บทที่ 4 การเจอกันอีกครั้ง
โยคินสัมผัสได้ถึงมือนุ่มๆ ที่กำลังลูบไล้ที่ใบหน้าของเขาอยู่ เขานั้นรู้สึกตัวแล้วเพียงแต่ยังไม่ลืมตาขึ้นมา โยคินคว้าข้อมือเล็กๆ ที่กำลังลูบไล้ใบหน้าของเขาก่อนจะกล่าวเสียงเยือกเย็น
"พ่อฉันให้ความสุขกับเธอไม่พอหรือไง" โยคินกล่าวพลางลืมตาขึ้น ชำเลืองมองไปที่เจ้าของข้อมือที่เขาจับอยู่ อันยาในชุดนอนสายเดี่ยวซีทรูสีดำที่กำลังนอนตะแคงแขนเท้าที่ใบหน้าเอาไว้ข้างนึง
"เก่งจังเลยนะ..ยังไม่ทันลืมตามองก็รู้ว่าเป็นฉัน" อันยากล่าวเสียงหวาน โยคินสะบัดข้อมือเธอออก
"ลงไปจากเตียงของฉัน" โยคินกล่าวเสียงเรียบและหลับตาลงนอนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่น้อย อันยาขยับตัวเข้าไปใกล้โยคินกว่าเดิมหน้าอกถูไถกับต้นแขนของโยคิน ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่หน้าอกของโยคิน
"คุณเนี่ยนะ...ใจแข็งจริงๆ เลยฉันดูจืดชืดจนทำให้คุณมีอารมณ์ไม่ได้เลยหรือไง" อันยากล่าวกระซิบที่ข้างหูของโยคิน ก่อนจะค่อยใช้ปลายจมูกสัมผัสไปที่ลำคอของโยคิน โยคินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะผลักตัวของอันยานั้นออกไป
"เธอฮีตหรือไงถ้าอยากมากก็ไปปลุกพ่อฉันสิ ทำตัวเป็นหมาติดสัดไปได้" โยคินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ก่อนจะลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดเพราะความง่วง
"ฉันก็แค่อยากรู้ ฉันไม่ดีตรงไหน" อันยาเริ่มไม่พอใจ โยคินหันไปมองเธอ
"ข้อหนึ่งเธอเป็นเมียพ่อฉัน ข้อสองเธอไม่มียางอายแม่ฉันเสียไปแค่ปีเดียวเธอก็เข้ามาแทนที่ แถมยังอยากจะขึ้นเตียงฉันให้ได้ เรื่องแค่นี้คนมีสมองอย่างเธอไม่น่าคิดไม่ได้นะ" โยคินกล่าวอย่างดูถูก
"ถ้าจะผิดมันก็ผิดที่พ่อของคุณหรือเปล่าค่ะ" อันยาลงจากเตียงเดินเข้ามาหาโยคินอย่างใจเย็น อันยาช้อนตาขึ้นมองใบหน้าโยคิน
"คุณมันก็แค่..เด็กน้อยเป็นหุ่นยนต์ที่คอยทำตามคำสั่งพ่อของคุณ" อันยาตั้งใจยั่วโมโหโยคิน เธอจับมือของโยคินมาจับที่หน้าอกของเธอก่อนจะกล่าวเสียงยั่วเย้า
"ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะใจแข็งขนาดนั้น..."
โยคินยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าอันยาก็ค่อยๆ ถอยหลังโยคินยังคงเดินไปข้างหน้าจนอันยาไม่มีที่ถอยเพราะด้านหลังเป็นเตียงนอน โยคินผลักเธอลงไปบนเตียงและกดเธอไว้ใต้ร่าง อันยายกยิ้มอย่างพอใจ โยคินมองคนใต้ร่างด้วยสายตาว่างเปล่าแฝงความเหยียดหยามเอาไว้ ก้มลงไปเอียงคอกระซิบที่ข้างหู
"ใช่เธอพูดถูกทุกอย่าง....แต่คนอย่างเธอหาได้ตามเลาท์เยอะแยะไปหมด ถ้าเธอไม่เชื่อว่าฉันใจแข็งเธอลองแก้ผ้าต่อหน้าฉันดูสิ ฉันก็ไม่แข็งหรอก...หมายถึงอย่างอื่นนะไม่ได้ถึงใจ" กล่าวจบโยคินก็ลุกขึ้น ปลดชุดคลุมใส่เสื้อผ้าอย่างใจเย็นอันยาได้แต่มองการกระทำของโยคิน เขาหันมามองเธอก่อนจากไป
"เรียกตัวเองว่าแม่ก็ทำตัวให้สมกับแม่ของฉันหน่อย แล้วถ้าพ่อฉันสนองความใคร่เธอไม่ได้ ที่ห้องแต่งตัวฉันมีดิลโด้กลายขนาดเลยล่ะ ฉันยกให้" กล่าวจบก็เปิดประตูเดินจากไป โยคินรู้ดีว่าอันยาคิดอย่างไรกับเขา นี่ก็คือหนึ่งเหตุผลที่เขานั้นไม่อยากกลับมาที่บ้านใหญ่ โยคินลงมาโทรปลุกลูกน้องทันที
"ณัฏฐ์เตรียมรถฉันจะกลับบ้าน"
"ครับคุณโย"
หลังจากวันนั้นโยคินก็ได้ทำแต่งานหัวหมุนอยู่กับธุรกิจของตระกูลที่ต้องรับผิดชอบอยู่เพียงคนเดียว พอโตมรบอกว่าจะวางมือเขานั้นก็วางมือให้โยคินบริหารเพียงคนเดียวเพื่อดูความสามารถของโยคิน
แต่ถึงยังไงตำแหน่งนี้ก็ต้องตกเป็นของโยคินอยู่วันยันค่ำ วันเวลาค่อยๆ ผ่านไปโยคินที่เอาแต่มุ่งมั่นกับงานจนไม่สนใจสิ่งใดแต่ก็มีเพียงหนึ่งสิ่งที่เขานั้นยังคงคิดถึงและยังคงปรารถนา
เวลาค่อยๆ ผ่านไปโยคินที่เอาแต่สนใจเรื่องงาน จนลืมเรื่องของชานนท์ไปแม้กระทั่งพาไปเยี่ยมหลุมศพของภวินทร์โยคินยังยกเลิกและในที่สุดวันเกิดของชานนท์ได้เวียนมาอีกครั้ง
“คุณโยครับ...วันเกิดของนายน้อยปีนี้” เคนกล่าวถาม
“พวกนายไปจัดการ แล้วบอกกับชานนท์ว่าฉันติดงานปีนี้ไปไม่ได้” โยคินกล่าวสวนขึ้นมา
“ครับคุณโย”
ชานนท์ที่รับว่ารู้ว่าปีนี้ โยคินจะไม่มาเขานั้นเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะทั้งปีเขานั้นมีเป้าหมายคือเฝ้ารอการมาหาของโยคิน
โยคินไม่เคยโทรหาหรือติดต่อเขาผ่านโทรศัพท์ ชานนท์ก็ไม่อาจทำอะไรได้แม้จะคิดถึงโยคินมากแค่ไหนก็ได้เพียงรอโยคินมาหา เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกของตัวเองนั้นเปลี่ยนไปเมื่อไหร่
เขารู้ตัวอีกทีเขานั้นไม่ได้รักหรือรู้สึกกับโยคินเป็นผู้มีพระคุณแต่เขานั้นคิดกับโยคินเป็นอย่างอื่น เขาได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าแค่ปีเดียวคงไม่เป็นและก็ให้กำลังใจตัวเองว่าปีหน้าก็คงได้เจอ
ไม่นานโยคินก็ได้รับข่าวร้าย “ลดา” พี่เลี้ยงที่คอยอยู่กับชานนท์นั้นได้เสียชีวิตแล้ว เดิมทีเขานั้นอยากส่งคนดูแลคนใหม่ไปให้ชานนท์แต่ชานนท์นั้นปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าเขาโตแล้วสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว
หลังจากเบี้ยววันเกิดของชานนท์ในปีแรก หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยไปหาชานนท์อีกเลยทำให้ชานนท์นั่นคิดว่าโยคินไม่ได้สนใจเขาอีกแล้วจนกระทั่ง
4 ปีต่อมา
โยคินในวัย 36 ปี แต่ยังคงมีใบหน้าที่หล่อเหลาไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ยังคงดูดีเหมือนกับคนอายุ 30 ต้นๆ และ ชานนท์ในวัย 20 ปีที่โตเป็นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเป็นอย่างมากแต่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว
โยคินยังคงส่งเสียชานนท์เช่นเดิมเพียงแต่ให้ลูกน้องทำหน้าที่แทน เพราะเขานั้นโฟกัสแต่เรื่องงานจนพ่อเขานั้นไว้วางใจและตอนนี้เขาได้เป็นผู้นำของตระกูลชิงหลงแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้สนใจตำแหน่งและอยากออกจากวงการเต็มทน
โยคินมีแผนในใจมานานแล้วเมื่อไหร่ที่เขานั้นได้เป็นผู้นำตระกูลของเขาจะสิ้นสุดการทำธุรกิจสีเทาแค่รุ่นของเขาเท่านั้น เขาตั้งใจจะเลิกธุรกิจสีเทาทั้งหมดเขาเพียงรอเวลาที่พ่อของเขานั้นได้จากโลกไป
ช่วงตลอด 4 ปีมานี้เขาจึงวางรากฐานไว้อย่างดีมีธุรกิจที่ขาวสะอาดอยู่หลายอย่างอาทิเช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล มีธุรกิจหลายอย่างที่เขานั้นสร้างขึ้นมา
ด้านชานนท์ก็ได้อยู่มหาลัยและไม่ค่อยได้อยู่ที่บ้านหลังนั้น โยคินเข้าใจว่าวัยรุ่นต้องการใช้ชีวิต เห็นชานนท์มีชีวิตปกติธรรมดาทั่วไปแค่นี้เขาก็พอใจ
ทางด้านตระกูลอื่นก็เริ่มจัดระเบียบตระกูลใหม่ จูเชว่ยังคงมาตรฐานความตรงไปตรงมาและความสัมพันธ์ของเตชินและโยคินก็ยังคงเป็นเช่นเดิมเรื่องที่โยคินขอให้เตชินช่วยคือสืบเรื่องราวในอดีตเพราะไม่ว่าเขานั้นจะพยายามสืบเองอย่างไรก็ไม่เคยพบ จึงต้องยืมมือเตชิน
ทางตระกูลฉีหลินพีระได้ขึ้นเป็นตำแหน่งผู้นำ เพราะฉัตรโชคได้เสียชีวิตลงเพราะอาการป่วยแต่ยังทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ เมื่อใดที่มีสายเลือดของเขานั้นปรากฏตัวตำแหน่งจะถูกคืนกลับเป็นของทายาทที่แท้จริง แต่พีระก็ไม่ได้สนใจเพราะมั่นใจอยู่แล้วว่าจะไม่มีทางเสียตำแหน่งไป
ณ สนามกีฬาของตะกูลชิงหลง
วันนี้มีการแข่งขันบาสแต่ไม่ใช่การแข่งขันบาสทั่วๆ ไป เป็นการแข่งขันที่ผิดกฏหมายถึงจะเรียกว่าแข่งบาสแท้จริงก็คือการต่อสู้แบบทีม
กติกามีแค่ทำอย่างไรก็ได้ให้ทีมตัวเองได้แต้ม ไม่สนว่าจะต้องใช้วิธีอะไรเพียงห้ามใช้อาวุธเท่านั้น ผู้เล่นแบ่งออกเป็นทีมละ 3 คน ไม่ว่าจะขัดขวางฝั่งตรงข้ามโดยวิธีใดๆ ขอแค่ได้แต้มมากกว่าก็จะเป็นฝ่ายชนะจะเตะจะต่อยก็ไม่ผิดกติกาทีมผู้ชนะจะได้เงินรางวัลมหาศาล
โยคินได้เงินจากการธุรกิจนี้โดยการเก็บค่าเข้าชมและการวางเดิมพันเป็นการพนันอย่างหนึ่ง เขานั้นได้เปอร์เซ็นต์จากการวางเดิมพันทั้งในและนอกและยังมีการเดินพันโดยตรงจากพวกคนใหญ่คนโตที่เงินหนาและเป็นนักพนัน
โยคินเข้าไปที่สนามด้วยสูทสีเลือดหมูขับผิวและใบหน้าที่ขาวราวกระดาษให้ดูมีออร่ายิ่งกว่าเดิม เขาเดินไปที่นั่งสำหรับ VIP ทันทีที่เดินเข้าไปชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผิวขาว สูงโปร่งในสูทสีดำดูดึงดูดเป็นอย่างมาก
“สวัสดี นายมาช้านะคุณเจ้าของสนาม” ชายคนนั้นกล่าวทัก
“ฉันก็ไม่คิดว่านายจะชอบดูของอะไรแบบนี้” โยคินกล่าวพลางเดินไปนั่งโซฟาตัวข้างๆ ชายคนนั้น
“วันนี้ฉันเอาทีมมาแข่งเอง ก็ต้องมาสิ” พีระกล่าว
“อ๋อ...ไม่ยักรู้ว่ามีทีมของฉีหลิน”
“จริงๆก็แค่ช่วยสนับสนุนก็แค่นั้น” พีระกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ โยคินไม่ได้ตอบอะไรเพียงหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างใจเย็น
“เดิมพันกันไหม” พีระกล่าวขึ้น
“ก็ต้องเดิมพันอยู่แล้ว ฉันไม่ได้ทำการกุศลนะ” โยคินกล่าวเรียบๆ พีระเอียงใบหน้าเข้าใกล้โยคินก่อนจะกล่าวที่ข้างหู
“ฉันหมายถึงอย่างอื่น...ไม่ได้หมายถึงเงิน”
“ไม่ล่ะ” โยคินปฏิเสธทันที
“ไม่ฟังกันหน่อยเลยหรือไง รีบปฏิเสธจังเลยนะ” พีระกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ
“ฉันไม่นอนกับนายหรอก...นายไม่ใช่สเป็คฉัน” โยคินกล่าวพลางพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างช้าๆ
“หึ...ต้องอย่างไอ้เตสินะ” พีระกล่าวอย่างประชดประชัน
“นั่นก็ไม่ใช่สเป็คฉัน”
“แต่นายก็นอนกับมันได้นี่...แล้วทำไมกับฉันไม่ได้” พีระยังกล่าวต่อ
พวกเขาทั้งสามคนอายุไล่เลี่ยกัน แต่โยคินมักจะสนิทสนมกับเตชินนั้นมากกว่า เขาก็ไม่รู้ทำไมว่าสองคนนี้ถึงได้อยากนอนกับเขานัก แต่สำหรับเตชินเพราะมีผลประโยชน์โยคินจึงยอมเล่นด้วย แต่สำหรับพีระนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย
“เรารู้จักกันมาก็ไม่น้อยจนตอนนี้จะเข้าเลขสี่กันอยู่แล้ว นายยังหวังจะได้นอนกับฉันอยู่หรือไง” โยคินกล่าวอย่างเย็นชา
“นายนี่ก็เย็นชากับฉันไม่เปลี่ยนเลยนะ”
หลังจากบทสนทนาสิ้นสุดลงไม่นานก็แข่งขันก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ที่นั่ง VIP นั้นอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นกว้างขวางและชัดเจนทั้งสนาม เมื่อเห็นผู้เล่นของทีมที่พีระนั้นสนับสนุน
โยคินได้สะดุดสายตากับคนคนหนึ่ง หัวใจของโยคินกระตุกวูบ “ทำไมถึงได้...” โยคินรีบเรียกเคนเข้ามาหาทันที ก่อนจะกระซิบบางอย่างเคนจึงเดินออกไปนานถึง 5 นาทีก็กลับมา
“เป็นนายน้อยจริงๆ ครับคุณโย” เคนกล่าว
“ทำไมถึงได้เหมือน...” โยคินชะงักไปก่อนจะกล่าว “ไปสั่งให้ยกเลิกการแข่งขันเดียวนี้” โยคินกล่าวเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ พีระได้ยินก็หันมาทันที
“อ้าว...ทำไมล่ะ”
“นายไปเจอพวกนั้นมาจากไหนพวกผู้เล่น”
“ฉันรู้จักแต่คนที่พามาพวกนั้นมา..ฉันไม่รู้จักพวกผู้เล่นหรอกนายมีอะไร” พีระกล่าวอย่างสงสัย โยคินเงียบไปพักนึงก่อนจะกล่าว
“การแข่งขันวันนี้ยกเลิก...ขอโทษทีทำให้เสียเวลาเดี๋ยวฉันจะชดเชยให้” กล่าวจบโยคินก็ลุกขึ้นไปทันที
“เดี๋ยวสิโย...มันเรื่องอะไรกัน” พีระยังคงสงสัย โยคินหันกลับมากล่าวด้วยเสียงเรียบ “หนึ่งในผู้เล่นทีมนายคือ ลูกชายฉัน”
โยคินเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก ทิ้งพีระให้งุนงงอยู่แบบนั้น ผู้คนต่างงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ๆการแข่งขันก็ถูกยกเลิก โยคินได้จัดการชดเชยกับผู้ที่เข้ามาชมการแข่งขันอย่างเหมาะสมจึงไม่มีใครโวยวายอะไร ถึงอยากจะโวยวายแต่ก็ไม่มีใครกล้าอยู่ดี
ณ ห้องพักผู้แข่งขัน
เคนเดินเข้าในห้องผู้แข่งขันที่ชานนท์นั้นอยู่ ในนั้นมีคนอยู่ 4 คนมี คนที่พาทีมมาและชานนท์กับเพื่อนสนิทของเขาและผู้เล่นอีกหนึ่งคนที่เป็นหัวหน้าทีม คนที่พามาแข่งนั้นคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดีจึงรู้ว่าเคนเป็นใคร พอเห็นเคนเดินเข้ามาจึงรีบทักทายทันที
“คุณเคน สวัสดีครับมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” ชานนท์หันไปมองผู้ที่มาใหม่ก็แปลกใจทันทีก่อนจะกล่าว
“อาเคน...ทำไมอาถึงมาอยู่ที่นี่” ชานนท์กล่าวทัก ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างกำลังสงสัยกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“นายน้อยคุณโย...เรียกให้ไปพบครับ” ทุกคนยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ คนที่พาทีมมาจึงรีบกล่าวถาม
“มันเรื่องอะไรกันครับคุณเคน”
“คุณชานนท์เป็นลูกชายคุณโยคิน” เคนกล่าวเสียงเรียบ
ชายคนนั้นเสียวสันหลังทันทีเพราะกีฬานี้ต้องมีการเจ็บตัวชายคนนั้นพลันคิดในใจ “ถ้าลูกชายคุณโยคินเจ็บตัว มีกี่ชีวิตก็คงไม่พอชดใช้” ก่อนจะชำเลืองมองที่คนที่เป็นหัวหน้าทีมคล้ายจะต่อว่าทำไมไม่บอกก่อน ชายที่เป็นหัวหน้าทีมส่ายหน้าเบาๆเป็นการบอกว่าตนเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“นี่มันเรื่องอะไรกันวะ ไอ้นนท์” ทชาเพื่อนของชานนท์กระซิบถาม
“ไม่รู้สิ....พ่อกูคงมาตามมั้ง” ชานนท์กล่าวเสียงเรียบ
“ไปครับ” เคนกล่าวจบก็เดินนำชานนท์ไป จนถึงที่รถหรูคันหนึ่งก่อนจะเปิดประตูให้กับชานนท์ โยคินที่นั่งรออยู่ในรถทันทีที่เห็นชานนท์ก็นิ่งไปทันทีใบหน้าของชานนท์ที่คล้ายกับภวินทร์ผู้เป็นอาหลายส่วน ทำเอาโยคินนิ่งไปทันที
"คุณมาทำอะไรที่นี่" ชานนท์กล่าวเสียงเรียบ
"คำถามนั้นฉันต้องเป็นคนถามนาย..นายมาทำอะไรในที่แบบนี้รู้หรือเปล่ากติกากีฬานั่นคืออะไร แล้วมันอันตรายขนาดไหน" โยคินกล่าวเสียงเรียบบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
"รู้สิ..ผมไม่ได้โง่จนใครหลอกมาได้หรอกนะ" ชานนท์กล่าวเสียงเรียบ
"นี่คือคำพูดที่ใช้กับคนที่เรียกได้ว่าเป็นพ่อบุญธรรมหรือไง"
"อ้อ...นั่นสิ ผมคิดว่าคุณลืมไปแล้วว่าคุณมีลูกบุญธรรมอย่างผม ก็เห็นหายไปตั้ง 4 ปี นึกว่าจะลืมไปแล้วซะอีก" ชานนท์กล่าวอย่างประชดประชัน
"ฉันไม่ได้หายไป..ฉันยังคงส่งเสียนาย"
"แต่ก็ไม่เคยมาหาแบบนี้ไม่ได้เรียกหายแล้วเรียกอะไรเหรอครับคุณมาเฟีย" โยคินชะงักไปทันที
"กลับบ้านบ้างหรือเปล่า"โยคินพยายามทำเสียงให้ปกติแม้ในใจจะโมโหเด็กคนนี้ขนาดไหนก็ตาม
"คุณยุ่งอะไรด้วย ผมจะกลับไม่กลับมันเป็นปัญหาของคุณเหรอ" ชานนท์กล่าวเสียงเรียบ
"ฉันคงตามใจนายเกินไปสินะ"
"เงินที่คุณให้ลูกน้องคุณส่งให้ทุกเดือน ยังคงอยู่คบผมไม่เคยใช้สักบาท"
"ฉันไม่ได้ถาม...นายนี่นะตอนเด็กยังดูน่ารักว่าง่าย ทำไมโตมาถึงเป็นแบบนี้ไปได้" โยคินกล่าวพลางส่ายหน้าเบาๆ
"ก็ผมไม่ใช่เด็กแล้วไงครับผมโตแล้ว"
"พรุ่งนี้เก็บของมาอยู่ที่บ้านฉัน"
"ทำไมผมต้องฟังคุณ"
"ก็เพราะฉันเป็นพ่อนายไงล่ะ!!"
"แต่ผมไม่ได้อยากเป็นลูกคุณไง!"