บรรยากาศด้านหลังประตูหลังโรงเรียน หลังจากพักกลางวัน นักเรียนทุกคนแยกย้ายกันขึ้นห้องเรียนหลังได้ยินเสียงออดหมดเวลาพัก เพื่อเข้าเรียนยังวิชาต่อไป
“นี่ ๆ เอวาแกจะปีนจริงเหรอฉันยังไม่ได้ผ่าเปลี่ยนอย่างคนอื่นเขาเลยนะ ถ้ามันพังขึ้นมาฉันจะเป็นยังไงยะ ไม่ปีนได้มั้ย ฉันกลัว”
“ไม่น่ากลัวหรอกน่า กำแพงเตี้ยแค่นี้เอง ใช่ไหมนมสด” หญิงสาวหันไปตอบเพื่อนสาวที่ร่างเป็นชายก่อนจะหันไปถามความเห็นจากเพื่อนสาวอีกคน
“ถ้ามันเกี่ยวก็ดีสิ แกจะได้ไปตัดออกก่อนขึ้นมหาลัยไง เก๋ ๆ ออก” เพื่อนที่ร่างเป็นชายใจเป็นหญิงคิดตามคำพูดนมสดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอือออ แบบเซ็ง ๆ อย่างไม่เชื่อกับคำพูดหว่านล้อมของเพื่อน
“มานั่งลงครัวซองต์”
“นั่งทำไมอะ”
“นั่งเถอะน่า ในขณะที่ครัวซองต์นั่งลงอย่าง งง ๆ ยังไม่ทันได้กระจ่างกับคำสั่งเพื่อน เอวาก็ก้าวฉึบขึ้นไปเหยียบบนบ่าของเพื่อนที่เป็นชายใจเป็นหญิง
อึ๊บ!!
“ว้ายยยยย กะ แก แก ทำอะไรยายเอวา ละ หลังฉัน โอ๊ย!! ”
“เอาน่า ยืนขึ้นหน่อยนะซองคนสวย” คนงอแงด้านล่างถึงจะงอแงโวยวายแต่ก็ยอมยืนขึ้นตามคำสั่งของเพื่อนหน้าหวาน อย่าง งง ๆ เพียงเพราะคำชมคำเดียว
“อึ๊บ! ฮึบบ!! อีกนิด อ๊ะ! ได้แล้ว มานมสด ขึ้นมา” นมสดชี้นิ้วไปที่ตัวเองแล้วก็ชี้ไปที่บ่าของฝาแฝดตัวเอง
“เอาน่าก็มีแค่ทางเดียวครัวซองต์ร่างเป็นชายไม่ได้อ่อนแอเหมือนพวกเราหรอกขึ้นมาเร็วเดี๋ยวมีคนมาเห็น” หญิงสาวหน้าหวานสรุปเองเสร็จสรรพโดยไม่ถามความสมัครใจของเพื่อนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ด้านล่างสักนิด สุดท้ายนมสดก็ถอดรองเท้าแล้วส่งให้เอวาก่อนจะก้าวขาเหยียบบ่าแฝดชายของตนขึ้นไป
เมื่อทั้งสองสาวขึ้นไปได้สำเร็จทั้งคู่ก็เหลือแค่คนสุดท้ายที่ไม่รู้จะเหยียบใครขึ้นไป ทั้งสองสาวด้านบนพยายามยื่นแขนมาดึงเพื่อนชายที่ใจเป็นหญิงขึ้นไปด้านบนอย่างทุลักทุเลโดยสองเท้าฝากรอยรองเท้าสีดำไว้บนกำแพงอย่างไม่รู้ตัว สองสาวช่วยกันออกแรงดึงโดยพวกเธอไม่รู้เลยว่ามีรถคันหนึ่งจอดมองพฤติกรรมเธออยู่ข้างถนนฝั่งตรงข้าม
“ลิงจริง ๆ ซนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะยายตัวแสบ” คนบนรถบ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกับส่ายหัวเอือมระอากับพฤติกรรมคนที่สายตาเขาจับจ้องอยู่
“จับไว้แน่น ๆ สิครัวซองต์”
“ว้ายยย”
“เบา ๆ สิอีตุ๊ด เดี๋ยวเขาก็แห่กันมาทั้งโรงเรียนหรอก”
“แหม พอหมดผลประโยชน์ เรียกกูอีเลยนะ”
“แฮร่ ๆ เค้าขอโทษ ครัวซองต์ก็เบา ๆ สิ”
“อือ ๆ อะ เอาใหม่ ๆ ส่งมือมา”
สองสาวส่งมือไปให้เพื่อนจับเพื่อยึดเป็นหลักในการปีนอีกครั้ง เพื่อขึ้นมาด้านบนกำแพงด้วยกัน
“อึ๊บ อีกนิด ไต่ขึ้นมาเร็ว”
“เฮ้อออ จะจบ ม.หกอยู่แล้วมาพากันใจแตกอะไรตอนนี้ยะ”
พอขึ้นมาได้ ครัวซองต์ก็ถอนหายใจระบายออกมาใส่เพื่อน ๆ
“ไม่ได้ใจแตกซะหน่อยเพราะจะจบหกไงเลยต้องลองเก็บเกี่ยวประสบการณ์น่ะแกไม่เข้าใจเหรอ เดี๋ยวจบหกก็ไม่มีโอกาสได้ลองแล้วนะตอนมีลูกจะได้รู้ทันลูกได้ไง”
“เหอะประสาท ความคิดแกมันประสาทมากยายวา” เอวาไม่สนใจคำพูดเพื่อนเธอเดินนำทั้งสองไปยังป้ายรถเมล์เพื่อขึ้นไปลงยังห้างใกล้ ๆ สักแห่งแถว ๆ โรงเรียน
“แล้วพวกแกขึ้นรถเมล์เป็นเหรอ” นมสดถามอย่างสงสัย สายไหนเบอร์ไหน แต่ละคันไปไหนบ้างก็ไม่รู้จัก
“เออว่ะ เอาไงยายวา” เอวายืนมองทั้งสองอย่างใช้ความคิด
“งั้นแท็กซี่มั้ย” ทั้งสองพยักหน้าเออออเห็นด้วยเพราะตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาแล้ว เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกจากกรอบหน้าของทั้งสามเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาช่วงบ่ายแดดค่อนข้างแรง
ยี่สิบนาทีผ่านไป...
“ทำไมไม่มีแท็กซี่เลยล่ะ” เอวาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาราวกับรู้สึกผิดที่พาเพื่อน ๆ มาลำบาก
“ฉันว่างั้นเราไปรถเมล์กันเถอะ”
“อือ ๆ งั้นเซิร์ชดูจากจุดนี้ ต้องนั่งรถเบอร์อะไร”
ทั้งสามช่วยกันเซิร์ชหาในกูเกิลเพื่อหาทางไปยังเป้าหมาย
“เจอแล้วสายหนึ่งศูนย์แปด ห้าสถานีถึง”
“นั่นไงมานั่นแล้ว”เอวาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นเบอร์รถคันดังกล่าวที่นมสดบอกกำลังวิ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบสถานี ทั้งสามจึงรีบวิ่งข้ามไปยังป้ายของรถเบอร์นั้นเพื่อจะขึ้นรถสายนั้น
เอี๊ยดด!!
ทั้งสามเดินขึ้นไปหาที่นั่งด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะมองไปยังด้านหลังสุดพร้อมกับขาที่ก้าวตามสายตาไป แล้วทั้งสามก็มานั่งหลังสุดของรถเมล์ โดยมีเอวานั่งติดฝั่งกระจก
แกร่บ ๆ!!
“ค่าโดยสารด้วยค่ะ ๆ” พนักงานเก็บเงินบนรถโดยสารเดินไล่เก็บเงินจากด้านหน้ามาเรื่อย ๆ จนมาถึงพวกเธอ
“นี่ค่ะ” เอวายื่นแบงก์พันให้กับคนเก็บค่าโดยสารแล้วยิ้มให้เล็กน้อย
“ค่าโดยสารยี่สิบสี่บาทจ่ายแบงก์พันเลยเหรอหนู?” น้ำเสียงไม่พอใจถามแล้วมองไปที่เอวาด้วยแววตาไม่ชอบใจ
“สามคนค่ะ”
“สามคนก็ยังไม่ถึงร้อยเลยนะหนู มาขึ้นรถเมล์ใครเขาใช้แบงก์พันจ่ายกันล่ะ” คนเก็บสตางค์พูดขึ้นเสียงดังราวกับจะให้พวกเธออับอาย
“หนูมีแค่นี้จริง ๆ ค่ะ” คนเก็บสตางค์ทำหน้าไม่พอใจก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“งั้นรอละกันเดี๋ยวไปนับเงินมาทอนให้” พูดจบหล่อนก็ฉีกตั๋วให้พวกเด็ก ๆ ก่อนจะเดินกลับไปยังด้านหน้าตรงข้างคนขับ
“อะไรวะทำงานยังไงไม่มีเงินทอน ประสาท แล้วดูหล่อนมองพวกเรา ดูพูดกับพวกเรา คืออะไร งง งงมาก ทำยังกับเราไม่จ่ายค่ารถอะ” ครัวซองต์พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ช่างเขาเถอะน่า” สิ้นสุดคำพูดของนมสด กระเป๋ารถเมล์ก็เดินกลับมายังทั้งสามพร้อมเงินทอน
“อะ เงินทอน” ทั้งสามตวัดสายตาขึ้นมองกระเป๋ารถเมล์พร้อมกับสบถด่าหล่อนจนแหลกลาญภายในความคิดที่ไม่มีเสียง ก่อนที่เอวาจะยื่นมือไปรับถุงเงินทอนแล้วยิ้มแหย ๆ ให้กับกระเป๋ารถเมล์
“หื้อออ ยายวา หนักมั้ยอะแก เหรียญล้วน ๆ เลยเก้าร้อย” นมสดพูดขึ้นพร้อมกับลูบหัวเพื่อนอย่างเอ็นดู เอวายังนั่งมองถุงเหรียญบาท เหรียญห้าในมือ อย่างน่าเวทนาตัวเอง ครัวซองต์ที่พยายามกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนที่เหมือนจะร้องไห้ ใบหน้าที่พยายามกลั้นยิ้มเริ่มกระตุกขึ้นจนปล่อยเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด
“หัวเราะอะไรอีตุ๊ด” เอวาดุเพื่อนอย่างไม่จริงจัง
“เอวาเจ้าแม่เหรียญ ฮ่า ๆ โอ๊ยฉันหยุดไม่ได้อะแก” ครัวซองต์ขำชอบใจกับสถานการณ์ชวนตลกขบขันที่เพิ่งเคยเจอในครั้งแรก
“เดี๋ยวขากลับจ่ายเองเลย ฉันไม่จ่ายให้แล้วนะ”
“โอ๋ ๆ ไม่งอนนร้าแม่สาวหน้าหวานจุ๋มจิ๋มของเพื่อน ถ้าให้ฉันจ่ายพวกเราคงต้องพากันไปซื้อกระปุกออมสินก่อนแล้วล่ะ” เพื่อนชายใจเป็นหญิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่
“ชิ!”