ตายแล้วมาอยู่ในร่างใครเนี่ย?
บริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งในเมืองกรุง
“น่าเบื่อจังเลย” นิรินฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเองพร้อมกับพร่ำบ่น ชีวิตของสาวออฟฟิศที่ทำแค่นั่งตรวจเอกสารไปวันๆ เช้าไปเย็นกลับ ซ้ำซากจำเจของสาววัยยี่สิบแปดแบบเธอนั้น นอกเหนือจากวันทำงานก็มีแค่นิยายตามจินตนาการคอยอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงา ต่างกับสาวคนอื่นที่มีแฟน ตากลมแอบมองเพื่อนๆ ในที่ทำงานอีกสี่คน แต่ละคนหุ่นดี มีออร่า เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นต่างจากเธอ…สาวอวบระยะสุดท้าย พ่อแม่ตายและที่สำคัญคือโสดมาทั้งชีวิต ในอนาคตอีกหลายสิบปีก็ไม่ต้องถามว่าเธอจะเป็นยังไง ‘หึ…แก่ตายไปคนเดียว’ นั่นล่ะคือนิริน
“นั่งเศร้าเป็นหมาหงอยอีกแล้วนะเพื่อนฉัน”
นิรินมองจุ๊บแจง เพื่อนสาวหัวสมัยใหม่ที่แต่งงานมามากกว่าสี่ครั้ง ในขณะที่เธอเองเป็นได้แค่แขกรับเชิญที่ไม่เคยรู้จักการแต่งงาน “เหงาตามประสาคนโสดอยู่ตัวคนเดียวนั่นล่ะ” ปลายน้ำเสียงมีความเหนื่อยใจ ถามว่านิรินเคยชอบใครบ้างไหม?...ก็เคยอยู่ครั้งหนึ่งในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกับจุ๊บแจง แต่มันคงเป็นแค่การแอบปลื้มมากกว่าเพราะตอนนั้นคนที่เธอแอบคิดว่าชอบก็มีแฟนอยู่แล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหันมามองเธอที่สุดจะอ้วนกลมราวกับโอ่งมังกร
จุ๊บแจงพูดเบาๆ กับเพื่อนสาว “เมื่อเช้าฉันเห็นบอสขับรถสปอร์ตคันสีขาวมาทำงาน” ทำหน้าฝันหวานถึงลูกชายเจ้าของบริษัทวัยยี่สิบห้าปีที่เข้ามาบริหารงานแทนพ่อตัวเอง “อา…อยากหน้าด้านไปขอจ้ำจี้ด้วยสักครั้ง” บิดตัวสั่นๆ ในชุดเสื้อสูทพอดีตัวกับกระโปรงสั้นเต่อสีดำรัดติ้ว “ฟรีทุกยก!!”
นิรินเบ้ปาก “ได้ข่าวว่าเธอเพิ่งแต่งงานเมื่อเดือนที่แล้วนะจุ๊บแจง”
ยักไหล่ “แต่งงาน มีผัวไม่ใช่ปัญหา ขอแค่บอสสั่งมาจุ๊บแจงพร้อม!” ทำท่าระริกระรี้แล้วก้มหน้าลงไปซุบซิบข้างหูเพื่อนสนิทตัวอ้วน “เมื่อเช้านี้น่ะ ฉันแอบเอาจดหมายไปสอดไว้ในแฟ้มงานของบอส” ยิ้ม ^^
นิรินหันซ้ายหันขวาเพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้า ก่อนจะถามกลับไปเบาๆ “ข้างในเขียนว่าไง” แอบลุ้นไปกับเพื่อนใจกล้า
“หลังเลิกงานเจอกันที่ร้านทิกๆ มิกซ์เซอร์” จุ๊บแจงพูดชื่อร้านเหล้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัท
-_- “กล้ามาก” สาวอ้วนเท้าคางมองเพื่อนหุ่นดีอย่างอิจฉา ซึ่งเธอไม่ได้แปลกใจที่อีกฝ่ายจะทำตัวเหมือนโสด ในเมื่อเพื่อนเธอก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่รู้จักกันตอนปีหนึ่งแล้ว บ่อยครั้งที่ต้องเลิกกับแฟนเพราะแอบจับได้ว่าจุ๊บแจงมีชู้ จะสงสารก็สงสารแต่ฝ่ายชายนั่นล่ะที่ดวงซวยมาเจอเพื่อนเธอ เอง หลายใจรึก็เท่านั้น น่าแปลกที่จุ๊บแจงไม่เคยแคร์ใครมากกว่าตัวเอง ซึ่งนิรินก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามันดี
จุ๊บแจงยืดอกรับ “เย็นนี้ทำตัวให้ว่างนะ ฉันจะพาเธอไปด้วย พอถึงสองทุ่มก็กลับได้เลย เหมือนเดิมไม่ต้องรอ” ขยิบตาให้เพื่อนอย่างรู้กัน ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
มันก็แค่เรื่องเดิมๆ ที่เพื่อนสนิทมักจะขอให้นิรินทำ สุดท้ายแล้วหากพวกเขาจะไปไหนกันต่อ เธอนั้นไม่เคยสนใจ ก่อนจะก้มหน้าทำงาน ในหัววนเวียนคิดแต่เรื่องเพื่อนสาวกับบอสอยู่อย่างนั้นจวบจนเวลาล่วงเลยไปถึงห้าโมงเย็น นิรินกับเพื่อนพากันเดินออกจากที่ทำงานมุ่งหน้าไปยังร้านทิกๆ มิกซ์เซอร์ทันทีโดยต่างคนต่างขับรถส่วนตัวไปคนละคัน บรรยากาศนอกร้านที่ไปถึงยังคงมีผู้คนมาใช้บริการประปรายและเมื่อพากันเดินเข้าไปในร้าน นิรินนึกทึ่งกับการจัดแต่งด้านในแบบเป็นส่วนตัวมีฉากกั้นแยกโซนเป็นล็อกๆ เธอกับจุ๊บแจงเข้าไปนั่งยังโซนส่วนตัวติดกับบาร์เล็กๆ ที่แม้นอกร้านจะสว่างจ้าแต่ด้านในนั้นมืดสลัวราวกับเป็นเวลาห้าทุ่ม
“เดี๋ยวฉันโทรไปบอกผัวก่อนว่าอยู่ในงานวันเกิดจะกลับดึก” นั่งจองโต๊ะและพยักเพยิดให้นิรินสั่งกับแกล้มรอ แล้วเดินเลี่ยงออกไปด้านหน้า
นิรินก้มมองเมนู ‘มีแต่ของแพงๆ ทั้งนั้น’ แต่ถึงบอสไม่มา มันก็ไม่ใช่ปัญหาว่าใครจะจ่าย...จุ๊บแจงนั่นไง รวยคือคำตอบ มืออวบชี้อาหารว่างสามอย่างกับต้มยำร้อนๆ และสุดท้ายคือไวน์แดงปี 19xx ที่เพื่อนสนิทชอบดื่ม แน่นอนว่าตัวเธอเองก็ชอบมันด้วย หลังจากสั่งเครื่องดื่มและอาหารไปเพียงห้านาทีจุ๊บแจงก็เดินกลับมาพร้อมกับ บอส!! ‘มายก็อด’ ^0^ แล้วเรื่องน่าสงสารสุดมโนของจุ๊บแจงก็มาพร้อมกับท่าทางประคบประหงมจากบอส
สองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วพอๆ กับที่นิรินเริ่มเมา ฉากสุดท้ายที่เธอต้องทำขณะที่สองตามองเพื่อนสาวนัวเนียออดอ้อนกับผู้ชายคือ “ฉันไม่ไหวแล้วขอกลับก่อนนะแจง” หันไปทางบอส “สวัสดีค่ะบอส” แค่กล่าวลาแล้วเดินเซออกจากร้านไป อาหารราคาเท่าไหร่ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องกังวลมากไปกว่ารถแม่ค้าขายผลไม้ดองที่ชอบหนักมาก สองขาอวบก้าวเข้าหาคุณป้าคนขายทันที “ป้าคะ มะม่วงดองน้ำจิ้มแซ่บๆ ห้าสิบบาท”
“ได้จ้า” ป้าคนขายหั่นมะม่วงฉับๆ ส่งให้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ลืมโฆษณาสินค้าของลูกสาวตัวเอง “เอาขนมเปี๊ยะเพิ่มมั้ยหนู ออกจากเตาใหม่ๆ ลูกสาวป้าทำเองมีหลายไส้ให้เลือก” หยิบกล่องพลาสติกบนตู้น้ำแข็งขึ้นมาวาง “ทานเวลาท้องว่างชิ้นละยี่สิบบาทเอง”
นิรินผู้ชอบทานขนมหวานยืนเอนไปมา “เอาห้าลูกก็ได้ค่ะ อึ่ก!” สะอึกเหม็นเปรี้ยว จะว่าเธอเมาก็คงไม่ผิดนักหากนับจำนวนไวน์สามขวดสามรสชาติที่ดื่มเข้าไป แถมไม่รู้ว่าตัวเองจะขับรถได้ตรงทางรึเปล่าด้วย
“ขอบใจจ้า หลับสบายๆ โชคดีนะ”
สาวเมาผู้ถูกอวยพรแบบแปลกๆ หิ้วขนมกับมะม่วงดองไปขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกจากลานเพื่อกลับคอนโดทันที คืนนั้น...คือคืนสุดท้ายของนิริน
๑------------------๑
แคว้นมู่:ยามซวี่ (19.40)
วันนี้คือวันปักปิ่นของเยี่ยนมิ่งลี่ สตรีอ่อนหวานผู้ถูกตาต้องใจกับรัชทายาทมู่หรงหลานมานานหลายเดือน งานเลี้ยงเล็กๆ เกิดขึ้นในจวนหลังใหญ่แต่มีผู้มาร่วมงานเพียงน้อยนิดเพราะสตรีที่ปักปิ่นในวันนี้หาใช่บุตรสาวของฮูหยิน แต่นางเป็นเพียงบุตรสาวของอนุคนหนึ่งของสกุลเยี่ยนเท่านั้น บรรยากาศในงานยิ่งค่ำลงทุกคนต่างยิ่งทยอยเดินทางกลับบ้าน เหลือไว้เพียงหวังปิงปิงและรัชทายาทนั่งอยู่ด้วยกันเป็นแขกคู่สุดท้าย
“มิ่งลี่ใยจึงชักช้านัก” รัชทายาทรูปงามทำหน้ารำคาญใส่สตรีไร้ยางอายที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม หวังปิงปิง ในสภาพเมามายกำลังมองเขาด้วยสายตาหวานฉ่ำ ‘น่าชัง’ “ข้าอยากจะกลับวังเต็มทนแล้ว”
“รัชทายาทจะรีบกลับไปใย มีข้านั่งร่ำสุราด้วยนานๆ มิดีรึ” ^^ ตัวเอียงไปเอียงมา แม้จะเมาแต่ยังคงไว้ซึ่งสติที่อยากจะเกี้ยวบุรุษ “พรุ่งนี้มีกระบี่งดงามมาจากแคว้นเจ้า อึ่ก!” พูดไม่ทันจบประโยคดี นางก็รีบยกมือขึ้นอุดปากก่อนจะวิ่งออกไปจากศาลา โก่งคออาเจียนใส่พุ่มดอกไม้ “อ๊อกๆๆ”
อาเปา สาวใช้คนสนิทไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปประคองและส่งน้ำดื่มให้คุณหนูของนาง “คุณหนูเมามากแล้ว กลับจวนกันเถอะเจ้าค่ะ” อยู่ตรงนี้ก็หาได้มีประโยชน์กับผู้ใดไม่ ‘รัชทายาทมู่หรงหลานรึก็รอแค่คุณหนูเยี่ยน มิได้สนใจคุณหนูหวังปิงปิงของนางเลยสักนิด’
“อะ อีกครู่” ดื่มน้ำเปล่าและกลั้นก้อนอาเจียนไว้ในลำคอ ก่อนจะจับตัวอาเปาเอาไว้แน่นเพื่อพยุงร่างตัวเองเดินกลับไปนั่งในศาลาตรงที่เดิม ‘ใยนางจะไม่รู้ว่ารัชทายาททรงทำท่ารังเกียจนาง’ แต่แล้วยังไงในเมื่อนางเองก็ชมชอบอีกฝ่ายไม่ต่างจากมิ่งลี่ จู่ๆ บุรุษรูปงามก็ยื่นขวดอะไรสักอย่างมาให้
“ไร้ยางอายก็เท่านั้น เอ้า ดื่มเข้าไปสุราดอกท้อ เพิ่งได้มาใหม่เมื่อครู่ มิใช่อยากจะสนใจเจ้าหรอกนะ...แค่” ‘เคยเห็นเจ้าถามถึงผลท้อบ่อยๆ’
แต่ใครเลยจะรู้ว่า วินาทีที่หวังปิงปิงแตะสุราขวดนั้นไปเพียงปลายลิ้น...ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
๑------------------๑
“งึมๆๆ” พลิกตัวไปมาบนเตียงนอน แต่กลับรู้สึกว่าทำไมเตียงมันแข็งกว่าเดิม? ตากลมกะพริบปริบๆ มองเพดาน ‘หืมม’ จำได้ว่าเตียงในคอนโดไม่มีเสา? ไม่มีผ้าผูกโบห้อย? พรึ่บ!! นิรินลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ ทุกสิ่งในห้องนี้ดูแปลกตา “เตียงใครเนี่ย??” สองขาลุกจากเตียงไม้เล็ก เดินไปยังโต๊ะกลมที่มีเก้าอี้วางอยู่สองตัวติดกับหน้าต่าง แอบมองออกไปด้านนอกเห็น สวน?? ‘คอนโดชั้นห้านี่เคยมีสวนด้วยเหรอ’ ส่ายหัวกับตัวเองเมื่อมองเห็นพื้นดิน “ไม่ใช่ละนิริน” ถอยหลังออกจากตรงนั้นก่อนจะเดินสำรวจในห้องด้านหลังที่มีฉากกั้น มันเป็นพื้นที่สำหรับอาบน้ำและยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ที่มันมีถังไม้อยู่ในนี้ด้วย สองขาเล็กถอยหลังออกจากฉากกั้นห้องอาบน้ำไปเจอเข้ากับกระจกเงาบานใหญ่ ภาพที่สะท้อนออกมาคือผู้หญิงผมยาวสลวย ใบหน้าน่ารักดูอ่อนเยาว์ ซึ่งมันไม่ใช่นิรินคนเดิม หัวสมองครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ “นี่ฉันเหรอเนี่ย ไม่ใช่ละๆ” อดีตสาววัยทำงานรูปร่างอ้วนท้วนมองตัวเองผ่านกระจกบานนั้นอีกครั้งที่ดูยังไงก็ไม่เจอเค้าโครงเดิมหรือชุดนอนเดิม จำได้ว่าก่อนจะหลับไป เธอยังนั่งกินขนมเปี๊ยะห่อใหญ่ใส้ทุเรียนอยู่เลย “ฝันอยู่แน่ๆ นิริน” หยิกตัวเองเพื่อตอกย้ำความจริงแล้วก็พบว่ามันเจ็บ “อ่อย เจ็บแฮะ” แม้จะยังไม่เชื่อกับสภาพที่เห็นเต็มร้อยแต่ก็อดไม่ได้ที่จะก้มสำรวจร่างกายของตัวเอง ‘นี่คือผู้หญิงในแบบที่นิรินใฝ่ฝัน ขาว สวย หุ่นดี’ ยกแขนเรียวขาวสองข้างขึ้นมาดู ตอนนี้กำลังอยู่ในชุดเอี๊ยมแนบเนื้อสีขาวกระโปรงสั้นเหนือเข่า ผิวขาวเนียนละเอียด หน้าอกหน้าใจไม่ต้องพูดถึงมันใหญ่จนน่าอึดอัด ส่วนหน้าตาเหรอ…โดยรวมจัดว่าดีมาก! คิ้วโก่ง จมูกโด่ง ปากแดง ทำไมพ่อกับแม่เจ้าตัวถึงผลิตลูกออกมาได้เริ่ดขนาดนี้ก็ไม่รู้สินะ เธอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ริมห้องโดยไม่ส่งเสียงร้องเอะอะโวยวายอะไร พร้อมกับเริ่มใช้สติไตร่ตรองอย่างรอบคอบ แน่นอนว่าตอนนี้เธอกำลังอยากรู้ว่าเรื่องมันจะไปต่อในทางไหน จากการสำรวจข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้ มันมีความเป็นต่างชาติ มีความเป็นคนจีนผสมอยู่มากกว่าครึ่งและถ้าหากนิรินหลงมาอยู่ในร่างของสาวคนจีน? ‘แล้ววิญญาณเจ้าของร่างไปไหนซะล่ะ ไม่ใช่ว่าสลับไปอยู่เป็นคนอ้วนแทนหรอกนะ น่าสงสารแย่’ ส่ายหัวให้กับตัวเองอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจในสถานการณ์ ‘บางที่นี่อาจจะเป็นความฝันเสมือนจริงก็ได้ใครจะรู้’ อีกครู่ก็คงจะตื่นแล้วไปทะ...ทำ
ก่อกๆ “คุณหนูเจ้าคะ” ก่อกๆๆ “คุณหนู บ่าวเข้าไปนะเจ้าคะ”