นานมาแล้ว ณ บ้านชายป่าหลังหนึ่งมีเด็กหนุ่มอาศัยอยู่ตามลำพัง หลังจากที่คุณปู่เสียไป ก็ได้ยกมรดกเป็นบ้านหลังนี้ และสมบัติที่ได้มาตอนยังหนุ่มไว้ให้กับหลานชายไว้ใช้ มันเพียงพอที่ทำให้อยู่ได้อย่างไม่ขัดสน แม้จะสั่งเสียให้หลานกลับไปอยู่ในเมือง แต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อ เพราะที่นี่สงบสุข ไม่วุ่นวาย ไม่มีใครมาทำอะไรเค้าได้
เด็กหนุ่มมีนามว่า "เรียว" อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่จำความได้ พ่อเอาเขามาทิ้งไว้กับปู่ หลังจากแยกทางจากภรรยา พ่อของเขาก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย แต่ยังดีที่เรียวปรับตัวได้เร็ว เขาจึงอยู่กับปู่อย่างมีความสุข ปู่สอนเขาเกี่ยวกับการดำรงชีพ ด้วยการหาของป่าไปขายในหมู่บ้าน การเอาตัวรอดในป่าต่างๆ รวมถึงการค้าขายในหมู่บ้าน จนชาวบ้านรู้สึกคุ้นเคยกับเรียวเป็นอย่างดี
นอกจากมรดกที่ปู่ทิ้งไว้ให้ เรียวก็ดำรงชีพด้วยการเก็บของป่ามาขาย บ้างก็เป็นพืชผักสมุนไพร บ้างก็เป็นเหยื่อที่ล่ามาได้ หรือบางทีก็เอาผักที่เหลือเก็บจากสวนมาขาย
เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารเลยสักนิด กลับกันเขารู้สึกโชคดีมากกว่า ที่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้ เขารู้สึกขอบคุณคุณปู่มาก ที่สอนวิชาทั้งหมดให้กับเขา เขาเลยใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขเหมือนทุกวันนี้
วันนี้เขานำของมาขายที่หมู่บ้าน เป็นสมุนไพรกับเนื้อกระต่ายป่า เขามักมีร้านที่ไปส่งให้ของเป็นประจำ เลยไม่จำเป็นต้องไปนั่งรอขายของที่ตลาด
"เอ้า ว่าไงจ๊ะเรียว วันนี้มีอะไรมาให้ป้าบ้างล่ะ" ป้าเมอร์ดี้ทักทายด้วยรอยยิ้มอันสดใส
"วันนี้มีเนื้อกระต่ายป่า 2 ตัว หนูป่าอีก 5 ตัว เพิ่งจะแล่มาสดๆ เลยครับ"
"แหมดีเลย เมื่อวานมีลูกค้ามาถามหา แต่ไม่มี ...เอ้านี่จ้ะ เท่านี้พอมั้ย" คุณป้าเมอร์ดี้ยื่นเงินค่าเนื้อกระต่ายและหนูป่าให้
"ขอบคุณครับ" มองเงินในมือก่อนจะเก็บลงกระเป๋า
"คราวหลังถ้ามีเนื้อสดๆ เอามาให้ป้าอีกนะจ๊ะ"
"ได้เลยครับ ถ้ามีแล้วผมจะรีบเอามาให้ ไปก่อนนะครับ" เรียวคำนับเล็กน้อย ก่อนเดินออกจากร้านไป
"น่าส่งสารจริงๆ ยังเสียใจเรื่องปู่อยู่สินะ ไม่ค่อยร่าเริงเลย น่าเป็นห่วงจริงๆ" ป้าเมอร์ดี้มองตามหลังด้วยความเป็นห่วง
ขากลับเขาแวะซื้อเครื่องเทศ และของจำเป็นกลับมาด้วย
---------------------------------------
ในระหว่างทางกลับ เขาก็เจอเข้ากับลูกหมาชิบะตัวนึง มันทั้งตัวเล็กและผอมแห้ง แถมตามลำตัวยังมีบาดแผลอีกเป็นจำนวนมาก
ใกล้ๆกันนั้นก็มีกลุ่มเด็ก 3-4 คนยืนอยู่ มีเด็กคนหนึ่งยืนถือก้อนหิน ส่วนอีกคนนึงยืนถือไม้ ส่วนที่เหลือยืนดูเฉยๆ ทางหัวเราะคิกคัก
"ตลกอะไรกัน รังแกสัตว์ไม่มีทางสู้ มันน่าภูมิใจนักหรอ" เรียวรู้สึกไม่สบอารมณ์กับสถานการณ์ตรงหน้า
เด็กหนุ่มที่เป็นหัวโจกในกลุ่มรู้สึกอารมณ์เสีย ที่มีคนมาขัดจังหวะการเล่นสนุกของเขา จึงขว้างหินที่อยู่ในมือใส่ แต่เรียวก็หลบได้อย่างง่ายดาย
"แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย อยากทำตัวเป็นฮีโร่หรือไง ฮ่าๆๆ" เด็กที่ถือไม้แกล้งแหย่เสริม
"อ๋อ... สงสัยอยากกลายเป็นของเล่นด้วย ว่าไงสนใจไหม เดี๋ยวเราจัดให้เป็นพิเศษ เดี๋ยวจะเอ็นดูให้เต็มที่เลย" ว่าแล้วก็กระดิกนิ้วส่งสัญญาณให้เด็กที่อยู่ข้างหลัง พากันไปจัดการเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า
ก็แค่เด็กที่หัดเป็นนักเลงหัวไม้ ไม่คณามือเรียว ที่ถูกฝึกมาอย่างเข้มข้นกับมือของปู่เขาหรอก
เด็กคนแรกพุ่งใส่เรียว ถูกเขาตบหัวทิ่มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว จนเพื่อนที่เหลือมองตามแทบไม่ทัน
"อะไรน่ะ สะดุดล้มหรอ ฮ่าๆๆ กากจัง สู้ให้มันจริงจังกว่านี้สิ..." ไม่มีการตอบกลับจากเพื่อน ทำเอาคนที่หัวเราะเมื่อกี้ หัวเราะไม่ออกแล้ว
"เฮ้ย อย่าไปกลัว พวกเรามีกันตั้งหลายคน จะสู้คนเดียวไม่ได้ยังไง เมื่อกี้มันก็แค่ฝลุ๊ก ...จัดการ" เด็กที่เป็นหัวโจกออกคำสั่งอีกครั้ง
คนที่ถือไม้วิ่งเงื้อมาแต่ไกล แต่ก็ถูกเรียวถีบกระเด็นไปกองกับพื้นอีกคน
เจ้าหัวโจกตกใจมากทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งหนีไปเป็นคนแรก เหล่าลูกสมุนที่เห็นแบบนั้น ก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กรีบวิ่งตามออกไปอย่างไว
"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ หลังจากนี้จะไม่มีใครทำอะไรแกได้อีก ไปอยู่กับฉันนะ" เรียวก้มลงอุ้มลูกหมาที่ตัวสั่นเทามาไว้ในอ้อมกอด ทำให้มันรู้สึกถึงความปลอดภัย
เจ้าตัวน้อยคลายความกังวลลง พร้อมหลับตาลงอยู่ในอ้อมกอดของเขา ทำให้เรียวรู้สึกสบายใจขึ้นนิดหน่อย เพราะอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่ามันวางใจในตัวเขาแล้ว
"เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีซะจริง" เขาพึมพำกับตัวเองและยิ้มออกมาอย่างพอใจ
---------------------------------------
หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว เขาก็นำลูกหมามาทำความสะอาดอย่างเบามือ
"อาจจะเจ็บหน่อย แต่อดทนไว้นะ" เรียวค่อยๆทำการรักษาลงมือทำแผลอย่างชำนาญ
ตอนเด็กๆเขามักเจ็บตัวอยู่บ่อยๆ เขาจึงชำนาญเรื่องการทำแผลมาก และโชคยังดีที่ดูเหมือนเจ้าชิบะน้อยจะยังพอมีแรงอยู่ เขาจึงค่อยๆป้อนเนื้อบด กับน้ำให้มันกินอย่างช้าๆ และจัดที่นอนของมันให้อยู่ใกล้กับเตียงของเขา เผื่อมีอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยทัน
"ราตรีสวัสดิ์นะ เจ้าตัวเล็ก" แล้วทั้งคู่ผลอยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
--------------------------------------
"อรุณสวัสดิ์" เรียวทักทายเจ้าตัวเล็ก ที่กำลังมองเขาตาแป๋ว
"หิวข้าวหรือยัง ไปกินข้าวกัน" เดี๋ยวอุ้มเจ้าตัวน้อยมาที่ครัวแล้ววางลงบนเก้าอี้ เปิดตู้เย็นหาดูวัตถุดิบ ว่ามีอะไรบ้าง
"กินอะไรดีนะ เอาเนื้อไหม" ก็หันไปถามเจ้าตัวเล็ก ที่นั่งมองเขาไม่วางตา
"จริงสิ จะว่าไปแกยังไม่มีชื่อนี่นา ...เอาชื่ออะไรดีน้า โมโม่ ชื่อโมโม่ดีไหม" เขาถามเจ้าชิบะพลางรอดูปฏิกิริยาอย่างตื่นเต้น
ดูเหมือนเจ้าชิบะน้อยจะพอใจ มันเห่าขาดรับชื่อใหม่ "บ๊อก" แถมยิ้มตาหยีกันเลยทีเดียว
"ฮ่าๆๆ ชอบใจขนาดนั้นเลยหรอ ชอบก็ดีแล้ว อย่างนี้มันต้องฉลอง ต้อนรับสมาชิกใหม่และชื่อใหม่ด้วย ดีไหมโมโม่" เรียวทั้งยิ้มทั้งหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และเตรียมอาหารอย่างมีความสุข
นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เรียวไม่ได้ยิ้มและหัวเราะแบบนี้ คงตั้งแต่ปู่เสียได้มั้ง ที่เรียวไม่ค่อยได้ยิ้ม เพราะในตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนสูญเสียทุกอย่างไปหมดแล้ว
แต่เพราะเจ้าโมโม่ ทำให้เขารู้สึกมีความหมายในการใช้ชีวิตอีกครั้ง
อาหารเสร็จแล้ว แต่เพราะกลัวว่ามันจะร้อนเกินไปสำหรับโมโม่ เขาจึงค่อยๆคน และเป่าให้หายร้อน ก่อนจะค่อยๆหยอดลงปากเจ้าตัวเล็ก
"อร่อยไหม" เรียวถามความเห็น
"บ๊อก" โมโม่ยิ้มกระดิกหางอย่างอารมณ์ดี
---------------------------------------
โม่โมอยู่กับเรียวมาได้ 2 อาทิตย์อาการก็เริ่มดีขึ้นเริ่มเดินเล่นได้แล้ว เรียวก็เริ่มพาโมโม่เข้าไปแนะนำตัวกับคนในหมู่บ้าน
"สมาชิกใหม่เหรอจ๊ะเรียว" ป้าเมอร์ดี้ทักด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเจ้าชิบะตัวเล็กในอ้อมกอดของเรียว
"ครับ ชื่อโมโม่อายุน่าจะประมาณ 2 เดือนแล้วครับ"
"ได้มาจากไหนล่ะ" ป้าเมอร์ดี้รู้ว่าบ้านเรียวไม่มีสุนัขที่ไหน เลยสงสัยว่าเรียวเอามาจากไหน
"...ผมเจอตอนที่โดนกลุ่มของหลานผู้ใหญ่บ้านทำร้ายเอาน่ะครับ" เรียวไม่ค่อยอยากตอบ เพราะไม่อยากนึกภาพให้เจ็บปวดใจอีกครั้ง
"เฮ้อ... เจ้าเด็กพวกนั้น" ป้าเมอร์ดี้ถอนหายใจอย่างระอา "ไม่เป็นไรแล้วนะเจ้าตัวเล็ก อยู่กับเรียวแล้วก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ" เธอลูบหัวทั้งคู่อย่างเอ็นดู
จากนั้นเรียวก็พาไปแนะนำกับคนอื่นในหมู่บ้านต่อ เผื่ออนาคตมันหลงมาตัวเดียว คนในหมู่บ้านจะได้รู้ว่าเป็นสุนัขของเขา