หลังจากผู้คนที่เพิ่งลงมาจากเครื่อง เริ่มทะยอยคลี่คลายไป พลันร่างสูงของชาลีซึ่งกำลังโอบประคองหญิงสาวที่ท้องแก่คนนั้น เดินออกไปมาจากเกต เพื่อเตรียมตัวส่งเธอไปยังรถรับส่ง
พลันก็ต้องสะดุด เมื่อเห็นว่าภรรยากับพี่ชายมารับรอ
"แก้ว..."
เสียงของคนเป็นสามีเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบชักมือออกจากร่างกายของหญิงท้องแก่ แล้วเดินตรงเข้ามาหาเธอ
"คุณมาทำอะไร ผมบอกแล้วไงว่าให้มาตอนสิบโมงครึ่ง"
กานต์แก้งจ้องมองใบหน้าของชาลีด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งกว่าเดิม เขาดูไม่เหมือนสามีที่เธอรู้จักเลยแม้แต่น้อย...
"ถ้ามาตอนสิบโมงครึ่ง ก็ไม่ได้เห็นสภาพนี้สิวะ ไอ้น้องชาย"
ชานนท์กล่าวพลางเดินเข้ามาขนาบกับน้องสะใภ้แล้วยกยิ้มก่อนจะปรายตาไปยังหญิงท้องแก่ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเขา
"ชาลี...ไหนคุณบอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว..."
เธอกล่าวด้วยใบหน้าหวั่นเกรง แต่ดวงตาที่เศร้าหมอง
ไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่า เธอต้องการให้เขาจัดการเรื่องอะไร
กานต์แก้วเห็นแบบนั้นแล้วก็พลันแสยะยิ้ม ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่สามีของเธอเปลี่ยนไปก็เพราะแบบนี้นี่เอง...
"นี่คือเหตุผลที่คุณขอให้ฉันมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นงั้นเหรอ"
เสียงหวานเอ่ยถามผู้เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายเรียบ ๆ ท่าทางเธอเองก็ดูไม่ได้โกรธเคืองอะไรเขามากนัก
เพราะรู้ดีว่า ตัวเองก็ผิด
แต่คิดไม่ถึงว่า สามีจะวางแผนการเพื่อทำลายชีวิตเธอได้ถึงขนาดนี้...ทั้งที่เธอเองก็เป็นภรรยาที่ดีมาตลอดเวลาหลายปี
"ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่..." ชาลีอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร
"ไม่ต้องแก้ตัวหรอก ชาลี ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว"
ชานนท์กล่าวเสริม พลางชูสมาร์ทโฟนขึ้นให้น้องชายดู
"ทั้งประวัติการโกงเงินบริษัท ทั้งประวัติการออกทริปส่วนตัว ที่แกใช้เงินของบริษัทเพื่อพาเลขาส่วนตัวไปเที่ยว จน..."
เสียงห้าวทุ้มตัดบทไปแบบนั้น ขณะที่ดวงตาคมกริบทอดมองไปที่หน้าท้องนูนเด่นของ ภรรยาอีกคน ของน้องชายตัวเอง
"พี่นนท์ พี่ไม่ควรยุ่งเรื่องของผัวเมีย"
พอมีช่องว่าง ชาลีก็รีบหันไปใส่อารมณ์กับพี่ชายทันที
แต่ทว่าชานนท์ไม่ได้สะทกสะท้าน เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วหลุบตามองร่างเล็กของน้องสะใภ้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
"อืม...แล้วแบบนี้ แก้วยังจะกลัวโดนฟ้องอยู่ไหม... ถ้าเกิดรู้ว่าที่จริงแล้ว สามีหาเรื่องฟ้องตัวเอง เพราะต้องรับผิดชอบลูกของผู้หญิงอีกคน เพื่อไม่ให้เด็กคนนี้...เกิดมาเป็นลูกนอกสมรส..."
ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าชานนท์กำลังสุมไฟให้กานต์แก้ว
แถมนอกจากนี้ เขายังมีหลักฐานพร้อมมูลทุกอย่างด้วย
พอถูกตอกกลับมาแบบนี้ ชาลีก็ถึงกับหน้าสั่น
"ไม่เอาน่า... แก้ว เราคุยกันได้ใช่ไหม..."
ระหว่างที่ชาลีพยายามจะขอร้องภรรยาตามกฎหมายนั้น ภรรยาตามพฤตินัยก็พลันเอื้อมมือมาจับวงแขนแกร่งของเขา
"พี่ชาลี...พี่จะเปลี่ยนใจงั้นเหรอ ไหนบอกว่าจะรีบหย่ากับนังผู้หญิงคนนี้ แล้วมาแต่งงานกับหนูไง หนูท้องลูกของพี่อยู่นะ"
แต่แล้ว ชาลีกลับสะบัดมือของผู้หญิงคนนั้นออก
ท่าทางไม่ใยดี ไม่ต่างจากที่เขาเคยทำกับกานต์แก้ว
"หุบปากสักที เพราะเธอชีวิตครอบครัวฉันเลยเป็นแบบนี้"
พอเห็นภาพนั้น แทนที่กานต์แก้วจะหงุดหงิดผู้หญิงอีกคน กลับรู้สึกสมเพชมากกว่า ที่เธอได้ผู้ชายแบบชาลีเป็นพ่อของลูก
"อย่าโทษคนอื่นเลยค่ะ ชาลี..."
เธอกล่าวเสียงเรียบ ๆ ก่อนจะหันไปหาผู้หญิงคนนั้น
"ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะหย่าให้เอง..."
"ไม่นะแก้ว...คะ...คุณลองคิดดูใหม่ดี ๆ สิ พวกเราสองคน..."
ชาลีรีบเอื้อมมือมาจับมือของเธอ พลางกล่าวร้องขออย่างน่าเวทนา แต่ทว่าจู่ ๆ ชานนท์กลับเอื้อมมือมาคว้ามือของเธอออกจากมือของเขา และเอาไปกอบกุมไว้เองเสียเฉย ๆ
ใบหน้าของชาลีพลันแปรเปลี่ยนเป็นงุนงง
...
แต่เพียงชั่วครู่หนึ่ง เขากลับหัวเราะออกมาอย่างเสียสติ
"ฮ่า ๆ ๆ นี่...นี่หมายความว่า...คุณกับพี่นนท์...ฮ่า ๆ"
เสียงหัวเราะราวกับคนบ้า ทำให้กานต์แก้วรู้สึกหดหู่ไม่น้อย หากแต่ว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกเห็นใจเขาเลย
แล้วก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะมานั่งอธิบายให้เขาฟัง
"คุณเข้าใจถูกแล้ว ชาลี คืนนั้น ฉันมีอะไรกับพี่ของคุณ..."
กานต์แก้วตัดสินใจพูดสิ่งที่เขาอยากรู้ออกไปให้เขาได้ยินอย่างชัดเจน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคากันอีกต่อไป
พลันเสียงหัวเราะของชาลีก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความเสียใจ ใบหน้าของเขามีน้ำตา พลางกล่าวต่อคนเป็นภรรยาเสียงสั่น ๆ
"แก้ว...ทำไมทำแบบนี้กับผมล่ะ คุณใจร้ายมากเลยนะ"
ถ้อยคำที่เขากล่าวออกมา แม้จะทำให้เธอรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่กานต์แก้วรู้จักเขาดีเกินกว่า จะอดทนแบกรับความรู้สึกนี้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เธอเป็นคนผิด เป็นคนเริ่มก่อนเสมอ ชาลีไม่เคยผิด ไม่เคยทำอะไรไม่ดี เขาเพียงแค่ทำเพราะเธอ
ประชดประชัน โยนความผิด เอาชนะ...
นั่นคือความรักของชาลี...
หากไม่มีชานนท์ เธออาจจะยังคงจมอยู่ในจุดนั้น
แต่ต่อจากนี้ ไม่ว่าเขาจะตราหน้าว่าเธอร่าน หรือเป็นผู้หญิงมากรักหลายผัว หรือไปว่าร้ายเธอให้ใคร ๆ ฟัง เธอก็จะไม่สนใจ
"ใช่ค่ะ แก้วใจร้าย เพราะงั้น..."
เธอจึงต้องตัดสินใจจบเรื่องราวในครั้งนี้
"เราหย่ากันเถอะนะ ชาลี..."
แม้ว่าเรื่องราวจะยุ่งเหยิงมากแค่ไหน หรือชาลีจะพยายามปั่นประสาทจนทั้งกานต์แก้วและชานนท์แทบจะเป็นบ้าตาย
แต่แล้ว เธอก็ได้รับใบหย่าร้างมาในที่สุด
นับว่าเป็นโชคดีที่ชานนท์คอยให้ความช่วยเหลือเธอตลอด นอกจากจะช่วยบังคับให้ชาลียอมเซ็นใบหย่าแล้ว เขายังช่วยเธอเก็บข้าวของของเธอออกมาจากบ้านหลังนั้นอีกด้วย
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยนะคะพี่นนท์"
กานต์แก้วเอ่ยขึ้น ในระหว่างที่เธอนั่งอยู่บนรถเคียงข้างเขา และกำลังมุ่งหน้าห่างออกไปจากบ้านหลังเดิม ไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ
"ไม่เห็นเป็นไร คนกันเอง..."
เสียงห้าวทุ้มที่ตอบรับเรียบ ๆ แต่ทำให้กานต์แก้วมีรอยยิ้ม
"ต่อไป...แก้วคงจะคิดถึงพี่" เธอกล่าวอย่างไม่ปิดบัง
ชานนท์พยักหน้ารับเล็กน้อย โดยไม่ได้ตอบอะไร
หากแต่ช่วงเวลาที่กานต์แก้วอยู่กับเขา แม้จะไม่มีการพูดคุย หรือการกระทำใด ๆ แต่เธอก็รู้สึกปลอดภัยและสบายใจเสมอ
แต่ตอนนี้ เธอจะไม่รู้ว่าต้องไปเริ่มต้นใหม่ที่ไหนก็ตาม
รถซีดานคันหรู แล่นข้ามผ่านไปหลายจังหวัด ห่างไกลจากเมืองหลวงที่แก้วอาศัยอยู่ร่วมกับ สามีเก่า ออกไปเรื่อย ๆ
ตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งวัน ที่เธอนั่งรถมากับเขาโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง มีเพียงเสียงพูดคุยเล็กน้อย จึงทำให้เธอเผลอหลับไปบนรถของพี่ชายอดีตสามีนั่นเอง
กว่าจะลืมตาตื่นอีกที ก็ตอนที่ชานนท์พามาถึงที่หมาย
ที่แห่งนี้มีลักษณะคล้ายโรงแรมหรือคอนโดหรู สูงเสียดฟ้าติดชายทะเล บรรยากาศเหมาะแก่การผ่อนคลายอย่างมาก
"ให้แก้วนอนโรงแรมเหรอคะคืนนี้"
เธอทอดมองไปยังตึกเบื้องหน้าพลางส่งเสียงหัวเราะ แม้ว่าอันที่จริง จะรู้สึกใจหายอยู่ลึก ๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงมันออกไป
ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ตอบอะไร เมื่อรถจอดนิ่งสนิท เขาก็ลงไปเปิดประตูด้านหลัง แล้วหยิบเอาข้าวของของเธอลงจากรถ
ในใจของกานต์แก้วพลันวูบโหวงมากที่สุดในชีวิต
ทำไมจู่ ๆ อีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถามของเธอ?
"พี่นนท์...ให้แก้วถือของเองไหมคะ..."
เธอแสร้งเอ่ยถามเขาอีกครั้ง ทว่าก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นเดิม
ดูเหมือนว่า ชานนท์จะไม่อยากพูดคุยกับเธอจริง ๆ
สงสัยว่า คงถึงเวลาที่เรื่องทั้งหมดต้องจบลงแล้ว...
ร่างสูงของชายหนุ่มเดินนำเธอเข้าไปภายในโรงแรมแห่งนั้น เขาเข้าไปในลิฟท์ แล้วจัดการกดอะไรเองเสร็จสรรพ
ในที่สุด ลิฟต์ตัวนั้น ก็พาเธอและเขาไปยังชั้นไหนสักชั้น
ที่เธอไม่รู้จัก...
"แก้วควรบอกลาไหมคะ..."
เธอเอ่ยปากกับพี่ชายของอดีตสามี และสามีทางพฤตินัยของตัวเองเพียงแผ่วเบา และหวังว่าจะได้รับคำตอบสักคำ...
"ไม่ควร" และนั่นก็คือคำตอบของเขา...
ความรู้สึกว่างเปล่า และใจหายเกาะกุมหัวใจของกานต์แก้ว เพราะการกระทำของเธอ ในที่สุดเธอก็คงจะไม่เหลือใครจริง ๆ
ในท้ายที่สุด เธอก็ได้แต่ปล่อยตัวเองไปกับลิฟท์ที่มีเขาเป็นผู้นำทาง ท่ามกลางความเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงเคลื่อนตัว
กระทั่งประตูลิฟท์เปิด ชานนท์จึงพาเธอเดินออกไป
ในสายตาของกานต์แก้ว ล็อบบี้ที่นี่ดูแปลกตาจนอดสงสัยไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องเอ่ยปากถามกับชานนท์
"แก้วต้อง...ติดต่อจองห้องตรงไหนนะคะ?"
"ตรงนี้..."
ชานนท์เอ่ยตอบเรียบ ๆ พลางพาเธอเดินเข้าไปในห้องนอน
ทำเอากานต์แก้วงุนงงไปหมด...
เธอได้แต่จ้องมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มนิ่งงัน
จากนั้นจึงสาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง และพบว่าที่แห่งนี้ เป็นชั้นบนสุดของคอนโดหรู หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ เพนท์เฮ้าส์
"มะ...หมายความว่าไงนะคะ"
เธอเอ่ยถามอย่างงุนงง และหวังว่าชานนท์จะไม่ได้จองห้องหรูหราแบบนี้ไว้ให้เธอ เพราะมันเกินงบประมาณที่เธอมีไปมาก
แต่แล้ว ชานนท์ก็หันมาคลี่ยิ้มให้แก่เธอ
ก่อนจะยื่นบัตรเครดิตสามใบ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับที่เขาเคยให้ชาลี มาเบื้องหน้ากานต์แก้ว พลางกล่าวด้วยเสียงนุ่มทุ้ม
"หมายความว่าต่อไป เพนต์เฮ้าท์ที่นี่จะเป็นบ้านของหนู และนี่คือเครดิตค่าใช้จ่าย ใบนี้สามล้าน ใบนี้ห้าล้าน และใบนี้สิบล้าน"
รอยยิ้มพึงพอใจปรากฎบนใบหน้าของชานนท์ เมื่อเขามอบทั้งเพนท์เฮ้าท์หรู ทั้งบัตรเครดิต และทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเธอ
โดยไม่มีข้อแม้อะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?
ขนาดกับชาลี เธอยังต้องจดทะเบียนสมรส และย้ายเข้าไปเป็นแม่บ้านให้เขา เขาจึงจะยอมให้เลี้ยงดูเธอ ในฐานะภรรยา
แต่ที่ชานนทร์ให้มา มันดูวิเศษเกินกว่าจะเป็นความจริง
"ทะ...ทำไมล่ะคะ พะ...พี่นนท์จะทำแบบนี้ทำไม..."
เธอกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
แต่ทว่าชานนท์กลับเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเอาทั้งบัตรเครดิต และกุญแจรถยัดใส่มือเรียวบาง และจ้องมองด้วยแววตารักใคร่
"ต่อจากนี้ไป พี่จะดูแลหนูอย่างดีเอง..."