bc

ฝันนั้นที่เป็นจริง

book_age16+
250
FOLLOW
1K
READ
HE
sweet
office/work place
childhood crush
like
intro-logo
Blurb

ความรักของฉันจบลงตอนอายุสิบสี่ปี

ความฝันของฉันพังทลายแบบไม่เหลือชิ้นดี

อนาคตของฉันมืดหม่น และเปลี่ยวเหงาสิ้นเชิง

ท้องฟ้าที่เคยเห็นหม่น มืดลงแบบไม่น่าเชื่อ

เพียงเพราะ...ผู้ชายที่ฉันแอบชอบมาเกือบสองปีเต็ม มีคนสนิทข้างกาย

หัวใจของฉันร้าวราน สิ้นหวังและหดหู่

ฉันร่ำไห้ไม่ต่างอะไรกับคนเสียสติ บอกใครไม่ได้สักคนเรื่องสาเหตุที่ทำให้ฉันฟูมฟายเช่นนั้น

หลังจากตั้งสติได้ ฉันก็ตั้งใจ...จากนี้ไป ฉันจะไม่มีทางเสียน้ำตา หรือหลงรักใครอีก

ฉันคงไม่มีวันมีความสุขอีกแล้ว ฉันฝังความทรงจำนั่นไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด

chap-preview
Free preview
ตอนที่1.วันที่ฉันย้ายบ้าน
ตอนที่1.วันที่ฉันย้ายบ้าน ตอนอายุสิบสามปีที่บ้านฉันเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สาเหตุหลักๆ ก็เกิดขึ้นเพราะฉันนั่นแหละ คงเพราะพ่อกับแม่มีฉันตอนที่อายุของทั้งสองท่านเยอะแล้ว ฉันเป็นลูกสาวที่มีอายุห่างจากพี่ชายเกือบแปดปีเต็ม ฉันถูกประคบประหงมอย่างดี เป็นเพราะตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ สุขภาพของฉันไม่ดีเลย ฉันมีโรคประจำตัวพ่อแม่เลยคิดหนัก การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ๆ แบบนี้ต่อไป สุขภาพของฉันคงไม่มีทางดีขึ้น พ่อบอกฉัน หลังจากทบทวนความคิดและตกผลึกอย่างชัดเจน “รสา พ่อกับแม่ตกลงกันแล้ว พวกเราทั้งหมดจะย้ายบ้านไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้” ฉันไม่เข้าใจนักหรอก คงเพราะฉันยังเด็กเลยตื่นเต้นทุกครั้งที่เกิดความเปลี่ยนแปง แต่คนที่ไม่สบอารมณ์อย่างหนักคือพี่ชายวัยรุ่นของฉัน ทันทีที่รู้เรื่อง พี่ชายฉันโวยวายเหมือนใกล้ถึงวันโลกแตก “อะไรกันครับพ่อ!! ทำไมผมต้องย้ายไปด้วย ยัยเด็กนั่นเป็นตัวถ่วงของผมชัดๆ” ฉันนั่งมองท่าทีเกรี้ยวกราดของพี่ชายตาปริบๆ ฉันทักท้วงอะไรไม่ได้ เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้ความหมายของคำว่า ‘ย้าย’ ดีเท่าไหร่ “เมฆ ลูกจะยังไม่ย้ายตอนนี้ก็ได้นะ แต่ต่อจากนี้ลูกต้องดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้พ่อแม่เป็นห่วง” พ่อที่เข้าใจเหตุผลของลูกชายที่เป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว เมฆาไม่ชอบใจนักเพราะบ้านที่กำลังจะไปอยู่แถบชานเมือง อากาศและควันพิษมีไม่เยอะเหมือนที่อยู่ปัจจุบัน และนั่นอาจทำให้ลูกสาวคนเล็กของบ้านสุขภาพดีขึ้น “แต่...ถ้าลูกเปลี่ยนใจอยากย้ายตามไปด้วย ที่นั่นก็มีวิทยา’ ลัย ดีๆ เหมือนกันนะ” มารดาที่ใจดีที่สุดในโลกอธิบายเสียงนิ่ม “ผมขอคิดก่อน” เมฆาหันไปแยกเขี้ยวใส่น้องสาว หลังพายุอารมณ์สงบลงแล้ว เขาชอบชีวิตในเมืองก็จริง แต่การอยู่ห่างครอบครัวอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ “พ่อมีเวลาให้แค่สองอาทิตย์นะเมฆ” ครามที่ฟังเงียบๆ หลังปล่อยให้บุตรชายระบายความคับข้องในใจออกมาจนหมด “โห!!” เมฆาทิ้งตัวลงนั่ง ยกมือกุมขมับ “บ้านที่นั่นสร้างเสร็จแล้ว หากแกไปช้า แกก็จะไม่มีทางได้เลือกห้องนอนของตัวเอง” ครามไม่ได้พูดเล่น เขาให้สิทธิ์ของลูกทั้งสองคนในการเลือกห้องนอนก่อน แต่หากบุตรชายยังมัวโอ้เอ้ เขาจะต้องยอมรับสิ่งที่ตามมา “ก็ได้ครับ ผมไปพร้อมกับพ่อแม่นั่นแหละ” เมฆาตอบเสียงกระแทก “ยัยตัววุ่นวาย!!” แล้วก็หันไปตะคอกใส่น้องสาวก่อนจะกระแทกเท้าเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ริสาหันไปปลอบใจบุตรสาว “อย่าคิดมากนะรสา ที่นั่นต้องเหมาะกับลูกแน่ๆ ลูกจะมีพื้นที่ในการวิ่งเล่น มีทุ่งหญ้าให้วิ่งไล่จับแมลงปอ” ฉันเบิกตาโต กิจกรรมที่มารดาบอก ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตฉัน ฉันไม่ค่อยให้รับอนุญาตให้ทำแบบนั้นได้ ฉันเป็นภูมิแพ้ชนิดรุนแรง แค่สัมผัสฝุ่นจำนวนเยอะๆ ฉันก็ล้มหมอนนอนเสื่อแล้ว เรื่องวิ่งเล่นเลยเป็นกิจกรรมเดียวที่ฉันทำได้แค่ฝันถึง “แม่แน่ใจนะคะว่ารสาทำแบบนั้นได้?” ฉันพึมพำถาม ดวงตายังไหวระริก พ่อยกมือลูบไปมาบนศีรษะฉัน “พ่อจะสอนรสาปั่นจักรยานเองนะลูก” ฉันแหงนมองหน้าพ่อแบบไม่อยากเชื่อหู ฉันที่สามวันดี สี่วันไข้จะทำกิจกรรมเหมือนที่พ่อพูดได้ยังไง นั่นเป็นข้อห้ามของฉันเชียวนะ “รสาทำแบบนั้นได้ใช่ไหมคะ?” ฉันถามซ้ำ พ่อกับแม่ยิ้มพร้อมกัน “ได้สิ” พ่อตอบแล้วก็ขยี้ผมฉันแรงๆ ฉันไม่โกรธ คงเพราะกำลังดีใจจนลืมความขัดใจเล็กๆ นั่นก็ได้ ฉันจำวันที่ย้ายบ้านได้ดี ฉันตื่นแต่เช้า พยายามช่วยแม่ให้ได้มากที่สุด แต่ก็ไม่วายโดนพี่ชายกระแหนะกระแหน “อย่าจุ้นจ้านเลยน่า หากเป็นอะไรไปอีก วันนี้คงไม่ต้องไปบ้านใหม่กันละ!!” นั่นคือความเป็นห่วงจากพี่ชาย แม้จะกระด้างไปสักนิด แต่ฉันก็ยิ้มรับด้วยความยินดี ของชิ้นเล็กๆ ที่ฉันสามารถยกได้โดยไม่เหนื่อยมาก ฉันพยายามช่วยในแบบที่ฉันทำได้ และพยายามไม่เก็บเสียงบ่นของพี่ชายมาเก็บไว้ในใจ ในที่สุดช่วงเช้าที่วุ่นวายก็จบลง บ้านที่เคยคับแคบ ดูกว้างขวางแปลกตา คงเพราะเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด ถูกย้ายไปอยู่บนรถบรรทุกคันใหญ่แล้วก็ได้ ของทุกชิ้นในบ้าน แม่ของฉันจัดเก็บอย่างดี มันเป็นความทรงจำที่มีค่าสำหรับคนในครอบครัวฉัน ไม่ว่าจะกรอบรูปบานเล็กๆ ที่แขวนอยู่ข้างบันไดทางเดินขึ้นชั้นสอง หรือแม้แต่กระถางต้นไม้ที่เกิดมาฉันก็เห็นมันตั้งอยู่ที่โถงหน้าบ้านแล้ว ฉันมองภาพบ้านของฉันผ่านกระจกด้านหลังรถยนต์ ฉันจะจำความอบอุ่นในบ้านหลังนี้ไว้ และจะไม่มีทางลืม พ่อฉันคุยกับใครบางคนที่ขับรถยนต์คันใหญ่เข้ามาหาตอนสายๆ ฉันมองกุญแจบ้านในมือของพ่อ ตอนที่พ่อหย่อนใส่มือชายผู้นั้น น้ำตาฉันไหลออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีเสียงสะอื้น มีแค่เกล็ดน้ำตาที่หยดเป็นสาย แม่เอื้อมมือมาโยกศีรษะฉัน “ยัยขี้แย!!” คนที่หลับตาเอนตัวพิงพนักเบาะตั้งแต่เปิดประตูรถยนต์ขึ้นมานั่งคู่กับฉันที่เบาะด้านหลังพึมพำเบาๆ ฉันหยิบหมอนอิงที่วางอยู่ข้างตัวโยนใส่หน้าพี่ชาย “อะไรน่ะ ยัยเปี๊ยกนี่วอนแล้วไหม!!” เสียงพี่ชายฉันโวยลั่นรถยนต์ จนแม่ต้องหันมาปราม “เมฆ อย่าเสียงดังใส่น้อง” แววตาแม่บอกว่าเอาจริง พี่ชายฉันเลยลดท่าทีลง เขาหลุบเปลือกตาทำท่าจะนอนต่อ “ไปกันเถอะ” พ่อขึ้นรถคนสุดท้าย เสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังแข่งกับน้ำตาของฉันที่ไหลปรี่ออกมาอีกครั้ง ฉันทิ้งตัวลงนั่ง ยกหมอนอิงมากอดไว้ และร้องไห้เงียบๆ คนที่หลับตานิ่งๆ ยื่นอะไรบางอย่างให้ฉัน ฉันมองมือที่กำแน่นตรงหน้า ตอนที่พี่ชายแบมือ น้ำตาฉันก็หยุดไหลไปเองดื้อๆ “ไม่ได้หาเรื่องแกล้งรสาใช่ไหมคะ?” ฉันกลั้นใจถาม ไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไปหยิบอมยิ้มอันใหญ่ที่วางอยู่บนฝ่ามือพี่ชายเลย “กินๆ ไปเถอะน่า เสียงกระซิกๆ ของเธอน่ารำคาญจะตาย” เมฆาพึมพำตอบ ฉันยกมือปาดคราบน้ำตา ตะครุบอมยิ้มอันนั้นไว้ และรีบแกะพลาสติกที่ห่อไว้แล้วยัดใส่ปากทันที เสียงสูดจมูกของฉันคงทำให้พี่ชายใจร้ายรำคาญอีก กระดาษทิชชูขยุ้มใหญ่ ถูกยื่นมาจากด้านข้างพร้อมกับเสียงแข็งๆ “สั่งขี้มูกเสียสิ ฉันจะนอน รำคาญ!!” ฉันหยิบทิชชู่ขยุ้มนั้นมาและสั่งขี้มูกแรงๆ “จะอ้วก!!” เสียงบ่นตามมาติดๆ แต่ฉันไม่สนใจแล้ว ฉันกอดหมอนอิงเอนตัวพิงเบาะ ความหวานจากอมยิ้มแผ่อยู่ในอุ้งปาก ช่วยให้ความเศร้าในใจฉันลดลงได้อย่างเหลือเชื่อ ครามมองบุตรสาวบุตรชายที่หลับสนิทผ่านกระจกมองหลัง ศีรษะของบุตรสาววางอยู่บนหน้าตักเมฆา มือของบุตรชายพาดอยู่บนหัวไหล่บุตรสาว คงเพราะวัยที่ห่างกัน แถมเมฆาเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว เขาเลยวางตัวไม่ถูกกับน้องสาวที่ยังเป็นแค่เด็กน้อย แต่ทั้งสองคนก็รักกันดี แม้จะทะเลาะกันเป็นส่วนใหญ่ “หมดฤทธิ์แล้ว” ริสาพึมพำ อ่อนใจกับพฤติกรรมของบุตรชายคนโต แต่ก็ไม่ได้เคี่ยวเข็นมาก เพราะเมฆากำลังอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ นางพยายามวางตัวเป็นกลาง และอธิบายให้บุตรชายเข้าใจความจำเป็นของครอบครัว เพราะหากยังฝืนดื้อดึงเหมือนเดิม คนที่รับผลกระทบมากที่สุดคือบุตรสาวขี้โรคตัวน้อยของตนเอง อากาศกับพื้นที่ใหม่ที่ริสากับครามตั้งใจเลือก น่าจะทำให้สุขภาพของบุตรสาวดีขึ้น รสาแพ้ฝุ่นอย่างหนัก อาการเบื้องต้นคือผืนขึ้นทั้งตัว จากนั้นก็ค่อยๆ หายใจไม่ออก อาการหนักๆ เลยคือช็อก จนต้องหามส่งโรงพยาบาล นั่นเป็นที่มาที่ทำให้เกิดการตัดสินใจ มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานเป็นครั้งแรก ฉันหลับๆ ตื่นๆ มาตลอดทาง พ่อแวะให้เข้าห้องน้ำตามปั๊มหลายครั้งจนฉันเริ่มเบื่อ แต่แล้ว พ่อก็เปรยขึ้นมาลอยๆ ตอนที่ฉันตื่นมาสักพักและกำลังมองข้างทางด้วยความสนใจ ฉันไม่ค่อยได้เห็นต้นไม้ใบหญ้าเยอะขนาดนี้มาก่อน สองข้างทางที่รถยนต์ที่พ่อขับวิ่งผ่าน เต็มไปด้วยไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ฉันมองเพลินจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สะใภ้ขัดดอก

read
32.2K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
5.5K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
3.9K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
2.2K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
10.9K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook