามิใช่รึเจ้าคะ” “ผู้ใดจะแตะต้องเจ้าสตรีไร้ยางอาย” ‘อ่อ รอดไป’ “นั่นอย่างไร เพราะท่านเป็นคนดีข้าจึงหยุดการลองใจทุกอย่างเอาไว้เพียงเท่านั้นและถอยห่างออกมาเพื่อช่วยกิจการในสกุลข้า หลังจากนี้ฝากดูแลมิ่งลี่ด้วยนะเจ้าคะ นางน่าสงสารมากเพราะข้าคงไปหานางบ่อยๆ มิได้อีกแล้ว” หันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่อยากจะมองรัชทายาทผู้กล่าวหาว่านางไปยั่วยวนเขา แม้มันอาจจะเคยเป็นความจริงก็เถอะ ยามนี้ในหัวคิดของมู่หรงหลานมีแต่คำว่า ‘หยุดการลองใจ’ นั่นหมายความว่าที่นางเอาสิ่งของมาให้ มาพูดจาเกี้ยวตนนั่นคือนางเพียง ลองใจ? ใบหน้าบุรุษรูปงามแดงก่ำ ใจหนึ่งสั่งให้ตะคอกใส่นางว่า เจ้ากล้าหลอกลวงข้ารึ!! แต่ผลลัพธ์มันคงจะกลับกลายเป็นว่า ตัวเขานั้นอยากให้นางมารักชอบ ซึ่งมันไม่ใช่แน่ อีกใจหนึ่งสั่งให้ตอบนางไปว่า ดีแล้ว ข้าก็มิได้อยากให้เจ้าเข้ามาวุ่นวายกับข้าเช่นกัน แต่เหตุใดมันจึงกล่าวได้ไม่เต็มปาก “อืม” นั่นคือคำที่ตอบออกไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD