ตอนที่ 1
ที่เกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา เดือนธันวาคม62
ชายหนุ่มร่างสูงนั่งจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊คอยู่ในห้องได้ยินเสียงเคาะประตูจึงเดินไปดูตาแมวก็เห็นเพื่อร่วมงานยืนอยู่หน้าห้องจึงเปิดประตูห้องให้
“มันเกิดอะไรขึ้นพิตต์”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอลัน นายต้องถามอีลอน” พิตต์ตอบเพื่อนเมื่อวานเขาแจ้งหัวหน้าทีมไปว่าแกะรอยกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้แล้วแจ้งให้หน่วยเหนือส่งทีมพิฆาตมาจัดการแต่พอมาถึงไม่มีร่องรอยของผู้ก่อการร้ายทั้งที่เขาเฝ้าติดตามมันอยู่อย่างไม่คลาดสายตาแท้ๆ และเขารู้ว่ามีเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานเป็นหนอนรู้เห็นเป็นใจกับผู้ก่อการร้ายและมันเป็นแบบนี้มาสองครั้งแล้วและนี่ก็ครั้งที่สามที่ทำให้เขาถูกหน่วยเหนือตำหนิที่ทำงานผิดพลาดทั้งที่เขาทำมันได้ดีมาตลอด ที่เขาต้องบินมาอยู่ฮาวายได้สองอาทิตย์ก็เพื่องานนี้หากไม่มีคนบอกมันไม่มีทางรู้แน่และมันก็ไหวตัวทันทุกครั้งทำให้เขาต้องเริ่มใหม่จนน่าโมโหจึงตอบเพื่อนร่วมงานอย่างหงุดหงิด
“แล้วอีลอนไปไหนล่ะ” อลันถามเพื่อนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอโน๊ตบุ๊คไม่สนใจจะเงยหน้ามาพูดกับเขาเพราะเขาเพิ่งกลับมาหลังจากไปรายงานตัวที่หน่วยเหนือเพราะเรื่องเดียวกับเพื่อนหงุดหงิดนี่แหละ
“กำลังตามอยู่น่ะ”
“ตามอีลอนเหรอ ทำไมต้องตาม” ก็อีลอนเป็นหัวหน้าพวกเขานี่นาจะตามทำไมหรือว่าพิตต์สงสัยเหมือนเขางานนี้มาทำแค่สามคนเท่านั้นและเขาเชื่อใจพิตต์มากกว่าหัวหน้าทีม
“ไม่รู้ว่ะแต่ฉันสงสัยว่าทำไมพวกไอ้บ้านั่นถึงได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทุกครั้งที่ฉันแกะรอยเจอพวกมันต้องมีคนในเป็นหนอน”
“แกเลยสงสัยอีลอน”
“ใช่” พิตต์ตอบเพื่อนที่ทำงานร่วมกันมาเกือบสิบปีและเขาก็ไว้ใจอลันเหมือนกับที่อลันไว้ใจเขา
“ขอเหตุผล” อลันก็สงสัยหัวหน้าเหมือนกันแต่เขายังไม่ฟันธงพอเขารายงานตัวที่หน่วยเหนือเสร็จเขาก็ขอมาทำภาระกิจนี้ให้เสร็จหากผิดพลาดอีกเขาเอาตำแหน่งเป็นประกัน
“เราแกะรอยไอ้บ้านั่นได้สามครั้งในรอบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาแต่มันล่องหนไปทุกครั้งและมีคนรู้แค่นายกับฉันและเขาเท่านั้นพอแจ้งหน่วยเหนือไปมันก็ไม่เหลือร่องรอยให้เห็นนายคิดว่าคนที่หน่วยจะบอกไอ้บ้านั่นให้หนีทันเหรอวะ” พิตต์ตอบเพื่อนเพราะมีคนรู้แค่สามคนแล้วอลันก็เพิ่งเข้าไปรายงานตัวเรื่องนี้มาและเขาก็เจอครั้งที่สามแล้วถูกหน่วยเหนือตำหนิ
“แล้วตอนนี้อีลอนอยู่ไหนล่ะ” อลันถามเพื่อน
“ดูนี่แล้วนายลองโทรหาสิ” พิตต์หันโน๊ตบุ๊คไปทางเพื่อนแล้วบอกให้อลันโทรถามว่าอีลอนอยู่ไหนแล้วจะได้คำตอบชายหนุ่มลองแล้วสองครั้งแต่อีลอนตอบไม่ตรงกับที่ตัวเองอยู่และครั้งแรกที่แอบติดเครื่องติดตามที่ก้นกระเป๋าสะพายของหัวหน้าทีมอีลอนก็อยู่ใกล้กับไอ้บ้านั่นและวันนี้ก็ไปอีกแล้วเขายังไม่ได้บอกว่าแกะรอยมันได้อีกครั้งและครั้งนี้พิตต์จะไม่ยอมพลาดแน่
อลันมองหนาจอโน๊ตบุ๊คของเพื่อนแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอีลอนทันที
"กริ้งๆๆ.."
“ว่าไงอลันได้เรื่องว่ายังไงบ้าง” อีลอนรับโทรศัพท์ของลูกน้องที่เขาเลือกมาทำงานนี้เพราะมีแผนในใจและรู้ว่าอลันเพิ่งกลับมาถึง
“ใกล้เจอพวกมันแล้วล่ะ แล้วคุณอยู่ที่ห้องหรือเปล่าอีลอนผมมีเรื่องจะปรึกษาน่ะเดี๋ยวผมกับพิตต์จะไปหานะ” อลันแกล้งถามทั้งที่รู้ว่าอีลอนอยู่ห่างจากโรงแรมเล็กๆที่พวกเขาพักไปไกลพอสมควรและเป็นร้านกาแฟเล็กๆเก่าๆในตรอกที่อีลอนไม่น่าจะไปดื่มกาแฟไกลถึงที่นั่น
“พอดีผมออกมาว่ายน้ำที่ชายหาดน่ะ อีกสิบนาทีเจอกันนะ” อีลอนพูดจบก็วางสายทันที “ผมต้องกลับก่อนมีอะไรเพิ่มเติมจะส่งข่าวมาให้” ร่างสูงใหญ่ของอีลอนลุกขึ้นแล้วดึงฮู้ดขึ้นมาคลุมศีรษะแล้วเดินออกไปจากร้านกาแฟอย่างรวดเร็วเรียกรถแท็กซี่กลับโรงแรมทันที
ส่วนอิมรานมองตามหลังอีลอนไปอย่างดูถูกเหยียดหยามที่ยอมหักหลังเพื่อนร่วมงานและประเทศเพื่อเงินก้อนใหญ่ที่เขาเสนอให้แลกกับข่าวกรองจากหน่วยงานลับซีไอเอแม้จะแค่นิดเดียวแต่เขาก็เดาเกมออก
“นายรอดูต่อไปนะอลัน” พิตต์พูดจบสองหนุ่มก็นั่งจ้องหน้าจอโน๊ตบุ๊คที่มีจุดสีแดงเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วตรงมาทางชายหาดที่ห่างจากโรงแรมไปห้าร้อยเมตรผ่านไปสิบนาทีจุดสีแดงก็มาหยุดหน้าห้องของพวกเขา
“ก๊อกๆๆ..”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพิตต์ก็เดินไปเปิดประตูก็เห็นร่างสูงของหัวหน้าทีมอีเกิ้ลในชุดกางเกงขาสั้นเปียกน้ำเปลือยอกผมเปียกซกยืนอยู่หน้าห้อง
“มีอะไรด่วนมั้ย พิตต์ อลัน”
“ไม่ด่วนมากเท่าไหร่คุณไปอาบน้ำก่อนก็ได้” พิตต์ตอบหัวหน้าที่ทำเหมือนไปว่ายน้ำมาจริงๆ
“โอเค,เดี๋ยวเจอกันที่ห้องของผมนะ” อีลอนบอกลูกน้องแล้วเดินไปทางห้องพักของเขาที่อยู่ในสุด
พิตต์ปิดประตูห้องแล้วเดินกลับไปหาเพื่อนที่นั่งเกาคางอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊คของเขา
“จะทำยังไงต่อ”
“ก็คงต้องสายตรงถึงเดอะคิงส์ก่อนที่จะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น” พิตต์ตอบเพื่อนที่พยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นบอกอีลอนว่าหาเป้าหมายไม่เจอดีมั้ย”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแล้วกลับเวอร์จิเนียเพื่อให้พวกมันตายใจแล้วเราค่อยกลับมาใหม่” พิตต์ตอบเพื่อนเพราะเขาต้องกลับไปรายงานที่หน่วยเหนือก่อนแล้วจะกลับมาอีกครั้งเขาไม่อยากพลาดทุกอย่างต้องทำอย่างรัดกุมเขาไม่รู้ว่ามีเจ้าหน้าที่มากน้อยแค่ไหนที่ยอมขายชีวิตตัวเองให้กับกลุ่มก่อการร้าย
“ว่าไงว่ากันเพื่อน” อลันพูดกับเพื่อนแล้วเดินไปหยิบโน๊ตบุ๊คของเขามาเปิดสแกนใบหน้าก็เข้าไปค้นหาข้อมูลทางการเงินของอีลอนกับครอบครัวและคนใกล้ชิดของเขาทุกคน
“ทำไมนายไม่บอกว่าทางหน่วยเหนือจะเรียกตัวพวกเรากลับล่ะอลัน” อีลอนถามลูกน้องที่ไปรายงานตัวมาเพราะทำงานพลาด
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้ารู้คงไม่นั่งเครื่องบินมาให้เมื่อยก้นหรอกอีลอน” อลันตอบเจ้านายหลังจากพิตต์รายงานโดยตรงกับคิงส์เจ้าหน้าที่ระดับสูงหมายเลขหนึ่งขององค์กร
“แล้วนายล่ะพิตต์ ทางหน่วยเหนือบอกเหตุผลหรือเปล่าว่าทำไมถึงได้สั่งให้นายสองคนถอนตัวจากงานนี้” อีลอนไม่เป็นกังวลเพราะเขาสามารถเลือกทีมงานใหม่ได้เองและเป็นคนของเขาก็จะทำงานด้วยกันง่ายกว่าสองหนุ่มนี่ที่ไม่ยอมให้เขามีส่วนร่วมอะไรเลยแค่ส่งข่าวให้อย่างเดียวและแต่ละครั้งก็กระชั้นชิดมากจนทำให้เขาส่งข่าวให้เพื่อนหลบหนีแทบไม่ทันและสองคนนี่เก่งที่สุดในหน่วยอีเกิ้ล
“เพราะทำงานพลาดไงล่ะอีลอน ผมทำงานมาเกือบสิบปีไม่เคยผิดพลาด นี่เป็นงานแรกที่ผมแกะรอยไอ้บ้านั่นแล้วพลาด คุณคิดว่าพวกเขาจะให้ผมกับอลันทำต่อเหรอ” พิตต์ตอบหัวหน้าทีมเสียงเรียบแต่ในใจอยากจะตะบันหน้าคนทรยศหักหลังเพื่อนร่วมงานและประเทศชาติเพื่อเงินโดยปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้เข้าประเทศมากกว่า
“ผมรู้ว่าคุณสองคนเก่งทำงานมาไม่เคยพลาดแต่พวกไอ้บ้านั่นมันก็เก่งไม่แพ้กันไม่งั้นมันจะเข้าประเทศของเรามาได้ง่ายๆแบบนี้เหรอ ผมว่าคุณสองคนมั่นใจในตัวเองมากเกินไปมันอาจจะเป็นกลลวงก็ได้จึงทำให้คุณสองคนหลงทาง” อีลอนว่าให้ลูกน้องด้วยความหมั่นไส้เพราะความเก่งของพวกเขานี่แหละทำให้เขาทำงานยากจึงต้องกำจัด
“นายว่าเราจะได้กลับมาทำงานนี้ต่อมั้ยพิตต์” อลันแกล้งถามเพื่อนทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะกลับมาอีกครั้งแต่ไม่ได้ร่วมทีมกับอีลอนแต่พวกเขาสองขึ้นตรงกับหน่วยเหนือ
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไปเก็บของกลับกันดีกว่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์” พิตต์ตอบเพื่อนก่อนจะเดินออกจากห้องของอีลอนเพื่อไปเก็บกระเป๋าที่เป็นเป้สะพายเหมือนนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ เมื่อเสร็จก็เดินทางไปสนามบินพร้อมกับอลันส่วนอีลอนก็เดินทางแยกกันไปเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ
พิตต์กับอลันเดินทางถึงเวอร์จิเนียร์เวลาบ่ายสองโมงหลังจากเดินทางสิบกว่าชั่วโมงแล้วเดินทางไปรายงานตัวที่หน่วยเหนือคุยรายระเอียดเรื่องงานเสร็จก็กลับบ้านที่เวอร์จิเนียร์บีช
“แล้วเจอกันเพื่อน” พิตต์ไฟว์มือกับอลันก่อนจะแยกกันไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซคันใหญ่แล้วขี่แยกกันออกไปคนละทางเพราะอลันอยู่ที่นอร์ฟอล์กแม้อากาศจะหนาวเย็นแต่พวกเขาก็เลือกขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับบ้าน
Harlay Davidson Ultra Limited (ฮาเร่ย์เดวิสัน) คันใหญ่สีดำทะมึนแล่นช้าไปตามถนนเลียบชายหาดเวอร์จิเนียร์บีชสถานที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กเพราะเขาเกิดและโตที่นี่ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในบ้านอิฐหลังใหญ่ที่ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่แล้วขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่งเข้าไปจอดในโรงรถก่อนจะหิ้วกระเป๋าเป้ใบใหญ่เดินเข้าไปในบ้าน
“หวัดดีครับแม่ ย่า” ร่างสูงเดินเข้าไปในบ้านก็เจอแม่กับย่านั่งอยู่ที่หน้าเตาผิงดื่มชาคุยกันสองคน
“เหนื่อยมั้ยลูก ไปพักก่อนมั้ยจ้ะ” เพชรมณีกอดลูกชายแล้วหอมแก้มเบาๆแล้วปล่อยร่างสูงเดินไปกอดย่าซึ่งเขาทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กส่วนปู่เป็นทหารนาวิกโยธินและเสียชีวิตในหน้าที่เมื่อยี่สิบปีก่อน
“ไม่เหนื่อยหรอกครับแม่ นี่แด๊ดยังไม่กลับอีกเหรอครับ” ชายหนุ่มถามหาพ่อตอนนี้น่าจะเลิกงานแล้ว
“ยังไม่กลับจ้ะ เห็นว่าจะไปมีธุระคุยกับเพื่อนจะกลับช้าหน่อยจ้ะ” เพชรมณีตอบลูกชายเบาๆแล้วยิ้มให้เธอไม่เสียใจเลยที่เลือกแต่งงานกับเลน่อนนักการทูตหนุ่มอเมริกันและใช้ชีวิตที่อเมริกาหลังจากพ่อแม่ห้ามไม่ให้เธอแต่งงานกับหนุ่มฝรั่งเพราะได้เลือกคู่ให้ลูกสาวแล้วแต่เธอไม่ได้รักชัยพลจึงปฏิเสธและแต่งงานกับเลน่อนใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาจึงทำให้พ่อแม่โกรธแต่ไม่ถึงขนาดตัดพ่อตัดลูกเธอก็พาครอบครัวกลับเมืองไทยทุกปีในวันเกิดพ่อแม่
“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับแม่ เดี๋ยวผมลงมากินข้าวนะครับ” พิตต์พูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นบนที่ห้องนอนส่วนตัวของเขา ตอนแรกเขาก็อยากเป็นทหารเหมือนปู่แต่แม่ขอไว้จึงทำงานกับรัฐบาลแทนเขาไม่อยากเป็นนักการทูตเหมือนพ่อจึงเลือกสายงานเดียวกับลุงสเวนพี่ชายของพ่อที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานซีไอเอหรือเดอะคิงส์
เพชรมณีมองตามหลังลูกชายแล้วยิ้มอย่างมีความสุขเธอตัดสินใจไม่ผิดที่แต่งงานกับคนรักทิ้งชีวิตคุณหนูสังคมไฮโซมาเป็นแม่บ้านให้สามีและเลี้ยงลูกแม้ไม่ได้ออกสังคมเฉิดฉายเหมือนอยู่เมืองไทยแต่เธอก็พอใจกับชีวิตครอบครัวเรียบง่าย เมื่อก่อนออกงานกับสามีบ้างเพราะหน้าที่การงานและย้ายตามสามีไปทำงานหลายประเทศในยุโรปพร้อมกับลูกๆก็ติดตามไปด้วยจนกระทั่งลูกชายลูกสาวเข้าโรงเรียนจึงอยู่กับปู่ย่าที่เวอร์จิเนียเมื่อสิบปีก่อนสามีก็ย้ายกลับมาทำงานประจำที่นอร์ฟอล์กจึงทำให้ไม่ต้องเดินทางบ่อย
พิตต์ คอร์ราดส์ วัย 33ปี หนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกันสุดหล่อคมเข้มเป็นเลือดผสมอย่างลงตัวรูปร่างเฟอร์เฟค สูง185เซนติเมตร ผิวสีแทนเหมือนย่าที่เป็นอเมริกันผมดกดำตาสีอำพันดูเซ็กซี่และดุดันน่าค้นหาแม้หนวดเครารุงรังก็ไม่สามารถกลบความดุดันดิบเถื่อนของเขาได้ ชายหนุ่มจะชอบอยู่เงียบๆกับโน้ตบุ๊คอันเล็กคู่ใจแต่ประสิทธิภาพของมันคือสุดยอดไฮเทคที่สามารถค้นหาหรือแฮ็กข้อมูลต่างๆได้อย่างง่ายดาย พิตต์จบปริญญาตรีและโทสาขาเศรษฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและบริหารธุรกิจระหว่างประเทศทำงานที่บริษัทเงินทุนระหว่างประเทศบังหน้าแต่งานหลักของเขาคือหน่วยสืบราชการลับแห่งสหรัฐฯทำหน้าที่หน่วยข่าวด้านไอทีของทีมอีเกิ้ลที่มีเพื่อนร่วมงานที่ไม่รู้จักหน้าตากันเยอะแยะมากมายส่วนงานก็แล้วแต่ทางหน่วยเหนือจะมอบหมายภารกิจมาให้ติดตามเรื่องไหน
“ก๊อกๆ ก๊อกๆๆ..”
“พี่พิตต์ พีบีเองค่ะ” เบลินดา สาวลูกครึ่งแสนสวยวัย30ปี รูปร่างอวบอิ่มตามสไตล์สาวอเมริกันสะโพกผายขายาวสูง175เซ็นติเมตรเป็นดารานางแบบได้สบายเพราะเป็นลูกครึ่งเลือดผสมอย่างลงตัวเหมือนพี่ชายถ้าโกนหนวดโกนเคราออกก็หล่อระดับดาราฮอลีวูด น้องสาวก็สวยเซ็กซี่หาตัวจับยากหากอยู่เมืองไทยคงถูกทาบทามไปเป็นดาราแน่
ตอนแรกตายายไม่ได้ชอบพ่อพวกท่านไม่อยากได้ลูกเขยฝรั่งแต่ในเมื่อลูกสาวเลือกจะแต่งงานกับหนุ่มอเมริกันก็ขัดไม่ได้จึงจำใจยอมรับแม้จะขุ้นเคืองใจ เมื่อได้เจอหลานๆก็ยอมรับลูกเขยแต่โดยดีและคอยถามข่าวของหลานทั้งสองจากลูกสาวตลอดและพวกเธอก็ไร่วมงานวันเกิดตายายทุกปีพร้อมกับพ่อแม่
“มีอะไรเหรอพีบี” เสียงห้าวถามน้องสาวที่ยืนหน้าห้อง
“พีบีจะมาชวนพี่พิตต์ไปปาร์ตี้วันเกิดของอีฟค่ะ” เบลินดาบอกพี่ชาย
“ที่ไหนล่ะ พอดีพี่นัดอาเธอร์กับฮิวจ์ไว้น่ะ”
“ดีเลยค่ะ พี่พิตต์ก็ชวนพี่อาเธอร์กับพี่ฮิวจ์ไปด้วยเลยค่ะ จัดที่บ้านของพีบีค่ะ” เบลินดาบอกพี่ชายที่ไม่รู้ว่าเธอกับเอ็ดดี้น้องชายของฮิวจ์แอบคบกันอยู่
“แล้วเรากับเอ็ดดี้ล่ะคบกันไปถึงไหนแล้ว” พิตต์ถามน้องสาวที่หน้าตื่นไม่คิดว่าพี่ชายจะรู้เรื่องของเธอกับน้องชายของเพื่อนแอบคบกันมาได้ครึ่งปีแล้ว
“พี่พิตต์รู้ได้ยังไงอ่ะ” คนเป็นน้องมองพี่ชายตาโตเขารู้เรื่องของเธอกับเอ็ดดี้ได้ยังไงส่วนมากคุยกันทางโทรศัพท์มากกว่าจะเจอกันเธอยังไม่ไว้ใจเอ็ดดี้ว่าจะหยุดเจ้าชู้ได้หรือเปล่าเมื่อเขาขอโอกาสเธอก็ให้เพราะแอบชอบเขามาตั้งแต่เรียนเกรดสิบสองแล้วแต่เขามีผู้หญิงเยอะเกินไปเธอจึงถอดใจแล้วเขาก็ไปเรียนต่อที่แคลิฟอร์เนียพร้อมพี่ชายนานๆจะเจอกัน เมื่อเรียนจบก็กลับมาช่วยงานของครอบครัวฐานะของเขาระดับเศรษฐีมีธุรกิจท่องเที่ยวของครอบครัวที่มีทั้งเครื่องบินเล็กเรือท่องเที่ยวและโรงแรมร้านอาหารอยู่ที่นอร์ฟอล์กทำให้ได้เจอกันอีกครั้งในขณะที่เธอโสดและเอ็ดดี้ก็โสดจึงตกลงลองคบกับเขา
“ทำไมถึงคิดว่าปิดพี่ได้ล่ะก็พีบีเป็นน้องสาวของพี่นี่” พิตต์ตอบน้องสาวหลังจากเขาเห็นน้องสาวทำลับๆล่อเวลาคุยโทรศัพท์หรือคอลเฟสไทม์หากเป็นเพื่อนก็จะคุยปกติแต่เวลาคุยกับเอ็ดดี้ต้องแอบไปคุยและเขาจับได้เองเพียงแต่ไม่พูดและดูอยู่ห่างๆถึงแม้เขาจะสามารถแฮกข้อมูลของใครก็ได้แต่เขาก็มีจรรยาบรรณไม่ทำนอกเหนือจากงานแม้แต่คนในครอบครัว
“พีบีคบกับเอ็ดดี้จริงค่ะ” เบลินดายอมรับกับพี่ชายในเมื่อปิดไม่ได้แล้วก็บอกให้รู้เลย
“แล้วรู้ใช่มั้ยว่าเอ็ดดี้มันเจ้าชู้ เราจะยอมรับมันได้หรือเปล่าหากมันไม่ได้มีเราคนเดียว” คนเป็นพี่ถามน้องสาวถามว่าเขาหวงห่วงน้องสาวมั้ยก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว พ่อแม่ของเขาเลี้ยงดูเหมือนเด็กอเมริกันมีอิสระแต่ยังมีความเป็นไทยปะปนอยู่บ้างและเขาก็คิดว่าน้องสาวโตพอที่จะจัดการชีวิตของตัวเองได้
“รู้ค่ะ,พีบีบอกเอ็ดดี้แล้วว่าถ้าเขามีคนอื่นเมื่อไหร่ข้อตกลงของเราก็ยกเลิกค่ะ พีบีก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนครอบครัวของเรามีสามีที่น่ารักเหมือนแด๊ดสักครึ่งหนึ่งก็ยังดีค่ะ” เบลินดาตอบพี่ชายและเธอก็ไม่ได้หวังเต็มร้อยในเมื่อตัวเองก็มีข้อบกพร่องอยู่แต่ข้อดีคือยังรักษาความบริสุทธิ์ไว้อย่างเหนียวแน่นยกเว้นแค่จูบเท่านั้นซึ่งมันไม่เพียงพอสำหรับคาสโนว่าหนุ่มคนดังแห่งนอร์ฟอล์กอย่างเอ็ดดี้
“เรื่องของพีบีพี่จะไม่ยุ่ง แต่เราต้องดูแลตัวเองเข้าใจมั้ย” พิตต์บอกน้องสาวเขารู้จักน้องชายของเพื่อนรักดีถ้ามันรักน้องสาวของเขาจริงมันจะหยุดทุกอย่างได้
“ขอบคุณค่ะพี่พิตต์ที่เชื่อใจพีบี” เบลินดากอดพี่ชายแล้วยิ้ม “งั้นพีบีไปอาบน้ำก่อนพี่พิตต์ไปแต่งตัวรอเลยนะคะ” คนเป็นน้องบอกพี่ชายแล้วก็รีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้อง
สองพี่น้องแต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงมาจากชั้นบนก็เจอแด๊ดแม่ย่านั่งคุยกันที่ห้องรับแขก
“เพิ่งกลับมาถึงจะไปไหนกันอีกล่ะ” เลน่อนถามลูกชายที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังจากไปทำงานที่ฮาวายมา
“พอดีนัดกับฮิวจ์และคูลนี่ย์ไว้แล้วพีบีชวนไปงานวันเกิดของอีฟครับแด๊ด” ชายหนุ่มเดินเข้าไปกอดทักทายพ่อของเขาแล้วตอบท่าน
“อย่าดื่มเยอะล่ะ พีบีก็เหมือนกันนะลูก” เลน่อนบอกลูกสาวลูกชายที่เขารักและภูมิใจมากทั้งสองไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยต้องยกความดีให้ภรรยาสุดที่รักที่ยอมแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาละทิ้งสังคมไฮโซชีวิตคุณหนูที่เกิดมาสมบูรณ์เพียบพร้อมทุกอย่างมาใช้ชีวิตธรรมดากับเขาและเลี้ยงดูลูกๆทั้งสองได้เป็นอย่างดี
“ครับแด๊ด/ค่ะแด๊ด”
สองพี่น้องตอบพ่อแล้วพากันออกไปจากบ้านไปที่บ้านของอีฟที่นอร์ฟอล์กสถานที่จัดปาร์ตี้วันเกิดมีแต่เพื่อนๆมาร่วมงาน
“แกอยู่ไหนฮิวจ์” พิตต์โทรหาเพื่อน
“กำลังจะไปที่ร้านน่ะแล้วแกล่ะออกมาหือยัง”
“กำลังไปแต่เราไปปาร์ตี้ที่บ้านอีฟเพื่อนของพีบีนะฮิวจ์ แกโทรบอกคูลนี่ย์ด้วยนะ”
“ได้สิงั้นเดี๋ยวเจอกันนะเพื่อน” ฮิวจ์รับปากเพื่อนแล้ววางสายจากพิตต์ก่อนจะโทรบอกเพื่อนอีกคนให้ไปงานปาร์ตี้ที่บ้านของอีฟเพื่อนสนิทของเบลินดาที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน
สองพี่น้องคอร์ราดส์ใช้เวลายี่สิบนาทีก็มาถึงบ้านของอีฟไฮโซสาวเพื่อนของเบลินดาที่ผันตัวไปเป็นนางแบบตามที่ใฝ่ฝันจนได้เป็นนางแบบแถวหน้า
“ไฮ้พิตต์ พีบี” อีฟเดินนวยนาดอวดสรีระผอมเพรียวในชุดบิกินี่สีส้มเยื้องย่างราวกับอยู่บนแคทวอล์คมาต้อนรับเพื่อนรักสวมกอดแน่นแล้วหันไปกอดพิตต์แล้วเขย่งขึ้นจูบปากเข