บทที่ 3 งานเลี้ยงตระกูลจูเชว่

2586 Words
บทที่ 3 งานเลี้ยงตระกูลจูเชว่ หลังจากที่โยคินนั้นถึงบ้าน เขานั้นได้สั่งบรรดาลูกน้องของเขาให้แยกย้ายกันไปพักผ่อนตลอดระยะเวลา 6 ปีมานี้ ผู้ติดตามเขานั้นเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนหลังจากเหตุการณ์รอบยิงครั้งนั้นพ่อของเขานั้นก็ระวังเป็นอย่างมาก ส่งผู้ติดตามมาให้เขาเกือบเท่าตัวแต่โยคินมักจะไปกับแค่ณัฏฐ์และเคนเพียงแค่สองคนเท่านั้นส่วนคนอื่นๆ มักจะใช้งานเฉพาะเวลาเคลียร์ปัญหาเท่านั้น “นายสองคนก็ไปพักเถอะ ไม่ต้องเฝ้าฉันหรอก” โยคินกล่าวเสียงเรียบ ในบรรดาบอดี้การ์ดของเขามีเพียง “ภวินทร์” เท่านั้นที่ได้กลับบ้านบ่อยครั้งเพราะต้องไปดูแลหลานส่วนคนอื่นๆ ก็ได้พักที่บ้านของโยคิน “ครับ” สองคนกล่าวพร้อมกัน “คุณโยจะทานอะไรก่อนนอนไหมครับ” ณัฏฐ์กล่าวถาม “ไม่ล่ะ ขอบใจ” พูดจบโยคินก็เดินขึ้นไปที่ชั้น 2 ของบ้านเพื่อที่จะเข้าไปที่ห้องนอน แต่ก่อนจะถึงห้องของเขาโยคินได้หยุดชะงักอยู่หน้าห้อง ห้องหนึ่งที่เป็นห้องที่อยู่ในซอกเล็กๆ ที่ชั้น 2 ของบ้าน โยคินหยุดอยู่หน้าห้องนั้นจากท่าทางที่เหนื่อยล้าก็กลายเป็นซึมลงอย่างอัตโนมัติ เขาค่อยๆ เอื้อมมือจะจับไปที่ลูกบิดก่อนจะรู้สึกตัวและชักมือกลับมาและเดินกลับไปห้องตัวเองทันทีทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยล้าและผลอยหลับไปในที่สุด หลังจากวันนั้นไม่นานก็ถึงงานเลี้ยงเปิดตัวผู้นำคนใหม่ของตระกูลจูเชว่ โตมรให้โยคินนั้นมาที่บ้านใหญ่เพื่อที่จะไปงานด้วยกัน ถึงแม้จะไม่อยากมาที่บ้านใหญ่แต่เขานั้นจำใจต้องมา ทันทีที่เขานั้นถึงบ้านก็เจอกับน้องสาวต่างแม่ที่อายุห่างจากเขาถึง 18 ปี โยคินไม่ได้มีอคติกับเธอเพราะยังไงเธอก็เป็นเด็กน้อยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร สาวน้อยวัย 14 ปี หน้าตากำลังน่ารักโตขึ้นจะต้องเป็นผู้สวยคนหนึ่งอย่างแน่นอน เห็นโยคินนั้นเดินเข้ามาก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที “พี่คิน…พี่กลับมาบ้านแล้ว” อลิน วัยกำลังโตเป็นสาววิ่งเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางที่ดีใจ โยคินยิ้มรับก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน “สาวน้อย….ฉันชื่อโยคินฉันไม่ได้ชื่อคิน” โยคินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่น “ก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ จะโยคินหรือคินก็คือพี่ชายของหนู” อลินกล่าวด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม “ฉันกับเธอห่างกันจนเป็นพ่อลูกกันได้แล้ว ให้ฉันเป็นน้าน่าจะเหมาะกว่า” โยคินกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ระหว่างที่สองคนกำลังยืนคุยนั้น ไม่นานก็มีเสียงหวานนุ่มนวลของผู้หญิงกล่าวขึ้น “อลินหนูก็อย่าไปกวนพี่เขาสิค่ะ พี่เขาเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ” โยคินได้ยินเสียงนั้นใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็แปรเปลี่ยนไปในทันทีก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่นไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา ถึงแม้จะอายุ 37 ปี แล้วแต่ใบหน้ายังคงดูอ่อนเยาว์ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งหุ่นยังดูดีราวกับนางแบบที่หลุดมาจากนิตยสาร “จะไม่ทักทายแม่สักหน่อยเหรอ” เสียงหวานกล่าวขึ้นอย่างหยอกเย้า “ใครเป็นลูกเธอ” โยคินกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงดูชิงชังอยู่ไม่น้อย “ยังเหมือนเดิมจริงๆ นะลูกชายคนนี้” อันยายังคงกล่าวด้วยเสียงหวานหยดย้อย โยคิน “หึ” ออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยที่ยืนงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า “พี่ไปหาคุณพ่อก่อนนะคะ” โยคินกล่าวจบพลางดึงแก้มของเด็กน้อยอย่างเบามือและเดินจากไปโดยไม่สนใจอันยาอีก อันยายกยิ้มมองโยคินเดินจากไป ลูกน้องทั้งสองคนของโยคินก็เดินตามไปอย่างรู้งาน “ทำไมพี่คินถึงดูไม่อยากคุยกับคุณแม่ล่ะค่ะ” อลินถามอย่างไร้เดียงสาด้วยความสงสัย อันยาไม่ได้ตอบอะไรเพียงยกยิ้มมุมปากและกล่าวเปลี่ยนเรื่อง “เราไปเตรียมตัวกันดีกว่า คืนนี้เราต้องไปงานเลี้ยงกับคุณพ่อนะคะ” ตกเย็นโยคินได้ยืนแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัวในห้องนอนของเขาที่บ้านหลังใหญ่ ขณะที่กำลังแต่งตัวอยู่ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาจากด้านหลังเดิมเขานั้นคิดว่าเป็นณัฏฐ์หรือเคนที่เข้ามา แต่คนที่เข้ามานั้นเป็น “อันยา” “เธอเข้ามาทำไม” โยคินกล่าวเสียงเรียบมองอันตาด้วยสายที่ว่างเปล่า “อย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดสิ ฉันก็แค่จะมาช่วยคุณผูกเน็กไทเท่านั้นเอง” เป็นจังหวะที่โยคินกำลังผูกเน็กไทอยู่พอดี อันยากล่าวพลางเดินเข้ามาจัดเน็กไทของโยคินอย่างชำนาญ โยคินไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใดเพียงมองการกระทำของแม่เลี้ยงตัวเองอย่างใจเย็น “เธอนี่ขยันผิดที่จริงๆ นะคนที่เธอควรปรนบัติคือพ่อฉันไม่ใช่ฉัน” โยคินกล่าวเสียงเรียบ “ฉันช่วยคุณโตเสร็จแล้วก็เลยหวังดีจะมาช่วยคุณ” อันยากล่าวเสียงหวานหลังจากผูกเน็กไทเสร็จ อันยาใช้มือปัดรอยเปื้อนที่เสื้อตรงหน้าอกของโยคินเบาๆ “สองคนพ่อลูกนี่ชอบออกกำลังกายจริงๆเลยนะคะตรงนี้ถึงแน่นขนาดนี้” อันยายังคงใช้มือปัดอยู่ที่หน้าอกของเขา โยคินถอนหายใจก่อนจะจับข้อมือของอันยาเอาไว้ก่อนจะกล่าว “ผูกเสร็จแล้วก็ออกไป” โยคินกล่าวเสียงเรียบก่อนจะผลักข้อมือของอันยาออกไปอย่างไม่ใยดี อันยาไม่ได้โกรธหรือโมโหแต่อย่างใดเพียงเดินออกไปอย่างเงียบๆ หลังจากแต่งตัวเสร็จโยคินก็ได้ลงมาทุกคนนั้นรออยู่แล้ว “ผมเอารถไปเองนะครับคุณพ่อ” โยคินกล่าว “แล้วทำไมไม่ไปด้วยกันล่ะ” “ทำไมพี่คินไม่ไปกับพวกเราละคะ” อลินกล่าวเสริม “เผื่อคุณพ่อจะกลับก่อนน่ะครับ” โยคินกล่าวเสียงเรียบ “แล้วแต่แกแล้วกัน แต่คืนนี้แกกลับมานอนที่บ้านด้วยล่ะ ฉันยังมีเรื่องจะคุยกับแกต่อ” โตมรกล่าว “ครับ” หลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึงที่จัดงานเป็นโรงแรม 5 ดาว เนื่องจากเป็นงานภายในคนที่มาจึงเป็นแต่บุคคลที่มือชื่อเสียงและเป็นคนใหญ่คนโต เพราะจูเชว่เองก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับคาสิโนและไนท์คลับปล่อยเงินกู้และยังเก่งเรื่องตามคนเป็นอย่างมาก งานถูกคุมเข้มไม่อนุญาตให้ผู้ติดตามเข้าไปด้านใน มีการตรวจอาวุธอย่างละเอียด ทันทีที่เข้าไปด้านในคนที่รู้จักต่างก็เข้ามาทักทายทั้งเขาและพ่อของเขา ไม่นานก็เจอเจ้าของงานพวกเขาทักทายกันอย่างเป็นกันเองเพราะจูเชว่กับชิงหลงเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาตลอด “ยินดีกับคุณเตวิชญ์ด้วยนะครับ ในที่สุดลูกชายก็ดูแลตระกูลได้สักที เก่งมากจริงๆ” โตมรกล่าวกับเตวิชญ์ที่เป็นผู้นำตระกูลคนเก่าพลางชำเลืองมอง “เตชิน” ที่เป็นลูกชายคนโตของเตวิชญ์และเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ “ธุรกิจตระกูลของผมมันเล็กๆ ไม่ต้องใช้ความสามรถอะไรมากคุณโตมรก็พูดเกินไป” เมื่อเห็นผู้ใหญ่คุยกันโยคินจึงถอยออกมา เพราะเขาเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วจึงไม่ได้อยากจะคุยอะไรมาก โยคินยืนห่างออกมาจากตรงนั้นไม่นานเตชินก็ขอตัวออกมากจากตรงนั้นเดินเข้ามาหาโยคิน “ฉันคิดว่านายจะไม่มาซะแล้วนะ” เสียงทุ่มต่ำฟังแล้วดูมีเสน่ห์กล่าวขึ้น โยคินชำเลืองมองชายหนุ่มผิวแทนตาคมคิ้วเข้มจมูกโด่งรับกับใบหน้าดูหล่อเหล่าไม่น้อย โยคินยกยิ้มก่อนจะกล่าว “ฉันเคยบอกนายแล้วยังไงฉันก็ต้องมา” “ดื่มอะไรหรือเปล่า” เตชินกล่าว “อะไรก็ได้” บริกรที่ถือเครื่องดื่มผ่านมาพอดีเตชินหยิบเครื่องดื่มส่งให้โยคิน “ขอบใจ” โยคินรับมาก่อนจะกวาดสายตามองหาอะไรบ้างอย่าง “นายหาอะไร” เตชินกล่าวอย่างสงสัย “คนของฉีหลิน..ไม่เห็นมี” ฉีหลิน เป็น 1 ใน 3 ตระกูลเช่นเดียวกันและยังเป็นตระกูลที่เก่าแก่ที่สุด เสียอย่างเดียวที่ตอนนี้ยังไม่มีผู้สืบทอดผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน“ฉัตรโชค”มีลูกสาวเพียงคนเดียวและลูกสาวก็ได้หายตัวไปนานแล้วแต่ฉัตรโชคยังคงมีบุตรบุญธรรมอยู่อีก 1 คนคือ “พีระ” ฉัตรโชคยังไม่ได้ยกตำแหน่งผู้สืบทอดให้กับพีระเพียงเพราะยังรอการปรากฏของลูกสาวแท้ๆแต่เวลาก็ผ่านมาหลายปีก็ยังคงไม่มีข่าวคราว “งานยังไม่เริ่มไปสูดอากาศกันหน่อยไหม” เตชินกล่าวชวน โยคินพยักหน้าเบาๆทั้งคู่เดินออกมารับลมที่ระเบียงของห้องโถงที่จัดงาน โยคินจึงหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบฆ่าเวลา “ตอนนี้ฉีหลินขัดแย้งกันอยู่ภายใน ฉันคิดว่าคงไม่มาหรอก” เตชินกล่าวเสียงเรียบ “ขัดแย้งเหรอ?” “นายไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหรอ” “แค่เรื่องงานฉันก็ปวดหัวจะแย่ ฉันจะมีเวลาไปสนใจเรื่องของตระกูลอื่นหรือไง” โยคินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “อืมฉันคงว่างมากสินะ ก็อย่างที่รู้ตาแก่ฉัตรโชคอยากจะยกผู้ตำแหน่งผู้นำให้กับลูกสาวแต่ถึงตอนนี้ก็ยังหาตัวไม่เจอและสืบข่าวคราวก็ไม่เคยพบแล้วตอนนี้ตาแก่นั้นก็กำลังป่วยแต่ก็ยังไม่ยอมยกตำแหน่งให้พีระ พีระน่ะมันอยากจะนั่งตำแหน่งผู้นำจะตาย คนที่ตาแก่นั้นส่งไปสืบก็ถูกพีระซื้อตัวเอาไว้ นายคิดว่าจะเจอไหมล่ะ ตอนนี้ก็เลยขัดแย้งกันภายในเรื่องคนสืบทอดตำแหน่งก็เลยแบ่งออกกันเป็นสองฝ่าย” “นายดูรู้ดีจังเนอะ” โยคินยังคงกล่าวเสียงเรียบ “เรื่องสืบข่าว...นายก็รู้ไม่มีใครสู้ฉันได้” “แล้วเรื่องของฉันล่ะไม่เห็นได้เรื่อง” โยคินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะสูบควันเข้าปอดและพ่นออกมาอย่างสบายใจ เตชินขยับเข้ามาใกล้กับโยคินมากขึ้นก่อนจะกล่าวที่ข้างหู “นายก็รู้ฉันน่ะ...ไม่ชอบทำงานให้ใครฟรีๆ ที่ไม่ได้เรื่องเพราะยังไม่ได้สืบนายก็รู้ฉันต้องการอะไรจากนาย” โยคินได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มก่อนจะหันหน้าไปหาเตชินและขยับเข้าไปใกล้กว่าเดิมเอียงใบหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของเตชิน “ที่ผ่านมาก็ได้ไปไม่น้อยนิ” “นั่นเรียกว่าได้เหรอ...ก็แค่เด็กน้อยทำกันมันก็ไม่ต่างจากช่วยตัวเองหรอกนะ” เตชินกล่าวพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาก่อนจะต่อไฟจากบุหรี่ของโยคิน โยคินก้มมองนาฬิกาหรูที่ข้อมือ “อีก 1 ชั่วโมงานเริ่ม ยังพอมีเวลา...นายสนใจจะขึ้นเตียงกับฉันตอนนี้เลยไหมล่ะฉันกำลังเบื่อๆ พอดี” โยคินกล่าว “บังเอิญจังเลยที่ฉันเปิดห้องเอาไว้ทั้งชั้นเพื่อรองรับแขก” เตชินกล่าวอย่างยั่วยวน “แต่ฉันว่าห้องน้ำที่ห้องจัดงานมันเร้าใจกว่านะ” โยคินกล่าวพลางพ่นควันบุหรี่ออกมาเบาๆ “ไม่ยักรู้นายจะชอบทำเรื่องน่าตื่นเต้น” “หรือจะตรงนี้ดีล่ะ” ทันทีที่มาถึงที่ห้องน้ำทั้งคู่เข้าไปในห้องน้ำย่อยอีกทีและไม่ได้ปิดล็อคประตูใหญ่แต่อย่างใดผู้คนยังเดินเข้ามาใช้ห้องน้ำได้อย่างปกติ สองคนปลดปล่อยอารมณ์ความใคร่ใส่กันอย่างเร้าร้อนและไม่มีใครยอมใครโดยไม่สนใจว่าจะมีใครมาเข้าใช้ห้องน้ำหรือเปล่า เตชินเลื่อนริมฝีปากเพื่อจะจูบ โยคินเบี่ยงหน้าหนีทันที “ฉันไม่จูบ” เตชินยกยิ้มก่อนจะกล่าวเสียงหวาน “อิจฉาผีจังเลยนะ” “อย่าพูดมาก” ทั้งคู่ได้มีสัมพันธ์ทางกายกันอย่างเร้าร้อนภายในห้องน้ำ หลังจากที่เสร็จสมโยคินยืนล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้าอย่างใจเย็น ด้วยท่าทางที่สงบราวกับเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น “พ่อนายจะยกตำแหน่งให้นายเมื่อไหร่” เตชินกล่าวถาม “ไม่รู้สิ เมื่อฉันมีลูกนั้นแหละแต่นายก็รู้ฉันไม่ได้สนใจตำแหน่งฉันเบื่อวงการนี้เต็มทน” “หืม..มีลูกน่ะเหรอ กับคุณหนูตระกูลไหนล่ะ” เตชินกล่าว “ฉันยังไม่ได้คิด อาจจะเป็นตระกูลนายกับน้องสาวนายก็ได้” โยคินกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “เฮอะเอาเถอะ...มีนายเป็นน้องเขยก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร” เตชินกล่าวอย่างไม่คิดอะไร ก่อนจะกล่าวต่อ “อ้อ...เรื่องที่นายให้ฉันสืบฉันจะพยายามเต็มที่ก็แล้วกัน” หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปในงาน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น “เตชิน” ได้เป็นผู้นำตระกูลคนใหม่อย่างเป็นทางการ เตชินยังมีน้องสาวอีกหนึ่งคนที่อยู่ต่างประเทศตั้งแต่เล็กเพราะเตวิชญ์นั้นไม่อยากให้ลูกสาวมาเกี่ยวข้องกับวงการนี้ถ้าให้จัดอันดับความการมีเล่ห์เลี่ยม จูเชว่ คงอยู่ลำดับสุดท้ายเพราะแยกตัวเป็นอิสระและตรงไปตรงมาที่สุด งานเลี้ยงเสร็จสิ้นโยคินกลับมาที่บ้านโตมรเรียกเขาไปพบที่ห้องทำงาน “คุณพ่อมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” โยคินกล่าว “ปีนี้แกอายุเท่าไหร่” “32 ครับ” โยคินตอบเสียงเรียบ “แกอายุ 35 เมื่อไหร่ฉันจะวางมือ แกจะต้องเป็นผู้นำตระกูลแทนฉัน” โยคินยิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรเขานั้นรู้ตัวดีอยู่แล้วสักวันเขาจะต้องเป็นผู้นำของตระกูล โตมรจึงกล่าวต่อ “ต่อจากนี้แกต้องดูแลกิจการทุกอย่าง แบ่งเวลาให้ได้ฉันไม่อนุญาตให้แกใช้คนอื่นทำแกต้องดูแลด้วยตัวเองทั้งหมด” “ครับ” โยคินรู้ดีถึงพูดอะไรก็ขัดใจพ่อของเขาไม่ได้ ถึงรู้ว่าการที่ต้องดูแลกิจการหลายอย่างมันเหนื่อยแต่เขานั้นก็ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ “อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวัง เข้าใจหรือเปล่า แล้วก็อย่าลืมเรื่องมีหลานให้ฉัน” “ครับ” หลังจากคุยกันจบโยคินก็ได้ขึ้นมาบนห้องนอนของเขา เขานั้นนอนที่บ้านใหญ่ครั้งแรกในรอบหลายปี เพราะบ้านนี้เป็นบ้านที่แม่เขานั้นเคยอยู่ เขาจึงไม่ค่อยอยากกลับมา มันทำให้เขานั้นคิดถึงแม่ ซ้ำพ่อของเขายังเอาผู้หญิงที่อายุมากกว่าเขาเพียง 5 ปี เข้ามาแทนแม่ของเขาอีก โยคินอาบน้ำให้ตัวเองสบายตัว ก่อนจะใส่เพียงชั้นในและชุดคลุมผ้าซาติน และทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้าไม่นานก็ผลอยหลับไป ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีเพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังลูบไล้ใบหน้าของเขาอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD