หลังจากบิดาของคาร์เตอร์ถอยออกจากแท่นทีออฟ เขาก็เดินขึ้นไปต่อทันทีโดยมีแคดดี้สาวคนสุดท้ายวิ่งขึ้นไปยังจุดตีเพื่อส่งไม้ให้กับคนที่ตนเรียกว่านายเพื่อตีในจุดนี้ก่อนจะถอยออกมายืนห่าง ๆ เพื่อรอดูจุดที่ลูกกอล์ฟจะไปตก
เอวายืนมองไปยังคนพี่ที่ตั้งท่าสวิง สรีระดูสง่าเวลาวาดวงสวิง เขาดูเท่ และมีเสน่ห์มาก ด้วยความสูงของเขายิ่งทำให้ไม่ว่าจะขยับทำอะไรก็ดูน่ามองไปหมด
ป๊อกก!
เสียงหวดลูกกอล์ฟดังขึ้นครั้งที่สามเน้น ๆ อย่างไพเราะพร้อมกับสายตาทุกคู่มองตามลูกกลมสีขาวไปจนตกลงพื้นแฟร์เวย์อย่างสวยงาม
“ไนซ์ชอตค่ะ” แคดดี้รีบพูดชมคนเป็นนายทันทีเมื่อเป็นชอตที่สวยงาม
“ดี” ชายผู้สูงอายุทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
“สงสัยต้องให้เอวามาตีกับตาเตอร์บ่อย ๆ จะได้เก่ง ๆ แบบตาเตอร์บ้าง”
“เดี๋ยวอนาคตก็คงพากันมาตีเองแหละ ไม่ต้องห่วงไปหรอก” บิดาชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับอมยิ้มมองหน้ากันอย่างเข้าใจ มีแต่เอวาที่ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยกับคำพูดของท่านทั้งสองแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเช่นเคย ทั้งสี่เดินไปที่รถเพื่อที่จะออกไปยังจุดต่อไปที่ลูกกอล์ฟตก
“อะ... เอ่อ คุณลุงคะ วาขอไปนั่งกับพี่เตอร์ได้มั้ยคะ” หญิงสาวถามเพื่อนของพ่อด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
“ฮ่า ๆ ก็ลุงบอกแต่ทีแรกแล้วว่าให้ไปนั่งกับพี่เขา” เพื่อนของบิดาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นก่อนจะเอามือจับหัวเธอโยกเบา ๆ
“คาเตอร์มาเอาน้องไปด้วย” ผู้เป็นลุงตะโกนไปยังลูกชายของเขาทันที แล้วแคดดี้ของคาเตอร์ก็ขับรถมาจอดเทียบยังด้านข้างของเอวาและชายอาวุโสทั้งสองที่ยืนอยู่
“ลุงฝากน้องด้วยนะ”
“ครับคุณลุง”
เมื่อได้ยินทั้งสามตกปากรับคำเอวาก็ไปยืนข้างชายหนุ่มแล้วมองไปที่เขาเพื่อที่จะถามว่าจะให้เธอนั่งตรงไหน หรือจะให้เธอไปขับ คาเตอร์มองเอวากลับเล็กน้อยก่อนจะยอมลงจากรถเพื่อให้เธอนั่งแทนที่ของเขา กลิ่นเหงื่อที่ผสมกลิ่นน้ำหอมเวลาเดินผ่านทำให้เอวาเผลอสูดหายใจดมเข้าไปอย่างคนโรคจิต เธอรู้สึกชอบกลิ่นนี้จากตัวเขาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เดี๋ยวผมขับเองครับ” เขาบอกกับแคดดี้ของตนเมื่อเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ แคดดี้ได้แต่เก็บอาการไม่พอใจไว้ก่อนจะรับคำของคนเป็นนายแล้วไปยืนห้อยตัวด้านหลังคู่กับกระเป๋ากอล์ฟ หล่อนมองไปที่เอวาด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อยแต่ไม่มีใครได้สังเกตเห็นสีหน้านั้น
สองมือแกร่งคว้าจับเข้าที่พวงมาลัยรถคันเล็กสีขาวแล้วขับออกไปโดยมีหญิงสาวมัธยมปลายนั่งจับจ้องไปที่ใบหน้าและสันกรามของเขาราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน สายลมพัดผ่านมาเบา ๆ ในขณะที่รถกอล์ฟขนาดเล็กขับเคลื่อนไปตามช่องทางข้างขอบสนามหญ้า เสียงนกน้อยแข่งกันร้องบนยอดไม้ราวกับเรียกหาคู่ของตัว คนทั้งสองต่างคนต่างนั่งเงียบไม่พูดไม่จาราวกับคนไม่รู้จักกัน เขาขับจนมาถึงจุดที่ลูกกอล์ฟตก
ทั้งสามก็ลงเดินไปยังกลางสนามเพื่อไปหาตำแหน่งของลูกตัวเองที่ตกอยู่พร้อมกับไม้ที่กะตามจำนวนหลาที่เหลือ จากนั้นรถคันเล็กทั้งสามก็ขับไปยังจุดต่อ ๆ ไปจนไปถึงหลุมที่เก้า ทั้งสี่ก็ได้จอดแวะพักที่ซุ้มเล็ก ๆ ที่เป็นร้านค้าในสนาม พวกเขาซื้อน้ำแจกแคดดี้ และซื้อเบียร์เย็น ๆ นั่งดื่มอย่างผ่อนคลาย
“หนูวาใกล้จะจบหรือยังลูก” เพื่อนสนิทบิดาถามขึ้น
“ใกล้แล้วค่ะคุณลุง” น้ำเสียงใสตอบขึ้น
“เก่งมากหลาน แล้วเลือกมหาลัยไว้หรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณลุง”
“เอ่อดี ดีเลย”
“สบายแล้วสิไอ้อิฐ ลูกสาวโตแล้วไม่มีอะไรให้น่าห่วง”
“ก็ยังต้องห่วงเหมือนเดิมแหละ มีลูกสาวอยู่คนเดียว” คนเป็นพ่อพูดขึ้นก่อนจะมองไปทางลูกสาวที่ลุกขึ้นเดินไปถ่ายรูปเล่น
“แล้วเรื่องนั้นล่ะ จะเอายังไง”
“เอาตามที่คุยกันไว้แต่แรกเลย กลัวขึ้นมหาลัยไปแล้วไปโดนผู้ชายหลอกถ้าได้ตาเตอร์มาคอยดูแลกูก็จะได้สบายใจขึ้นมาหน่อย”
“เออไม่ต้องห่วงหรอก ทั้งบ้านเอ็นดูเอวากันทุกคน”
“ขอบใจมึงมากจริง ๆ”
“เออ อย่าคิดมากมีอะไรให้กูช่วยก็บอก กูพร้อมช่วยเต็มที่กูก็รักเหมือนลูกกูคนหนึ่ง” พ่อคาร์เตอร์พูดขึ้นพร้อมกับตบเข้าที่บ่าเพื่อนเบา ๆ ใบหน้าที่อายุปาไปเลขสี่จะเลขห้าแต่ยังหล่อเหลาราวกับสามสิบปลาย ๆ มองเพื่อนด้วยแววตาขอบคุณ คาเตอร์ที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่มองไปที่เอวาแล้วยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นเธอทำท่าทางน่ารัก ๆ ราวกับคนบ้า
เอวาที่ยืนถ่ายรูปหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่กดชัตเตอร์อย่างตกใจเมื่อในกล้องดันไปติดใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังมองมายังเธอแล้วยิ้ม โดยเธอไม่รู้ว่าเขาคุยโทรศัพท์แล้ว ยิ้ม หรือว่ายิ้มเพราะอะไร เธอค่อย ๆ ซูมรูปภาพดูช้า ๆ ก่อนจะเห็นว่าสายตาเขามันจ้องมาที่เธอ เธอจึงรีบกดปิดแล้วเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋าทันทีแล้วรีบเดินไปหยิบน้ำมาดื่มแก้เขิน
“ปะ ไปต่อกันดีกว่า” บิดาชายหนุ่มพูดขึ้น แล้วทั้งหมดก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังจุดตีอีกครั้ง ทั้งสามตีลูกออกไปกันคนละทิศคนละทาง คนละระยะ คนหนึ่งตีไปตกที่รัฟ (เป็นพื้นหญ้าที่ปล่อยให้ยาวเพื่อเป็นอุปสรรค) อีกคนตีเฉียดฉิวเกือบตกบ่อน้ำ ส่วนคนสุดท้ายตีไปตกที่บังเกอร์หรือที่เรียกอีกอย่างคือหลุมทราย
ทุกคนไม่รอช้าพวกเขารีบขับรถไปจอดในจุดที่ใกล้ที่สุดที่ลูกกอล์ฟของตนตกและตีลูกกอล์ฟจนไปขึ้นจุดกรีน (กรีนเป็นจุดสิ้นสุดในการเล่นของแต่ละหลุม)
คาร์เตอร์นั่งยอง ๆ ก้มดูไลน์ทางที่จะพัตลูกกอล์ฟเพื่อที่จะให้ลูกได้ไปตามไลน์ทางที่เขาต้องการจะพัต แต่เขาก็ต้องเหลือบตาขึ้นมองยังเอวาเล็กน้อยเมื่อเห็นเอวาก้มจ้องตามเวลาเขาเล็ง
“เกะกะ” เขาพูดขึ้นก่อนจะใช้ไม้พัตเตอร์พัตลูกลงหลุมไปภายในครั้งเดียว
“เบอร์ดี้ค่ะ” แคดดี้ของเขาตะโกนขึ้นเพื่อบอกสกอร์หลุมสุดท้าย
“โบกี้ค่ะ” เสียงแคดดี้อีกคนพูดขึ้นขณะพ่อของเอวาพัตลูกลงหลุมไป
“ดัลเบิ้ลโบกี้ค่ะ” แคดดี้ของนายคนสุดท้ายพูดขึ้นเสียงดังฟังชัด
“แหมเธอนี่ก็ พูดเบา ๆ ก็ได้ ไว้ให้ได้เบอร์ดี้ก่อนค่อยตะโกน” พ่อของชายหนุ่มหันไปพูดหยอกแคดดี้สาวอย่างไม่จริงจัง
“ขอโทษค่ะนาย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฝีมือตกนะมึง ไหนทีแรกใครข่มกู” พ่อของเอวาพูดแซวเพื่อนขึ้นมาก่อนจะหัวเราะเยาะอีกฝ่าย
“เดี๋ยวรอบหน้าแก้ตัวใหม่ รอบนี้ยอมให้” เขาพูดพร้อมกับถอดถุงมือออก
“เก่งมากหลาน ว่าง ๆ พาน้องมาสอนหน่อยนะ”
“ครับ” เสียงทุ้มหล่อตกปากรับคำเพื่อนสนิทบิดาทันที แล้วทั้งสี่ก็เดินคุยกันมาเรื่อย ๆ จนมาถึงหลังคลับกอล์ฟ ก่อนจะปล่อยแคดดี้ไป แต่ละคนก็ได้ให้ทิปแก่แคดดี้ของตัวเองก่อนจะเดินขึ้นไปด้านบนของคลับเฮาส์ แคดดี้เมื่อเห็นทิปก็ยิ้มดีใจหน้าบานจนหุบไม่อยู่ก่อนทั้งสามจะเดินจับกลุ่มคุยกันหลังจากที่คนเป็นนายขึ้นไปด้านบนแล้ว
“ขอเจอนายใจดีแบบนี้ทุกวันด้วยเทอญ สาธุ” แคดดี้คนที่หนึ่งพูดขึ้น
“เออจริง มีนายแบบนี้ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด”
“ใช่จ้ะ เห็นทิปแล้วชื่นใจจังพี่” แคดดี้คนน้องสุดพูดขึ้น
“แล้วคือสรุปคุณคนนั้นเขาเป็นลูกย่ะ ไม่ใช่เด็กเลี้ยง นายของฉันแทนตัวว่าพ่อ”
“เฮ้ยจริงดิพี่”
“ย่ะ” แล้วทั้งสามก็เดินคุยกันไปถึงเรื่องที่เข้าใจผิดคิดว่าเอวาเป็นเด็กเลี้ยงของคนรุ่นพ่อ