สามสาวดื่มกินคุยกันจนดึกพอรู้ว่ารู้ศึกมึนก็ยุติการดื่มและชวนกันกลับบ้านเพื่อความปลอดภัยของตัวเองเพราะสถานที่แบบนี้มันอันตรายกับสาวๆอย่างพวกเธอ
“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ” ชาติชายบอกสามสาวที่หัวเราะกันคิกคักคุยทะลึ่งตึงตังทำให้เขาอดขำไม่ได้และอยากรู้ว่าถ้าไม่เมาจะเป็นแบบนี้มั้ย
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เล็ก ปัทมีคนขับรถมาด้วยค่ะ” ปัญชรีตอบไฮโซหนุ่มรูปหล่อเสียงหวานเธอก็ชอบชาติชายแต่ยังรอดูท่าทีของเขาว่าจะเลิกเจ้าชู้ได้หรือเปล่าไม่อยากเสียใจหากเขายังมีกิ้กมีกั้กไปเรื่อยๆแบบนี้
“แต่พี่บอกให้นายดมกลับไปแล้วครับ” ชายหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นต่อเขาให้คนขับรถของปัญชรีกลับบ้านไปก่อนและโทรบอกปัญญาว่าจะไปส่งน้องสาวของเพื่อนด้วยตัวเอง
“แล้วสาวๆของพี่เล็กไม่ว่าเหรอคะ” ปัญชรีถามเพื่อนพี่ชายและยิ้มหวานให้จะด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือความชอบที่เก็บไว้ในใจ
“น้องปัทก็รู้ว่าพี่มีใครคนหนึ่งอยู่ในใจมานานแล้วไม่มีใครมาแทนที่ได้” ชายหนุ่มหญิงสาวตรงหน้าบอกรักเธอด้วยสายตา
“อืม จีบกันไปก่อนนะคะ รุ้งกับยัยจ๋าจะไปรอที่รถ คริๆคริๆ.” ทอรุ้งเปิดโอกาสให้เพื่อนอยู่กับไฮโซหนุ่มหล่อแล้วเดินออกไปรอที่หน้าร้านอาหารกึ่งผับของชาติชายที่ตอนนี้ลูกค้าเริ่มทยอยกลับเพราะเกือบเที่ยงคืนแล้ว
“ยัยรุ้ง ยัยจ๋า รอปัทด้วยสิ.” ปัญชรีเรียกเพื่อนทั้งสองที่ขยิบตาให้แล้วยังทำท่าจีบมือใส่เธอกับชาติชายอีก
“จะกลับบ้านหรือไปค้างที่คอนโดครับ” หนุ่มหล่อถามเบาๆปัทก็หันมามามอง
“ค้างคอนโดค่ะ ถ้ากลับบ้านกันสภาพนี้คงโดนบ่น อีกอย่างปัทบอกพ่อกับแม่แล้วค่ะว่าจะค้างที่คอนโด” พวกเธอมึนๆตึงๆได้ที่กันทุกคนไม่อยากกลับไปให้แม่บ่นจึงค้างที่คอนโดของพี่ชายที่สามสาวมักจะมาพักกันยามมาเที่ยวแล้วกลับดึกเพราะอยู่กลางเมืองใกล้แหล่งท่องเที่ยวไปมาสะดวก
“อย่าไปเมาที่อื่นนะครับ หากอยากดื่มก็มาที่นี่ได้ตลอดเวลาพี่รับรองความปลอดภัยพันเปอร์เซ็นครับ” ชาติชายบอกน้องสาวเพื่อนถึงไม่ได้เจอกันบ่อยแต่เขาก็คอยถามจากปัญญาที่รู้ดีว่าเขารักปัญชรี
“จริงเหรอคะ” ปัทหรี่ตามองพี่เล็กอย่างไม่อยากเชื่อเพราะเขานั่นแหละตัวอันตรายที่สุดแล้ว
“จริงสิครับ รับรองด้วยเกียรติของพี่” ชาติชายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งนานวันเขาก็มั่นใจตัวเองแล้วว่ารักปัญชรีจริงๆ “เรามาคบกันอย่างจริงจังมั้ยครับ” เมื่อมีโอกาสไฮโซหนุ่มหล่อก็ถามหญิงสาวที่เขาคิดว่าถึงเวลาแล้ว
“แน่ใจแล้วเหรอคะ หากคบกับปัทแล้วพี่เล็กไม่มีสิทธิ์จะมีกิ้กมีกั้กหรือจีบสาวได้เลยนะคะ” ปัทถามเขาตรงๆเพราะเธอรับไม่ได้หากแฟนตัวเองไปคุยกิ้กกั้กกับสาวๆคนอื่น
“แน่ใจมานานแล้วครับ ทุกวันนี้พี่ก็มีแต่งานครับ”
“เรื่องนั้นก็ทนได้เหรอคะ” เธอไม่เชื่อว่าเขาจะทนได้ผู้ชายส่วนมากก็ขาดเซ็กซ์ไม่ได้และเธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาในเรื่องนี้
“เพื่อคนที่เรารักมันไม่ยากเลยสักนิด พี่ทำได้แน่นอนครับ” ใครจะบอกเธอล่ะว่าเขาอยู่ได้เพราะอะไรมันเป็นเรื่องน่าอายมากสำหรับผู้ชายขนาดปัญญาที่ว่าแน่ยังแอบกินแฟนสาวก่อนเลย แต่เขาจะไม่ทำแบบนั้นปัญชรีไม่เหมือนเพลินพิศที่ไม่ได้แคร์เรื่องนี้เธอเป็นคนมั่นใจตัวเองและปัญญาก็ไม่ได้เป็นแฟนคนแรกและเขาก็ได้เตือนเพื่อนรักไปแล้ว
“ลองดูก็ได้ค่ะ หากพี่เล็กทำไม่ได้ก็บอกปัทนะคะ” ปัญชรีพูดจบก็เดินออกไปหาเพื่อนที่ยืนรอหน้าร้าน
“น้องปัท” ชาติชายดีใจที่ปัญชรียอมคบกับเขาถึงแม้จะอยู่ในช่วงทดลองแต่เขาทำได้แน่นอนรับรองว่าภรรยาในอนาคตของเขาก็คือปัญชรีจึงรีบเดินตามแฟนหมาดๆไปอย่างรวดเร็วและพาสามสาวไปส่งถึงคอนโดด้วยความปลอดภัย
เวลาผ่านไปทุกคนก็มีวิถีชีวิตของตัวเองเช้าทำงานเย็นเลิกงานก็พบเจอเพื่อนฝูงบ้างบางคนก็รีบกลับบ้านไปหาครอบครัวหรือไปช้อปปิ้งกันบ้าง
“น้องรุ้งยังไม่กลับอีกเหรอคะ” ฟองจันทร์ถามผู้ช่วยของเธอที่ยังทำงานอยู่ทั้งที่เลยเวลาเลิกงานมากว่ายี่สิบนาที
“รุ้งอยากทำให้เสร็จค่ะพี่ฟอง เหลืออีกนิดเดียวเองและรอพี่ทิวมารับด้วยค่ะ”
"ว่าแต่เมื่อไหร่จะมีข่าวดีล่ะจ้ะ" ฟองจันทร์ถามน้องสาวคนสนิทเพราะทำงานมาด้วยกันนานแล้วและมี่หนุ่มตี๋หน้าตาดีเทียวรับส่งมานาน
"ยังอีกนานค่ะพี่ฟอง รุ้งว่าสักสามสิบค่อยแต่งค่ะ"
“อย่าปล่อยไว้นานนะน้องรุ้ง สมัยนี้ผู้ชายดีๆหายากด้วย งั้นพี่กลับก่อนนะจ้ะ นัดเจ้าตัวเล็กไว้เขาอยากไปว่ายน้ำป่านนี้เตรียมตัวรอแล้วมั้ง” ฟองจันทร์บอกผู้ช่วยของเธอแล้วเก็บของเพราะนัดลูกชายไว้
“เชิญค่ะพี่ฟอง” เมื่อฟองจันทร์กลับไปแล้วทอรุ้งก็เร่งทำงานจนเสร็จก็เก็บของแล้วลงไปรอแฟนหนุ่มที่สวนดอกไม้หน้าตึกนั่งมองผู้คนที่รีบกลับบ้านและบางคนยังทำโอทีต่อ ชีวิตในเมืองช่างวุ่นวายจริงๆเธออยากอยู่กับธรรมชาติอากาศบริสุทธิ์ต่างจังหวัดที่ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันแบบนี้แต่คงไม่มีโอกาส
“ปรี้นนๆ.”
ธงทิวขับรถเข้ามาจอดที่ประจำก็บีบแตรรถเมื่อเห็นแฟนสาวนั่งที่ม้านั่งหินอ่อนริมสวนหน้าบริษัทก็ที่ประจำของทอรุ้งที่มานั่งรอเขามารับ
“พี่ขอโทษนะครับน้องรุ้ง รถติดมากจริงๆ” ธงทิวขอโทษแฟนสาวที่เขาเลทเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะรถติดกว่าจะฝ่าจราจรมาได้
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะพี่ทิว” หญิงสาวถามแฟนหนุ่มที่ไม่ค่อยได้เจอกันเพราะเขางานยุ่ง
“ครับ พอดีที่บริษัทได้จ๊อบใหม่ก็เลยวุ่นวายกันหน่อยครับ พี่อาจจะไม่ค่อยมีเวลามาเจอน้องรุ้ง.” ธงทิวตอบแฟนสาวที่เข้าใจเรื่องงานของเขาดี
“อย่าลืมดูแลตัวเองนะคะ ไม่ใช่ว่ามัวแต่ทำงานแล้วกินอาหารผิดเวลาจะเป็นโรคกระเพาะได้นะคะ” ทอรุ้งพูดด้วยความเป็นห่วงแฟนหนุ่ม ธงทิวก็ขับออกไปจากบริษัท
“งั้นน้องรุ้งก็มาดูแลพี่สิครับ” ธงทิวถามแฟนสาวทันทีเขาพร้อมจะสร้างครอบครัวอยากแต่งงานกับเธอแต่ติดที่ ทอรุ้งอยากทำงานก่อนและบ่ายเบี่ยงมาตลอด
“รุ้งว่าเราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะคะ รุ้งอยากทำงานให้เต็มที่ก่อนอีกสักสองสามปีแล้วเราค่อยมาคุยกันนะคะ” เธอกำลังสนุกกับงานและไม่ได้รีบร้อนจะแต่งงานอยากตอบแทนบุญคุณป้ากับลุงให้เต็มที่ก่อนยังมีเวลาอีกหลายปีกว่าเธอจะสามสิบมันไม่สาย หากเธอแต่งงานออกเรือนไปก็จะมีเวลาดูแลพวกท่านน้อยลงเพราะต้องดูแลครอบครัวเป็นหลัก
“สักปีไม่ได้เหรอครับหรือเราจะหมั้นกันไว้ก่อนดีครับ” ธงทิวต่อรองแฟนสาวเสียงอ่อยตอนนี้เขาก็มีคอนโดมีรถมีเงินเก็บพร้อมจะมีครอบครัวแล้วแต่ก็เข้าใจทอรุ้งที่อยากตอบแทนบุญคุณของป้ากับลุงที่เลี้ยงดูมาจนโตถ้าเธอยังไม่อยากแต่งก็หมั้นไว้ก่อนก็ดีเขาโอเคทุกทาง
“รุ้งไว้ใจพี่ทิวค่ะ ไม่จำเป็นต้องหมั้นรุ้งอยากหมั้นแล้วแต่งเลยไม่อยากทำหลายขั้นตอน อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนค่ะ” ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักแฟนหนุ่มแต่เธอก็รักครอบครัวของเธอและไม่อยากเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“รุ้งพูดเหมือนไม่ได้รักพี่” ธงทิวน้อยใจแฟนสาวที่พูดเหมือนไม่ได้แคร์เขา
“ที่เราคบกับมาหลายปีนี่พี่ทิวยังไม่รู้อีกเหรอคะ รุ้งแน่ใจตัวเองรุ้งถึงคบกับพี่ทิว.” เธอไม่รู้อนาคตข้างหน้าว่าจะเป็นยังไงตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังไปได้ดีและไม่มีใครยั่งรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“พี่..” ธงทิวพูดไม่ออกเขาเร่งรัดเธอมากไปหรือเปล่าทั้งที่แฟนสาวบอกตลอดว่ายังไม่พร้อมจะแต่งงาน
“ไปส่งรุ้งที่บ้านด้วยค่ะ” ทอรุ้งไม่อยากไปกินอาหารเย็นกับแฟนหนุ่มเธอรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“น้องรุ้งครับ พี่ขอโทษต่อไปจะไม่พูดเรื่องนี้อีกครับ” ธงทิวขอโทษแฟนสาวหน้าละห้อย
“รุ้งก็ขอโทษพี่ทิวด้วยเหมือนกันค่ะ รุ้งอาจจะเห็นแก่ตัวมากเกินไปที่ขอให้พี่ทิวรอ หากวันหนึ่งคนนั้นของพี่ทิวไม่ใช่รุ้งก็ขอให้บอกรุ้งนะคะ”
“พี่รักน้องรุ้งและจะรอวันที่น้องรุ้งพร้อมแล้วเราจะแต่งงานกันครับ” ธงทิวบอกแฟนสาวอย่างหนักแน่นก่อนจะหันมามองสบตากับทอรุ้งขณะที่รถติดไปแดง
“ขอบคุณค่ะพี่ทิว ที่เข้าใจรุ้ง.” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณแฟนหนุ่ม คนสองคนจะอยู่ร่วมกันได้ไม่ใช่รักอย่างเดียวต้องเข้าใจกันมีเหตุและผลพูดคุยปรึกษากัน ยามมีปัญหาก็ช่วยกันแก้ไข หากไม่มีความเชื่อใจเชื่อมั่นต่อกันก็จะทำให้ชีวิตครอบครัวพังได้ง่ายๆ
“งั้นเราไปกินข้าวที่ห้างเหมือนเดิมนะครับ” ธงทิวอยากมีเวลาอยู่กับแฟนบ้างหากไปบ้านเธอทอรุ้งก็จะช่วยป้าร้อยทำโน่นนี่นั่นตลอดทำให้ไม่ค่อยได้คุยกัน
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวก็เปลี่ยนใจเพราะสงสารแฟนหนุ่มเหมือนกัน เมื่อกินอาหารเย็นอิ่มแล้วทั้งสองก็เดินเล่นกันพักใหญ่ธงทิวก็ไปส่งแฟนสาวที่บ้านและเข้าไปสวัสดีป้าร้อยกับลุงบุญแล้วเขาก็กลับคอนโด
บ้านไร่ ภูหมอก ตั้งอยู่อำเภอสวนผึ้ง
พื้นที่ราบและเนินเขาหลายลูกนับพันไร่ถูกปรับปรุงพื้นที่ให้อุดมสมบูรณ์ด้วยบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลมาจากภูเขาสูงสู่บึงน้ำขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยภูเขาที่เจ้าของไร่ขุดขึ้นเพื่อการเกษตรที่เขามาบุกเบิกเมื่อแปดปีก่อนปีก่อนจนเดี๋ยวนี้ในไร่เต็มไปด้วยองุ่นหลากหลายสายพันธ์ที่เจ้าของไร่เสาะแสวงหามาปลูกทดลองจนประสบความสำเร็จและผลิตไวน์ภายใต้ชื่อ ชาโต เดอ ภูหมอก แปลงองุ่นกว่ายี่สิบสายพันธ์ปลูกแยกกันเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตาเป็นภาพที่สวยงามมาก เพราะโอบล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่ยามดวงตะวับลับขอบฟ้าบรรยากาศก็สุดแสนจะโรแมนติกส่วนตอนเช้าดวงอาทิตย์โผล่พ้นภูเขาสูงกระทบน้ำค้างบนยอดหญ้าและต้นองุ่นที่เขียวชุ่มชื้นไอหมอกส่องสะท้อนแวววาวสวยงามน่าหลงใหล
หนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อนั่งบนหลังม้าตัวใหญ่สายพันธ์อาหรับ สีดำสนิทขนมันเงาวับอาชาคู่ใจไปตามถนนลูกรังตามแปลงองุ่นเพื่อดูคนงานตัดแต่งกิ่งใบและลูกองุ่นที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งก่อนจะไปหยุดที่คนงานกลุ่มใหญ่ที่มุงดูอะไรสักอย่าง
“นายชนม์ครับ นังแสงหล้ามันเป็นลมครับ.” นายสนหัวหน้าคนงานรายงานเจ้านาย
“พาไปส่งโรงบาลด่วน อย่ามุงกันมากอย่างนี้สิ” ร่างสูงใหญ่บอกคนงานที่พากันห้อมล้อมคนป่วยแล้วให้คนงานชายพยุงร่างท้วมของป้าแสงหล้าคนงานวัยห้าสิบที่ทำงานในไร่องุ่นของเขามาตั้งแต่บุกเบิก
“ใครก็ได้ไปตามไอ้มั่นที บอกให้มันตามไปที่โรงบาลนะ.” นายสนบอกลูกน้องเพราะเขารอไม่ได้ต้องพาแสงหล้าไปส่งให้ถึงมือหมอให้เร็วที่สุดโดยมีละออคนงานด้วยกันช่วยประคองและถือยาดมจ่อจมูกไปด้วย
“แยกย้ายกันไปทำงานได้.” เสียงเข้มดังขึ้นคนงานก็แตกกระจายถึงเจ้านายจะไม่เข้มงวดแต่งานต้องเสร็จตามที่เขาสั่ง ร่างสูงก็ปีนขึ้นม้าอย่างคล่องแคล่วแล้วควบไปโรงบ่มไวน์ขนาดกลางนับสิบหลังที่บรรจุถังไม่โอ้คอย่างดีเต็มโรงบ่มตามชื่อไวน์ที่เขาตั้งชื่อขึ้นมาเอง
อธิชนม์ โสภาศิริ หรือ เซอร์เกรย์ วัย 33ปี หนุ่มลูกครึ่งไทยรัสเซีย หล่อคมเข้มเคราดกแต่ไม่ยิ้มหน้าตาดุดันหลังจากหย่ากับภรรยาชายหนุ่มก็มาอยู่เมืองไทยกับคุณยายแล้วเขาคิดว่าจะไม่กลับไปอยู่รัสเซียเพราะคุณยายแก่แล้วอยู่คนเดียว เขาก็เบื่อสังคมจอมปลอมจึงขอมาอยู่เมืองไทยแด๊ดยอมเพราะท่านเป็นคนบังคับให้ชายหนุ่มแต่งงานกับฮันน่าลูกสาวเพื่อนนักธุรกิจเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ด้านการค้าและความเหมาะสมที่ฮันน่าสามารถเชิดหน้าชูตาในวงสังคมได้เมื่อเกิดเรื่องท่านก็รู้สึกผิดและยอมให้ลูกชายคนโตปล่อยมือจากธุรกิจมากมายของครอบครัวแต่อธิชนม์ก็ยังช่วยงานบางส่วนและเป็นที่ปรึกษาให้น้องชายน้องสาวและเขาไม่ขอกลับไปอยู่รัสเซียแต่ก็ไปทำธุระจำเป็นเท่านั้น และที่เมืองไทยจึงรู้จัก อธิชนม์ โสภาศิริ หนุ่มลูกครึ่งหลานคุณยายสมศรี เศรษฐีนีแห่งสวนผึ้งเท่านั้น
ตลอดเวลาแปดปีที่อธิชนม์ได้สร้างอนาจักรของเขาอย่างเต็มตัวจนเป็นไร่องุ่นปิดที่ใหญ่ติดอันดับท๊อปไฟว์เมืองไทยแล้วเขาก็ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเหมือนไร่องุ่นทั่วไปชายหนุ่มไม่ชอบความวุ่นวายองุ่นส่วนมากก็จะนำไปผลิตไวน์แต่ก็มีบางส่วนที่ส่งผลิตออก จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าที่เขาได้นำไวน์ไปวางจำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าได้ชิมองุ่นสดๆจากไร่ ในปีแรกเขาก็ลองผิดลองถูกมาตลอดพอปีที่สองก็เข้าที่จ้าผู้รู้มาจัดการดูแลทุกขั้นตอนจากนั้นก็ขยายจากร้อยไร่เป็นสองร้อยไร่และขยายไปเรื่อยๆจนตอนนี้ปลูกองุ่นมากกว่ายี่สบสายพันธ์และกลายเป็นผู้ผลิตไวน์อันดับต้นๆของเมืองไทย
อธิชนม์ควบเจ้าเวหากลับไปทางเดิมเพื่อกลับบ้านปีกไม้หลังใหญ่บนเนินเขามองไกลๆเหมือนกระท่อมหลังเล็กแต่พอเข้าใกล้หลังใหญ่ทีเดียว ร่างสูงใหญ่ลงจากหลังม้าแล้วปล่อยให้มันเล็มหญ้าอยู่หน้าบ้านเดี๋ยวลูกน้องของเขาก็พามันไปเข้าคอกดูแลมันต่อ
บ้านปีกไม้หลังใหญ่ยกสูงบันไดสามขั้นชั้นล่างเป็นห้องโถงกว้างมองทะลุเห็นหลังคาด้านหลังมีห้าห้องฝั่งด้านหน้าซีกขวามีบาร์เครื่องดื่นยาวกว่าห้าเมตรและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมายด้านข้างมีบันไดขึ้นไปชั้นสองและลงไปห้องครัวทั้งสองฝั่งชั้นบนมีห้องพักห้าห้องฝั่งหน้าบ้านสองห้องด้านหลังสองห้องตรงกลางโล่งมองเห็นโซฟารับแขกอยู่กลางห้องโถงชั้นล่างส่วนห้องเจ้าของบ้านอยู่ด้านข้างกินพื้นที่ทั้งด้านหน้าด้านหลังรวมสองห้องเป็นห้องเดียวที่จริงจะต้องมีทั้งหมดหกห้องไม่ว่าแขกจะพักฝั่งไหนก็เห็นวิวไร่องุ่นสวยทุกมุม
บ้านนี้เปิดต้อนรับแขกที่สนิทกันเท่านั้นอย่างครอบครัวของเขาและเพื่อนสนิทส่วนมากแขกหรือลูกค้าที่มาติดต่องานเขาจะมีโซนที่พักให้ใกล้บ้านคุณยายที่อยู่ด้านหน้าไร่เพราะท่านไม่ยอมย้ายจากบ้านหลังเก่าที่มีความทรงจำมากมายมาอยู่กับหลานชาย อธิชนม์จึงสร้างตึกสามชั้นให้พนักงานชาวต่างชาติที่มาดูแลการผลิตไวน์และบ้านพักคนงานห่างไปอีกห้าร้อยเมตรติดกับถนนเพื่อเป็นแนวหน้าป้องกันภัยให้คุณยายในชั้นแรกหากมีคนเข้ามาในไร่ก็ต้องผ่าน รปภ และบ้านพักคนงานที่เป็นแนวยาวตามถนนกว่าจะถึงบ้านคุณยาย
“นายชนม์จะกินข้าวเลยมั้ยคะ ป้าจะได้ตั้งโต้ะให้เลยจ้ะ.” ป้าทอง แม่บ้านที่คุณยายส่งมาดูแลเรื่องอาหารการกินของหลานชายและไว้ใจให้ดูแลบ้านหลังนี้แต่จะมีคนของคุณยายมาช่วยทำความสะอาดบ้านส่วนเสื้อผ้าคนที่บ้านคุณยายจะมาเอาไปซักรีดให้เพราะชายหนุ่มไม่ชอบความวุ่นวาย
“อีกสิบนาทีครับป้า ผมไปอาบน้ำก่อนครับ ถ้าแจ็คมาถึงบอกว่าผมจะเข้ากรุงเทพนะครับ”
“ได้ค่ะ” ป้าทองรับคำสั่งเจ้านายแล้วก็เข้าครัวที่อยู่หลังบ้าน บ้านหลังนี้นอกจากอธิชนม์แล้วก็มี แจ็คลูกน้องคนสนิทของเขาที่ติดตามมาอยู่ด้วยจนตอนนี้แจ็คพูดภาษาไทยคล่องปร๋อและทำท่าว่าจะได้เมียคนไทยเขากำลังตามจีบสาวการตลาดในออฟฟิตอยู่
อธิชนม์เปิดประตูเข้าไปในห้องที่เขาอยู่มาเกือบสิบปีชายหนุ่มเดินไปที่หน้าต่างมองอานาจักรที่เขาสร้างขึ้นเพื่ออะไรเพื่อใครเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันอาจเป็นเพราะเขาเกิดมาท่ามกลางธุรกิจมากมายของครอบครัวที่กินสิบชาติก็ไม่หมดแต่อยากสร้างอะไรที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงและเขาก็ทำได้ ชายหนุ่มสะบัดศรีษะแล้วถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายจนเหลือกางเกงในตัวเดียวแล้วมองตัวเองในกระจกเขาก็เห็นไอ้โจรห้าร้อยหนวดเครารุงรังจึงยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะจัดการส่วนที่รกออกจากใบหน้าหล่อ เขาจะเข้ากรุงเทพเพราะไม่ได้เจอเพื่อนรักนานแล้วจนมันบ่นเขาก็ว่าจะไปเยี่ยมมันสักหน่อย ชายหนุ่มก็อาบน้ำจนสะอาดสะอ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะลงไปชั้นล่างเพื่อกินอาหารเช้าก่อนจะเข้าออฟฟิต
“โอ้โห วันนี้คุณชนม์ของป้าหล่อจังเลยค่ะ” ป้าทองทักเจ้านายหนุ่มที่นานๆทีถึงจะโกนหนวดเคราออกสักที
“ถ้าไม่เข้ากรุงเทพผมไม่โกนหรอกครับป้า ขี้เกียจมีปัญหากับตำรวจครับ” อธิชนม์พูดแล้วก็ยิ้มขำเมื่อคิดถึงตอนที่เขามาเริ่มต้นทำไร่องุ่นใหม่ๆเขาเข้ากรุงเทพด้วยสภาพหนวดเครารกครึ้มขับกระบะโฟร์วิลสี่ประตูเต็มไปด้วยฝุ่นโคลนเพราะไม่ได้ล้างจึงถูกตำรวจเรียกตรวจเพราะน่าสงสัยฝรั่งสองคนเหมือนโจรป่า
“ตำรวจตาต่ำน่ะสิคะ เห็นมหาเศรษฐีเป็นโจรไปได้” ป้าทองว่าให้ตำรวจที่ว่าเจ้านายแกเหมือนโจร
“แต่ผมก็เหมือนโจรจริงๆครับ ฮ่าๆ.” ชายหนุ่มพูดแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้ก่อนจะนั่งลงที่โต้ะอาหารแจ็คก็เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามสองหนุ่มกินข้าวอิ่มแล้วก็ขับรถไปออฟฟิต
“เฮ้อ เมื่อไหร่จะมีนายหญิงสักทีล่ะคะคุณชนม์ คุณยายอยากจะมีเหลนจะแย่แล้วนะคะ” ป้าทองบ่นตามหลังเจ้านายแกเป็นอีกคนที่รู้เรื่องของอธิชนม์เลิกกับภรรยาแกจึงอยากให้เจ้านายเจอคนดีๆที่รักจริงจะได้มีความสุขสักที
แจ็คจอดรถแลนด์โรเวอร์รถขับเคลื่อนสี่ล้อเอนกประสงค์คันใหญ่หน้าออฟฟิตก็เห็นสองแฝด พาทิศ หรือ เม่น แฝดพี่และ พาที หรือ ไม้ แฝดน้องวัย 27ปีเดินออกมาหาเขากับเจ้านาย
“โอ้โห้ นายชนม์หล่อจังน่าจะโกนหนวดตั้งนานแล้วนะครับ คุณฟ้าเธอคงจะกรี้ดน่าดูเลย ฮ่าฮ่าๆ” พาทิศล้อเจ้านายที่หลานสาวเพื่อนคุณยายคลั่งไคล้นายชนม์ของพวกเขาและตามตื้อจนถูกสั่งห้ามเข้ามาในไร่
“อย่าพูดชื่อนี้ ฉันสยองแล้วอย่าปล่อยเข้ามาถึงตัวฉันล่ะไม่งั้นแกสองคนโดนหักเงินเดือน” นายชนม์สั่งลูกน้อง
“วันนี้คุณปิแอร์จะหมักองุ่นล็อตใหม่ครับ ให้ผมมาตามนายชนม์ไปดูที่โรงหมักครับ” นายไม้ แฝดน้องบอกเจ้านายเพราะกลัวไม่ทันเจ้านายจะเข้ากรุงเทพก่อน