เช้าของวันจันทร์มาถึงรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ปกติหอพักฉันเป็นทางผ่านของแม็กน่ะ เวลาไปมหา'ลัยหรือตอนกลับฉันจะไปกับเขา ไม่ใช่ว่าไม่เกรงใจหรอกนะ แต่แม็กเขาบอกว่าให้ฉันประหยัดค่าใช้จ่ายน่ะ หลายครั้งที่ฉันแอบไปก่อนโดยที่ไม่ไปกับเขาก็มักจะถูกแม็กงอนเสมอ
ฉันเลยคิดว่าการไปกับแม็กมันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและฉันก็ไปกลับกับเขาตลอดตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วล่ะ ด้วยความที่แม็กไม่มีแฟนนั่นมันเลยทำให้ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
แต่อาจจะไม่ใช่กับวันนี้แล้วล่ะ.. วันนี้แม็กอาจจะไม่ได้มารับฉันเหมือนทุกวันแล้ว
ฉันรอเขานานกว่าทุกวันจนรู้สึกน้อยใจขึ้นมาในอก ปกติไม่เคยต้องรอนานขนาดนี้ อาจเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นแม้เขาจะบอกว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ความจริงมันก็เป็นไปไม่ได้หรอก สุดท้ายฉันเลยตัดสินใจที่จะโบกแท็กซี่แทน ก็นะ.. มันไม่มีทางที่จะเหมือนเดิมหรอก
ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ฉันก็มาถึงจุดหมาย ในใจก็คิดเอาไว้แล้วแหละว่าแซลม่อนกับแม็กคงจะมาถึงก่อนฉันแล้วแน่ ๆ เพราะตอนนี้มันสายมากแล้วเดี๋ยวจะไม่ทันอาจารย์ อาจารย์คนนี้ยิ่งชอบทำหน้าเหวี่ยงอยู่
ทว่า...
เมื่อมาถึงห้องเรียนก็พบว่าทั้งคลาสว่างเปล่ายังไม่มีเพื่อนคนอื่นมาเลย และฉันก็เป็นคนแรกที่มาถึง ยกคลาสก็ไม่ใช่ ทำไมวันนี้ทุกคนถึงมาสายกันจังเลยนะ..
ฉันเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะเรียนของตัวเองแล้วหยิบเอาชีทการเรียนออกมาวางเพื่อเตรียมตัว ก่อนที่เวลาต่อมาจะปรากฎร่างของแซลม่อนเดินเข้ามาด้วยสภาพที่เรียกว่าต่างออกไปจากทุกวันสุด ๆ เพราะเธอดูโทรมกว่าทุกวัน
"กินข้าวมาหรือยังแซลม่อน?" ฉันเลือกที่จะเอ่ยถามกิจวัตรประจำวันแทนที่จะเอ่ยทักถึงสภาพร่างกายของเพื่อนตอนนี้ แซลม่อนเธอเหม่อลอยไม่สนคำถามเมื่อครู่แล้วเดินมานั่งข้างฉัน
เป็นอะไรไปนะ?
"เป็นอะไรหรือเปล่าแซลม่อน?" ฉันยื่นหน้าเข้าไปถามแซลม่อนใกล้ ๆ ด้วยความเป็นห่วง
"เปล่านะ ปกติดี" ซึ่งครั้งนี้แซลม่อนได้ยินทั้งยังหันหน้ามายิ้มให้กับฉันอีกด้วย แต่สภาพแบบนี้ไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?
"ไม่ปกติมั้ง เมื่อกี้ถามว่ากินข้าวมาหรือยังทำไมไม่ตอบ?"
"อ๋อ.. ไม่ได้ยินน่ะ"
"หืม?" จะไม่ได้ยินได้ยังไงเล่าในเมื่อทั้งห้องก็มีกันแค่สองคนแถมฉันยังไม่ได้ถามเสียงเบาอีก
"ยังน่ะ เธอล่ะกินมาหรือยัง" ฉันมองแซลม่อนพลางเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างไม่เข้าใจความเชื่องช้าของเธอในวันนี้ ก่อนจะพยักหน้าสองสามทีเพื่อตอบคำถามของเธอ อันที่จริงยังไม่ได้กินหรอก แต่อยากตอบให้เพื่อนสบายใจน่ะ
แซลม่อนยิ้มแห้ง ๆ เมื่อได้คำตอบจากฉันแบบนั้นก่อนที่เธอจะถามออกมาอีกประโยค
"แล้ววันนั้นแม็กดูแลเธอดีหรือเปล่า?" ทำเอาฉันแทบหน้าเสียกับคำถามของเธอ ถ้าไม่รวมเรื่องนั้นมันก็เป็นฉันมากกว่าที่ดูแลเขาน่ะ เพราะคนที่ดูเมาไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวเห็นทีจะเป็นแม็กมากกว่าฉันเสียอีก
"ก็.. แบบเพื่อนทั่วไปธรรมดา" ฉันตอบกลับพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงการสบตากับแซลม่อน ฉันคงพูดไม่ได้หรอกว่าตัวเองกับแม็กได้ทำอะไรลงไปบ้าง ถ้าเกิดแซลม่อนเธอชอบแม็กขึ้นมาฉันคงกลายเป็นนางร้ายในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน
แซลม่อนทำท่าหัวเราะคิกคักกับท่าทางของฉันซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังหัวเราะอะไรอยู่
สักพักเพื่อนคนอื่นก็เริ่มทยอยเข้าคลาสเรียนกันมาเรื่อย ๆ โดยที่ฉันมองหาคนแค่คนเดียว ไม่ใช่ว่าจะไม่มาเรียนเพราะไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้วหรอกนะ? ฉันจ้องมองทางเข้าประตูอยู่นานสองนานก่อนที่แม็กจะเดินเข้ามาภายในคลาสพร้อมถือถุงบางอย่างเข้ามาด้วย
ร่างสูงขาวดูสะอาดตาของแม็กค่อนข้างเป็นที่ดึงดูดเลยล่ะ เห็นแบดบอยแบบนี้แต่ไม่เคยหลายใจเลยนะชอบใครก็เห็นจะจริงจังกับคนนั้น แต่เขามักจะไม่จีบมักจะดูแลอยู่ห่าง ๆ ห่วงใยอยู่ไกล ๆ นิสัยแบบนี้สักวันคงมีคนฉวยแซลม่อนไป
ข้อดีอีกอย่างคือเขาไม่สูบบุหรี่เลยแถมนาน ๆ ทีถึงจะดื่มของจำพวกแอลกอฮอล์ แต่การที่เขาไม่หลายใจก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีคนอื่นเข้ามาชอบ เพราะทุกปีมีคนมาสารภาพกับแม็กตั้งหลายคน ต่อปีเลยนะ...
"มากันนานแล้วเหรอ?" แม็กเอ่ยปากถามพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของแซลม่อนด้วยรอยยิ้ม แซลม่อนเองก็ยิ้มเป็นคำตอบเช่นเดียวกันพร้อมกับพยักหน้าด้วย "วันนี้ช้านิดหน่อย พอดีแวะซื้อเต้าหู้"
แม็กทำเหมือนฉันไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ เขาซื้อมาแค่ชุดเดียวและเขาก็ยื่นให้กับแซลม่อนแค่คนเดียว ฉันได้แต่นั่งมองสิ่งที่แม็กทำพร้อมกับแสร้งยิ้มไปเท่านั้น คงไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรออกไปมากกว่าการนั่งยิ้มแบบนี้หรอก
"ซื้อมาฝาก รู้นะว่ายังไม่ได้กินข้าว" ทันทีที่ประโยคนี้จบลงฉันก็รีบหันหน้าไปมองทางอื่นทันที ฉันไม่อยากจะเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนี้นักหรอกถ้าเลือกได้ก็ขอเลือกที่จะไม่มอง
"ฉัน.. แค่คนเดียวเหรอแม็ก?"
"รับไปเถอะแซลม่อน น้ำใสแพ้ถั่วเหลืองน่ะก็เลยไม่ได้ซื้อมาฝาก"
เหอะ..
แพ้ถั่วเหลืองเหรอ? ทั้งที่ฉันฝากเขาซื้อน้ำเต้าหู้มาให้ทุกวันในตอนเช้าเพื่อดื่มก่อนมาเรียน ทั้งที่มันเป็นของโปรดฉันแท้ ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าแพ้? แม็กบอกว่าฉันแพ้ถั่วเหลืองอย่างนั้นเหรอ?
"เธอแพ้ถั่วเหลืองเหรอ?" แซลม่อนถามฉันอย่างสงสัย ฉันมองหน้าเธอสลับกับแม็กที่เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าฉันแล้วจึงจะตอบออกไป ฉันเข้าใจดีเลยล่ะว่าคำตอบที่แม็กอยากให้ฉันตอบนั้นเป็นแบบไหน
"อืม" ฉันระบายยิ้มออกมาช้า ๆ จากนั้นก็เข้าสู่หมวดการเรียน เราต่างไม่มีบทพูดคุยอะไรทั้งนั้นระหว่างกันและกัน ต่างฝ่ายต่างนั่งเรียนไปกระทั่งจนจบหมดคาบเรียน แซลม่อนเธอก็ขอตัวกลับเพราะท่าทางจะเพลียไม่ไหว
"งั้นฉันไปก่อนนะ"
แซลม่อนเดินออกไปจนลับสายตา ฉันเห็นเธอเดินออกประตูออกไปแล้วนั้นฉันจึงเลือกที่จะเปิดประเด็นคุยกับแม็กถึงเรื่องนี้ เรื่องที่เขาบอกว่าฉันแพ้ทั้งที่มันเป็นของชอบของฉัน เพื่อนร่วมคลาสทยอยเดินออกไปจนเหลือแค่เรา
แม็กทำท่าจะเดินออกจากคลาสโดยที่ไม่หันมาพูดกับฉันสักคำ จึงเป็นฉัน.. เป็นฉันที่เอ่ยขึ้นมาเพื่อไม่ให้แม็กเขาเดินจากฉันไป
"แม็ก.. ฉันไม่ได้แพ้ถั่วเหลืองนายก็รู้" ฉันว่าอย่างน้อยอกน้อยใจ แม็กหันมามองหน้าฉันเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาทำหน้านิ่งเฉยไม่ได้รู้สึกผิดหรืออะไร เขาไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรหรอก.. เพราะมันไม่ได้เป็นความผิดของเขา
แต่ฉัน.. ฉันแค่ไม่อยากจะเป็นบุคคลไร้ตัวตัวแบบนี้เท่านั้นแหละ
"เหรอ.. เอาไว้คราวหลังจะซื้อมาฝากนะ"
"..." ฉันเงียบ เราสองคนกำลังเล่นเกมส์จ้องตากันอยู่ ฉันไม่มีทางที่จะร้องไห้ให้ใครเห็นเด็ดขาด แม้ว่าตอนนี้ฉันจะอยากร้องแค่ไหนก็ตามแต่ แม็กมองฉันนิ่ง เหมือนเขาเองก็จะรู้ว่าฉันไม่ค่อยโอเค
"ตอนแรกก็ตั้งใจจะให้เธอเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าแซลม่อนไม่เอา"
"..." แต่ประโยคที่เขาพูดมานั้นกลับทำให้ฉันรู้สึกแย่ลงมากกว่าเดิม ฉันจะได้รับสิ่งนั้นถ้าหากถูกปฏิเสธงั้นเหรอ แล้วฉันต้องรู้สึกยังไงดีล่ะ ฉันควรดีใจหรือยังไง?
มันไม่เหมือนเดิมแล้วจริง ๆ แม็กคนเดิมได้หายไปแล้วตั้งแต่วันนั้น ฉันคิดผิดใช่ไหมที่พูดความในใจของตัวเองออกไปแบบนั้น ถ้าฉันไม่ได้สารภาพความในใจออกไป แม็กจะเป็นอย่างนี้ไหม?
ทำไม.. รู้สึกเจ็บที่หน้าอกจัง
"โทษที"
"อืม งั้นนายช่วยจำเกี่ยวกับฉันสักเรื่องก็แล้วกันนะ.. ว่าสิ่งที่ฉันชอบที่สุดคือเต้าหู้กับปาท่องโก๋" ฉันพยายามเปล่งเสียงออกไปไม่ให้เสียงสั่นเครือ ทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อนเพื่อให้แม็กมองฉันเป็นฉันคนเดิม
ซึ่งอาจจะไม่แล้วในสายตาเขา...
"จะพยายามจำแล้วกัน" แม็กว่าแล้วแสร้งยิ้มแบบที่ฉันกำลังทำให้เขา เราต่างสบตากันแต่แววตาแม็กที่มองฉันนั้นมันกลับเปลี่ยนไปไม่เหมือนดั่งเดิม "ในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่ง"