เอเดนตั้งใจจะยืนดูเธอเฉย ๆ แต่คำว่า ‘เฉย’ ไม่เคยมีอยู่จริงสำหรับเขา โดยเฉพาะตอนที่ลินาเริ่มเข้าสู่เฟรมถ่ายจริง ๆ ทีมงานผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปใกล้เธอ มือใหญ่แตะที่เอวเธอเบา ๆ เพื่อปรับองศาตัวให้รับกับแสงแดด แค่ปลายนิ้วชนผ้า เอเดนกลับรู้สึกเหมือนมันแตะลงบนผิวเขาเองเส้นเลือดข้างขมับเขาเต้นตุบ ๆ อย่างเห็นได้ชัด
“จับทำไม??” เขาพึมพำเสียงต่ำจนซีออนที่ยืนข้างหลังขนลุกไปทั้งตัว
“เขา… เขาแค่จัดท่ากันเองครับนาย งานถ่ายแบบก็...”
“จัดด้วยการเอามือไปจับเอว??” น้ำเสียงเอเดนฟังดูนิ่ง แต่แฝงคมมีดไว้เต็มประโยค ซีออนรีบหดคอแทบจะหายไปกับคลื่นทะเล
“เอ่อ… ปกติ… ก็ต้องแบบนี้แหละครับนาย เขาไม่ได้คิดอะไรนอกจากงาน” ตาเอเดนหรี่ลงช้า ๆ ขณะเห็นอีกคนยกมือไปแตะแผ่นหลังลินาอีกครั้งเพื่อให้เธอแอ่นรับแสง ปลายนิ้วนั้นลากบนผ้าบริเวณสะบักเธอแค่เสี้ยววินาทีแต่สำหรับเอเดนเหมือนมันช้าเป็นชั่วโมง
ปึ่ก!! กำปั้นเอเดนกระทบประตูรถด้านหลังอย่างหงุดหงิดจนซีออนสะดุ้งเฮือก ใต้แว่นกันแดดแววตาเอเดนมืดลงจนซีออนรู้สึกเหมือนอุณหภูมิรอบตัวลดลงทันที
“จะจับกันอีกนานไหม” เอเดนกัดฟันพูดเบา ราวกับตำหนิอากาศชายคนนั้นยังยืนใกล้ลินาเกินไปใกล้จนผมของเธอแทบจะปัดไหล่เขาเอเดนเผลอขยับเท้าไปข้างหน้าอีกก้าว... ก้าวที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณของคนหวงแบบไม่รู้ตัวซีออนรีบคว้าแขนเขาไว้แทบไม่ทัน
“นาย!! ใจเย็นครับ ใจเย็นนิดนึง เขาทำงานอยู่!!” เอเดนตวัดสายตาหันกลับมามองซีออนทันทีที่พูดจบ สายตาที่ทำให้ซีออนเหมือนโดนจับเหวี่ยงลงทะเล
“มึงอยากลงไปนอนเล่นบนทรายไหม?? ไอ้ซีออน!!” น้ำเสียงเรียบจนคนฟังหนาวขึ้นมาเฉียบพลัน
“ไม่ครับ!! ผมอยากยืนอยู่แบบนี้แหละครับ!!” ในจังหวะนั้นเอง ลินาเงยหน้าอีกครั้ง ดวงตาหวานเธอกวาดไปทั่วก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ของเอเดนที่ยืนอยู่ด้านข้างเธอชะงักนิดเดียว แววตาที่ส่งมาหาเขาเหมือนถามว่า “มาทำอะไรที่นี่??”
เอเดนยืนนิ่งแต่ปลายคิ้วคลายลงเพียงเล็กน้อยทว่าเมื่อชายทีมงานขยับมือแตะไหล่เธออีกครั้งเพราะต้องปรับท่า… เพียงเท่านั้นควันในหัวเอเดนก็ลุกเป็นไฟอีกระลอกเขากัดฟันกรอดจนซีออนแอบขยับห่างจากเอเดนไปหนึ่งก้าวเพื่อรักษาชีวิตตัวเองถ้าไม่มีใครห้ามแค่ไม่ถึงสิบวินาทีเขาคงเดินดิ่งไปกระชากมือไอ้ผู้ชายคนนั้นออกแล้ว
เอเดนไม่รอให้ถึงสิบวินาที และไม่ถึง สาม ด้วยซ้ำ ทันทีที่ปลายนิ้วของทีมงานชายเลื่อนจากหัวไหล่ลินาลงสู่ท่อนแขนเหมือนจะช่วยจัดองศาให้ถูกแสงโลกทั้งใบของเอเดนเหมือนดับไฟลงแล้วเหลือเพียงสีแดงเข้มในม่านตา
หมับ!! ซีออนยังไม่ทันจะร้องห้ามเอเดนก็สะบัดแขนออกจากมือเขาก้าวขาเหยียบทรายไปข้างหน้าแบบไม่สนว่ากองถ่ายจะกำลังทำงานอยู่หรือไม่ เสียงคลื่นยังซัด แต่คนในบริเวณนั้นเหมือนถูกปิดเสียงทั้งหมดเพราะร่างสูงใหญ่ของเขาเดินตรงเข้าไปด้วยแรงกดดันที่โคตรชัดเจน ทีมงานหลายคนชะงักมือช่างกล้องที่กำลังปรับเลนส์ค้างกลางอากาศผู้กำกับที่กำลังจะสั่งช็อตต่อไปเผลอกลืนน้ำลายลงคอ
เอเดนเดินเข้าไปจนถึงจุดถ่ายก่อนจะยืนคั่นกลางระหว่างลินาและทีมงานชายอย่างไม่พูดสักคำ เหมือนกำแพงสีดำสูงสองเมตรที่ปิดท้องฟ้าไปครึ่งหนึ่ง ชายทีมงานเงยหน้าขึ้น มองเอเดนอย่างงง ๆ
“เอ่อ คุณคือ...”
“ถอย” น้ำเสียงต่ำมากแต่มีน้ำหนักพอจะกดทรายให้ยุบลงได้ ชายคนนั้นสะดุ้งและถอยออกไปแบบไม่ทันคิด เอเดนยังคงยืนอย่างนั้น แผ่นหลังกว้างของเขาบังลินาไว้จนเธอมองอะไรแทบไม่เห็นนอกจากแผ่นหลังที่แผ่รังสีอารมณ์หึงหวงของเขา ลินาเผลอหลุดเสียงเบา ๆ
“คุณเอเดน??”
เอเดนหันมามองเธอดวงตาภายใต้แว่นกันแดดซ่อนอารมณ์ไว้ไม่มิดทั้งโกรธ ทั้งหึง ทั้งคิดถึงปนกันจนแทบแยกไม่ออก
“ทำไมมาถ่ายชุดว่ายน้ำแบบนี้” เขาพึมพำเสียงต่ำพอให้ได้ยินกันสองคน ลินากะพริบตาปริบ ๆ
“ก็… มันเป็นคอนเซ็ปต์ถ่ายแบบทะเลค่ะ” ผู้กำกับพยายามไล่ตามสถานการณ์ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาลินาและเอเดน
“เอ่อ คุณครับ นี่พื้นที่กองถ่าย...” เอเดนหมุนตัวเล็กน้อย แค่พอให้คนทั้งกองเห็นดวงตาเขาจากใต้แว่นผู้กำกับเงียบไปทันที
ซีออนที่วิ่งตามมาหยุดหอบอยู่ไม่กี่ก้าวด้านหลัง ก่อนจะขยับเสื้อสูทให้เข้าที่แล้วจ้องทุกคนด้วยสายตาคมเข้มที่แทบเฉือนอากาศเป็นเส้น
“ทำไมให้ผู้ชายมาแตะตัวคุณลินา??” น้ำเสียงเรียบ เย็น และคมราวใบมีด
ทีมงานชายคนนั้นหน้าเสียทันที เขาก้าวถอยหลังเหมือนสัญชาตญาณจะสั่งว่าไม่ควรเข้าใกล้คนสองคนนี้แม้เพียงครึ่งก้าว เอเดนยังไม่พูดอะไร แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้แม้แต่ลมทะเลยังสงบลงไปชั่วขณะ
ลินาที่เป็นคนกลางยืนอึดอัดอยู่กลางวง เธอไม่เคยเห็นเขาในสภาพที่อารมณ์รุนแรงขนาดนี้มาก่อนผู้กำกับรวบรวมความกล้าขึ้นมานิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“คุณครับ เราขออนุญาตให้เราจัดท่าน้องลินาต่อ...”
“เปลี่ยนเป็นผู้หญิง ห้ามผู้ชายเข้าใกล้หรือแตะตัวเธออีก” เอเดนพูดตัดประโยคเขาแบบไม่สนใจแม้แต่น้อย
เสียงของเขาไม่ดังแต่เฉียบจนเหมือนคำสั่งยิง ซีออนเพิ่มแรงกดดันเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง
“ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกถ่าย” น้ำเสียงซีออนเรียบเย็น แต่ไม่ใช่ข้อเสนอมันคือคำเตือนคนทั้งกองถ่ายนิ่งสนิท
ไม่มีใครกล้ากะพริบตาด้วยซ้ำ
เอเดนก้าวขยับมาบังลินาแบบเต็มตัว แผ่นหลังกว้างของเขาปิดแสงแดดและสายตาทั้งหมดจากกองถ่ายจนหมดสิ้น
เขาก้มมองเธอเล็กน้อย เสียงต่ำจนเหมือนกลืนคำ
“กลับได้รึยัง”
ลินาอ้าปากเหมือนจะบอกว่า ‘ยังถ่ายไม่เสร็จค่ะ’ แต่พอเงยหน้ามองเข้าไปในดวงตาเขาที่เต็มไปด้วยทั้งความห่วง ความหวง และความคิดถึงที่เกินเก็บคำทั้งหมดก็หายไปในลำคอ
“คุณเอเดน ฉันยังถ่าย...”
“พอแล้วสำหรับวันนี้” เขาไม่แม้แต่หันไปมองผู้กำกับน้ำเสียงหนักพอให้สคริปต์ทั้งกองสั่นคลอนผู้กำกับยกมือสั่น ๆ
“ดะ... ได้ครับ เราเก็บงานไว้ถ่ายต่อพรุ่งนี้ วันนี้พอแค่นี้ก่อน เลิกกอง!!” ผู้กำลังร้องตะโกนบอกทุกคนเสียงดัง ก่อนเสียงทีมงานกระซิบกระซาบดังตามหลัง แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แม้ครึ่งก้าวซีออนเดินมาประชิดเอเดนแล้วก้มศีรษะให้
“รถพร้อมแล้วครับ นาย”
เอเดนเอื้อมมือไปจับข้อมือลินาไม่แรง แต่มั่นคง ชัดเจน ราวกับประกาศให้ทั้งชายหาดรู้ว่า ‘เธอเป็นของเขา’ เขาหันไปมองทีมงานชายคนนั้นอีกครั้ง ดวงตาดำลึกภายใต้แว่นยังเต็มไปด้วยแรงหึงที่เดือดจนแทบล้น
“อย่าให้กูเห็นมึงเข้าใกล้เธออีก” ชายคนนั้นตัวแข็งเหมือนถูกตรึงทั้งร่าง
“ครับ… ครับ ครับ!!”
เอเดนพาลินาเดินออกจากจุดถ่ายทำไป โดยมีซีออนเดินประกบด้านหลังในท่วงท่าของมือขวาโหดที่พร้อมจะจัดการทุกอย่างให้บอสเสมอ ลมทะเลกลับมาพัดแต่คนทั้งกองถ่ายยังยืนนิ่งเหมือนโดนพายุลูกใหญ่พัดใส่ไปตรง ๆ
ลมทะเลยังพัดเอากลิ่นทะเลลอยมาเหมือนเดิมแต่บรรยากาศกองถ่ายกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หลังเอเดนพาตัวเองและลินาออกไปด้านข้างเพื่อคุยกันแบบส่วนตัว ทีมงานที่เหลือก็ค่อย ๆ หายใจได้อีกครั้งเหมือนเพิ่งรอดจากพายุทอร์นาโดระดับสิบผู้กำกับยกขวดน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่เพื่อดับอารมณ์ความตื่นเต้นตื่นกลัวของตัวเอง
“โห… พวกนี้ใครวะ มาดมาเฟียตัวจริงเสียงจริง” ช่างกล้องที่ตอนแรกมือสั่นยังถือกล้องแน่น
“ผมสาบานว่าตอนเขาเดินเข้ามา ผมคิดว่าตัวเองกำลังถ่ายหนังมาเฟียไม่ใช่ฟีลลิ้งซัมเมอร์บนชายหาดนะครับ” สไตลิสต์ที่จัดผ้าพันคอให้ลินาก่อนหน้านี้หรี่ตา
“แต่แบบ… เขาหล่อมาก หล่อจนฉันแทบละลายเลย งานดีชนิดที่สายตาเขาที่มองมาฉันรู้สึกบาปเลยที่คิดเกินเลย”
“ผมยังงงไม่หาย ว่าทำไมต้องแรงขนาดนั้น ผมก็แค่จับแขนให้นางแบบเข้ามุมแสงนิดเดียวเอง” ทีมงานชายที่โดนเอเดนพูดใส่ให้ถอยยืนกอดอกถอนหายใจยาวทั้งที่ตัวยังสั่นเพราะความกลัวไม่หาย
“นิดเดียวของนาย แต่ไม่ได้นิดเดียวในสายตาเขานะจ๊ะ” สไตลิสต์หัวเราะคิก อีกคนกระซิบ
“แหม ก็แฟนนางแบบน่ะ โผล่มาแบบพระเจ้าลงมาเหยียบทรายขนาดนั้น”
“เขาเป็นแฟนลินาจริงเหรอ??” ลูกทีมเมกอัพถามตาโต ทุกคนมองหน้ากัน แล้วสไตลิสต์ก็ยักไหล่
“ไม่รู้ แต่แววตาแบบนั้น… ถ้าไม่ใช่แฟน ก็คือเจ้าของชีวิตละจ้า” เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ช่วยคลายความตึงเครียดของกองถ่าย ผู้กำกับส่ายหน้าอย่างปลง ๆ
“เออ!! แต่ฉันบอกไว้ก่อนนะ ถ้าฉันต้องไปขออนุญาตถ่ายต่อต้องคุยกับผู้ชายคนนั้นอีกที… ฉันไม่ไปคนเดียวแน่ ๆ ใครมีแต้มบุญสูงตามมาด้วย” ช่างไฟรีบยกมือขึ้นด้วยความเร็วพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง
“ผมไม่ใช่ครับ ขนาดซีออนยังหน้าดุเป็นร้อย ผมจะรอดเหรอ!!”
“โอ๊ย!! ขำอะ พวกนายกลัวเขาน้อยกว่ากลัวลมทะเลทำผมพังอีก!” สไตลิสต์หัวเราะจนท้องแข็ง ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน ก่อนที่ผู้ช่วยผู้กำกับจะตบบอร์ดเบา ๆ
“โอเค ๆ เมาท์กันพอแล้ว เดี๋ยวรอดู ว่า ‘พายุเฮอร์ริเคนของผู้ชายคนนั้น’ จะจบลงยังไง จะได้ถ่ายต่อหรือล้มกอง” ทีมงานแต่ละคนมองไปทางที่เอเดนพาลินาเดินออกไปและก็ไม่มีใครอยากเป็นคนแรกที่เดินตามไปจริง ๆ