สวนด้านนอกคฤหาสน์ยามค่ำคืนลมเย็นพัดผ่านสวนเงียบสงบ ไฟสนามสีอุ่นสะท้อนเงาต้นไม้ไหวบนพื้น เอเดนยืนพิงราวระเบียงไม้ มือหนึ่งถือแก้ววิสกี้ อีกมือคีบบุหรี่ปลายแดงจัดควันลอยขึ้นช้า ๆ ตัดกับความมืด
ซีออนนั่งเอนหลังบนโต๊ะไม้กลางสวนมองเอเดนอย่างรู้ทัน ส่วนคีแกนนั่งไขว่ห้างอยู่ข้าง ๆ แก้วในมือแทบไม่พร่อง ทว่าแววตาคมคอยจับสังเกตสีหน้าเจ้านายทุกฝีวินาที
“วันนี้นายดูเงียบผิดปกติ” ซีออนเอ่ยขึ้นขณะที่สายตาจับจ้องไปที่คนเป็นนายอย่างเอเดน
“…” เอเดนไม่ตอบทันทีแต่กลับสูดควันเข้าปอดลึกก่อนพ่นออก ปล่อยให้กลิ่นบุหรี่ปะปนกับกลิ่นหญ้า
ซีออนยิ้มมุมปากเหมือนเข้าใจความหมายซ่อนอยู่ในคำสั้น ๆ นั้นทันทีเพราะพวกเขาอยู่ในสตูดิโอด้วยตอนที่ นีโอเกาะลินาติดเป็นเงาตอนที่ผู้ว่าจ้างอย่างคิรินหันมองเธอไม่วางตาและตอนที่เอเดนต้องขับรถกลับพร้อมแรงตึงเครียดที่แม้กระจกก็แทบรับไม่ไหว
“หึหึ” ซีออนมองสีหน้าเอเดนแล้วหัวเราะเบา ๆ เหมือนโดนแทงใจดำยังไงยังงั้น
“ผมก็ไม่คิดว่าวันนี้จะรอดกลับมาพร้อมกันนะ โดยเฉพาะตอนคุณคิรินมองลินาเหมือนเป็นของที่เขาควรได้” คีแกนถึงกับคิ้วกระตุกเมื่อได้ฟังคำพูดของซีแกน
“แล้วนีโอก็ทำตัวเหมือนแมวน้อยหวงของอีก โอ๊ย!! ดูก็รู้แล้วว่าระเบิดเวลารวมสามลูกมันอยู่ในห้องเดียวกัน”
“กูแค่ทำหน้าที่เพราะไอ้หมอนั่นมันมีปัญหา กูก็ต้องระวัง” เอเดนยกแก้วขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ ขากรรไกรเกร็งจนเห็นเส้นสันนูนชัด
“ระวัง?? หรือหวง??” ซีออนถามนิ่ง ๆ แต่คมกริบเหมือนมีด เอเดนหยุดขยับไปชั่ววินาทีไฟปลายบุหรี่สว่างวาบขึ้นก่อนที่เขาจะพ่นควันออกมาอย่างเชื่องช้า
“พูดมาก!!” เอเดนตอบเรียบ ๆ ทั้งที่น้ำเสียงแข็งจนคีแกนแอบส่ายหน้า
“นายรู้ไหมเวลานายโกหก คนอื่นไม่ค่อยรู้ แต่พวกเรารู้ทันหมด” ซีออนเสริมต่อ “โดยเฉพาะตอนลินามองนายด้วยสายตาเป็นห่วงแล้วนายทำเป็นไม่เห็นทั้งที่เห็นชัด ๆ” เอเดนบีบแก้วแน่นนิดหนึ่ง เสียงน้ำแข็งกระทบกันเบา ๆ ฝ่ามืออีกข้างกดบุหรี่ลงกับที่เขี่ยอย่างแรงกว่าปกติ
“อย่าเดามั่ว” เขาพูดเสียงต่ำ “ลินาใสซื่อเกินกว่าจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้” ซีออนหัวเราะลั่นหลังได้ฟังคำพูดที่ฟังดูเหมือนแก้ตัวของเอเดนก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงชอบใจ
“แล้วใครกันที่เป็นฝ่ายยุ่งกับเขาอยู่ตอนนี้ล่ะ?? นายไง!!”
“กูว่าเอาอย่างนี้ บอกมาสักคำว่าไม่หวงเผื่อเดี๋ยวพวกกูจะเชื่อ หึหึ” คีแกนยกแก้วขึ้น
เอเดนใช้สายมองทั้งสองคนด้วยแววตาเย็นเฉียบเหมือนเตือนแต่พวกเขายังจ้องกลับมาอย่างไม่หวั่น ลมเย็นพัดพาเสียงใบไม้สีกันเบา ๆ บรรยากาศที่ควรผ่อนคลายกลับหนักแน่นจนรู้สึกได้ในที่สุดเอเดนก็พูดขึ้น น้ำเสียงเรียบแต่ฟังออกว่าฝืนใจมาก
“เธอมีสิทธิ์จะคุยกับใครก็ได้”
“อื้ม สิทธิ์เต็มที่เลย” ซีออนกับคีแกนหันมามองหน้ากันแล้วกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“แต่พอนายเห็นคิรินยิ้มให้ลินา หน้าตานายแทบทำลูกค้าหนี” เอเดนเงียบแต่สันกรามที่ขบกันแน่นจนเป็นเส้นคือคำตอบที่ชัดที่สุดไม่นาน เขาคว้าแก้ววิสกี้ขึ้นอีกครั้งกระดกจนหมดในทีเดียว
“…ยุ่งเรื่องของกูให้น้อยลงหน่อยก็ดี เอาเวลาไปทำงานเถอะ” เขาพูดเสียงต่ำ แต่คนสนิททั้งสองกลับยิ้มไม่ยอมปิดปากแม้แต่นิดเดียว
“เฮ้อ… หวงขนาดนี้ ไม่รู้ตัวอีก” คีแกนแกล้งพูดเบา ๆ คล้ายพึมพำ แต่จงใจให้เอเดนได้ยิน
เอเดนหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งไหล่กว้างเคร่งเครียด ดวงตาที่มองสวนมืดสนิทนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ทั้งโกรธ ทั้งหวง ทั้งสับสนในสิ่งที่ไม่ยอมยอมรับ
ยามดึกคฤหาสน์เงียบสงัดมีเพียงเสียงลมพัดผ่านผ้าม่านและเสียงรองเท้าของใครบางคนที่เดินไม่ค่อยตรงนักบนพื้นทางเดินชั้นบน
เอเดนที่เพิ่งแยกกับซีออนและคีแกนเดินขึ้นบันไดด้วยก้าวหนัก ๆ กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคลุ้งรอบตัว เส้นผมปรกหน้าผากเล็กน้อยเพราะลมด้านนอก เขายกมือขึ้นกดขมับเหมือนพยายามประคองสติ พอมาถึงโถงหน้าห้องนอนเสียงของลูกบิดประตูด้านขวาก็ดังขึ้นในความเงียบ
ประตูห้องหนึ่งเปิดออกช้า ๆ ลินาโผล่หน้าออกมา ดวงตากลมยังดูง่วงเพราะเพิ่งตื่นมาดื่มน้ำกลางดึก เธอกำลังกอดแก้วน้ำใบเล็กในมือแต่พอเห็นใครยืนอยู่ตรงทางเดินก็ชะงัก
“คุณเอเดน??” ลินากะพริบตา “ยังไม่นอนเหรอคะ??”
เอเดนหยุดเดินโดยอัตโนมัติ เหมือนขาไม่ยอมไปต่อ ไฟโถงสีนวลสะท้อนบนใบหน้าคมที่ดูอ่อนล้าปนเมาเล็ก ๆ เขาตอบช้า ๆ เสียงต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย
“ผมเสียงดังไปหรือเปล่า เลยทำให้เธอตื่น”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่… กระหายน้ำ” ลินาส่ายหน้าเบา ๆ ยิ้มบาง เอเดนมองแก้วในมือเธอสักพักก่อนจะเผลอกัดฟันเบา ๆ ราวกับกำลังเก็บความคิดบางอย่าง เขาอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็เหมือนลังเลใจ ลินามองเขานิ่งขึ้นเพราะสังเกตได้ว่าใบหน้าเขาแดงจากเหล้าเล็กน้อย
“ดื่มเยอะไปหรือเปล่าคะ”
“นิดหน่อย” เอเดนเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เธอเห็นอาการจริง ๆ ของตัวเองว่าเขาเมามากแค่ไหน ลินาเดินเข้ามาใกล้สองก้าวกลิ่นสดชื่นของแชมพูผสมกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ของเธอลอยมาปะทะจมูกเขาแทนกลิ่นควันบุหรี่เมื่อครู่
“ดื่มเยอะแล้วไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนะคะ” เธอพูดเบา ๆ เหมือนเป็นห่วงเขาจริง ๆ
“งั้นเดียวฉันไปทำอะไรร้อน ๆ มาให้ดื่มแก้เมาดีไหมคะ” เอเดนยกมือขึ้นจับข้อมือเธอไว้ก่อนที่เธอจะหมุนตัวกลับ
เป็นครั้งแรกในค่ำคืนนี้ที่มือของเขาไม่ได้สั่นเพราะเมา แต่เพราะคนตรงหน้านี้ต่างหาก ลินาตาโตนิด ๆ
“คุณเอเดน!?”
เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาที่มักเย็นเฉียบเหมือนเผลออ่อนลงชั่ววินาที เสียงทุ้มของเขาแผ่วลงจนแทบเป็นกระซิบ
“ไม่ต้อง แค่เธออยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว” ลินาไม่เข้าใจคำพูดกำกวมของเขา แต่หัวใจกลับเต้นแรงอย่างไม่รู้เหตุผล
เธอถามเบา ๆ
“คะ??” เอเดนมองเธอเหมือนมีคำพูดมากมายหลายอย่างมีทั้งความหวง ความไม่พอใจที่คิรินมองเธอทั้งวัน ความรำคาญที่นีโอเกาะเธอไม่ปล่อย และความรู้สึกที่เขาไม่ยอมยอมรับสักที แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยข้อมือเธอออกแล้วคว้าเอวเธอพร้อมกับดึงเข้ามาประชิดตัว
“อ๊ะ!! คุณเอเดน” ลินาร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเอเดนดึงเธอเข้ามาแนบอกอย่างไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือใหญ่ที่กอดเอวเธอไว้แน่นทำให้เธอไม่สามารถขยับถอยหลังได้แม้เพียงนิดเดียว กลิ่นวิสกี้อุ่น ๆ ผสมกลิ่นบุหรี่จาง ๆ ยังลอยอบอวลอยู่รอบตัวเขา แต่แปลกที่เธอกลับรู้สึกถึงอุณหภูมิร้อนจากร่างของเขามากกว่า
“คะ… คุณเอเดนปล่อยฉันก่อน คุณเมามากแล้ว”
“ไม่เมา” เขาตอบทันที ทั้งที่น้ำเสียงแหบพร่าและลมหายใจอุ่นร้อนบนแก้มเธอแทบจะฟ้องว่าเขาเมามากแค่ไหน
แต่น้ำเสียงนั้นมั่นคงจนลินาใจสั่น
เอเดนก้มลงเล็กน้อยเงาของเขาทาบทับเธอ ลินาเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ และนั่นคือจังหวะที่ปลายจมูกของทั้งคู่เฉียดกันเพียงเสี้ยววินาที ดวงตาทั้งสองคู่สบกันตรง ๆ ความเงียบในโถงทางเดินดูเหมือนหยุดหายใจไปด้วย
เอเดนโน้มหน้าลงมาช้า ๆ แล้วกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่นหนักแน่นกว่าที่ควรสำหรับคนเมา และอ่อนโยนกว่าที่ควรสำหรับคนเย็นชาอย่างเขา ลินาตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงจนน่ากลัว เธอพยายามจะดันหน้าอกเขาออก แต่เอเดนกลับกอดแน่นขึ้นอีกนิด ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อยคล้ายต้องการย้ำว่าเขาต้องการเธอมานานแค่ไหน จูบแรกที่เต็มไปด้วยความลังเล ความกลัว และความรู้สึกที่เขาซ่อนไว้ตลอด
เอเดนเป็นคนผละออกก่อนเพียงระยะห่างแค่ปลายลมหายใจดวงตาคมของเขายังจ้องลินาไม่หลบ ก่อนเขาจะกระซิบเสียงพร่า
“อย่าให้ใครมองแบบนั้นอีก เข้าใจไหม??” ลินาหน้าแดงจัด ริมฝีปากยังอุ่นจากจูบเมื่อครู่ เธอยกมือแตะริมฝีปากด้วยความตกใจปนสับสน
“คุณเอเดน ทะ... ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ” เอเดนยกมือขึ้นแตะกรอบหน้าเธอเบา ๆ นิ้วโป้งไล้แก้มเธออย่างแผ่วราวกับกลัวจะทำให้เธอตกใจ
“ขอโทษ…” เขาพูดช้า ๆ “…แต่ฉันหยุดตัวเองไม่ได้จริง ๆ” ลมหายใจของทั้งคู่ปะปนกันในระยะใกล้จนแทบไม่มีช่องว่าง ลินาไม่รู้ตัวเลยว่าความเงียบที่เธอไม่ตอบนั้นทำเอาเอเดนยิ่งเผลอใจมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก