พี่ชายสามี ก็(เอว)ดีเหมือนกัน ตอนที่ 6 ไปส่งสามี

1739 Words
รุ่งเช้าวันถัดมา แสงอาทิตย์ส่องผ่านแมกไม้ข้างรั้ว สะท้อนเข้ามาผ่านบานหน้าต่าง กานต์แก้วลืมตาตื่นขึ้นในห้องนอนตัวเอง ซึ่งมี ชาลี สามีของเธอ หลับเป็นตายอยู่ข้างกันบนเตียงกว้าง เธอทอดมองเรือนร่างสูงโปร่งของสามี พลันคิ้วเรียวสวยก็มุ่นเข้าหากันอย่างฉงน ก่อนจะเลื่อนมือมาจับดูเนื้อตัวของตัวเอง คล้ายกับต้องการแน่ใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เป็นจริงหรือฝัน และในที่สุด เธอก็ค้นพบว่ามันเป็นความจริง ยังมีร่องรอยรักจากริมฝีปากหยักลึกที่ฝากฝังไว้บนเต้านุ่ม แถมตอนนี้ ตัวเธอก็ยังในชุดซีทรูที่สวมใส่ตอนร่วมรักกับพี่สามี พอคิดขึ้นมาได้แบบนั้น ใบหน้าขาวเนียนก็แดงก่ำขึ้นมา "ไม่เอา ๆ ไม่คิดอะไรเพ้อเจ้อแล้ว" หญิงสาวพูดกับตัวเอง พลางขยับกายบางลงจากเตียงกว้าง แล้วตรงไปยังห้องน้ำ เพื่อชำระล้างร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากอาบน้ำ และแต่งตัวในวอร์คอินโครเซทเรียบร้อย กานต์แก้วก็เดินออกมาจากด้านนอกด้วยเดรสผ้าโปร่งดูสบาย ๆ ดวงตากลมโตก็พลันเหลือบไปเห็นว่า สามีของเธอตื่นแล้ว และกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ จึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ "อืม ๆ ผมรู้แล้ว...ได้ เดี๋ยวผมออกไป" นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ชายหนุ่มกล่าวกับคนในโทรศัพท์ ก่อนเขาจะหันมาเห็นใบหน้าสวยของกานต์แก้วที่ชะโงกมาข้าง ๆ ชายหนุ่มก็พลันดีดตัวออกห่าง พลางลดโทรศัพท์ในมือลง "แก้ว นี่คุณทำบ้าอะไร ไม่มีใครบอกเหรอว่าแอบฟังคนคุยโทรศัพท์มันเสียมารยาท หยุดทำให้ผมหงุดหงิดสักทีจะได้ไหม" ชาลีต่อว่าหญิงสาวผู้เป็นภรรยามาเป็นชุด ทำเอาคนโดนด่าถึงกับสะอึกแทบไม่ทัน ใบหน้าสดใสพลันหมองมัวลงทันตาเห็น "ขอโทษค่ะ แก้วแค่อยากให้คุณดูชุดที่ใส่..." เธอกล่าวอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะสูดลมหายใจ แล้วเงยหน้าขึ้นคลี่ยิ้มให้แก่ผู้เป็นสามีอีกครั้ง หวังว่าเขาจะอารมณ์ดีขึ้น "เป็นยังไงบ้างคะ คุณเคยบอกนี่ว่าชอบให้แก้วใส่ชุดสบาย ๆ ไม่ชอบให้แต่งตัวโป๊ แล้วชุดนี้เป็นไงบ้างคะ... คุณชอบไหม?" ชาลีทอดมองเรือนร่างของภรรยาแล้วพ่นลมหายใจออกมา แววตาของเขาดูเบื่อหน่ายเต็มทน จนไม่อยากแม้แต่จะมองเธอ แต่ไหนแต่ไร กานต์แก้วไม่ใช่ผู้หญิงเซ็กซี่ แม้ว่าพักหลังมาเธอจะชอบสวมใส่ชุดนอนไม่ได้นอน แต่พอถึงเวลาจะทำอะไรกันจริง ๆ เธอก็มัวแต่เขินอาย จนทำให้เขาเสียอารมณ์อยู่บ่อย ๆ ยิ่งเรื่องที่ให้เธอทำอะไรนอกเหนือจากการนอนเป็นขอนไม้ ก็ยิ่งแล้วใหญ่ กานต์แก้วมีดีแค่เป็นผู้หญิงใสซื่อบริสุทธิ์เท่านั้น เธอเหมาะที่จะเป็นแม่บ้าน ไม่ใช่ผู้หญิงบนเตียง "ไม่ล่ะ ผมเห็นบ่อยจนเบื่อแล้ว" ชาลีไม่พูดเปล่า เขาขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เตรียมเดินไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายบ้าง แต่ชั่วครู่ก็พลันชะงักฝีเท้า "จริงสิ ผมว่าจะให้ไปส่งที่สนามบินสักหน่อย" "มีทริปกับลูกค้าเหรอคะ หรือว่า...?" กานต์แก้วที่กำลังจะคิดเข้าข้างตัวเอง พลันก็ถูกเสียงทุ้มต่ำเอ่ยโต้กลับ คล้ายถูกเตะตัดขาเข้าอย่างจัง จนล้มหงายหลัง "ทริปในแผนกน่ะ ไปประมาณสักสองอาทิตย์" ชายหนุ่มกล่าวจบ ก็เดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่รอฟังเลยว่า ภรรยาสาวคนสวยของเขาจะโต้ตอบ หรือเอ่ยถามอะไรหรือไม่ กานต์แก้วได้แต่สูดลมหายใจและพยายามคุยกับเขา "งั้นแก้วเก็บข้าวของกับเสื้อผ้าให้นะคะ" ("ไม่ต้อง คุณลงไปทำกับข้าวเถอะ ผมจัดการเองได้") เสียงทุ้มดังมาจากอีกฝั่งของห้องน้ำ ทำให้หญิงสาวชะงัก และจำใจต้องถอยหลังหนีความเจ็บปวดออกไปจากห้องนอน ภายในห้องครัว กานต์แก้วก็ได้พบกับร่างสูงของใครอีกคนที่คุ้นเคย กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าแบบคนดูแลตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่า แค่ได้เห็นเขา เธอก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว "พี่นนท์ ทำออมเล็ตเหรอคะ?" พลันร่างสูงในชุดกางเกงนอนขายาวกับเสื้อกล้ามก็หันมา พร้อมกับยื่นถ้วยอาหารที่เพิ่งทำเสร็จให้เธอดูด้วยรอยยิ้มบาง "อย่าเรียกออมเล็ตเลย เรียกไข่คนจะถูกกว่า" เสียงทุ้มเอ่ย ขณะที่ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องมองใบหน้าสวยหวานนิ่งงัน คล้ายว่ากำลังตามหาอะไรบางอย่างในแววตาของเธอ เมื่อกานต์แก้วได้สบแววตาวาวโรจน์ เธอก็เผลอกัดปากโดยไม่รู้ตัว พลันความกระสันอยากในกายก็แล่นพลุ่งพล่านไปหมด "บังเอิญจัง แก้วก็ชอบไข่คนเหมือนกันเลยค่ะ..." เธอเอ่ยพลางจับจ้องมองเขาด้วยแววตาวาบหวามไม่แพ้กัน แค่ได้เห็นเรือนร่างล่ำสัน ความรู้สึกที่เธอกักเก็บมานานนับปีก็พุ่งกระโจนออกมา จนมือเรียวกำแน่น แทบห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ดูเหมือนว่าชานนท์เองก็จะรู้สึกไม่ต่างกัน เขาจึงพลันยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ และเอ่ยถามเธอด้วยเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำ "คนไหนล่ะ..." ราวกับว่าถูกพายุอารมณ์พัดถล่ม แค่โดนเขายั่วเย้าเพียงนี้ กานต์แก้วก็รู้สึกวูบวาบในท้องน้อย จนเผลอเบียดเรียวขาทั้งสองเข้าหากันทั้งที่ยืนอยู่ หน้าท้องกลัดเกร็ง หายใจติดขัดไปหมด หากแต่ว่า ยังไม่ทันได้เกิดอะไรขึ้นไปมากกว่านี้ พลันร่างสูงของชาลีก็เดินลงมาจากชั้นสอง และเห็นภรรยากำลังยืนพูดคุยกับพี่ชายของตัวเองจากคนละฝั่งของโต๊ะอาหาร เขาจึงเอ่ยปากด้วยเสียงเรียบเรื่อย ไม่ได้คิดอะไร "แก้ว อาหารเช้าล่ะ?" วจีจากปากสามี ทำให้กานต์แก้วรู้สึกตัว เธอรีบตวัดสายตากลับไปมองชายหนุ่มที่สวมชุดสูทลำลอง พลางกล่าวละล่ำละลัก "อะ...เอ่อ...ขอโทษค่ะ คือแก้ว..." เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ชานนท์จึงเอ่ยปากขึ้นขัดจังหวะ "วันนี้วันหยุดบริษัทนี่ ชาลี แกจะไปไหน?" ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำคาดคั้นของพี่ชาย สีหน้าไม่สบอารมณ์ของชาลีก็พลันแปรเปลี่ยนไปเป็นกระอักกระอ่วนปนไม่พอใจ "เอ่อ ผม... มีทริปดูงานกับแผนก ส่งเรื่องไปตั้งแต่วันก่อน พี่ไม่เห็นหรอกเหรอ?" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเรียบเรื่อยที่สุด ชานนท์พลันเลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างประหลาดใจ เขาพอจะจำได้ว่า ฝ่ายขายของชาลี ยื่นเรื่องขอออกไปดูงานนอกสถานที่มาเมื่อวานนี้ แต่เพราะเรื่องกะทันหันบางอย่างเกิดขึ้น ทำให้เขายังไม่ทันเปิดดูอีเมล และยังไม่ได้ตรวจข้อมูลด้วยซ้ำ แต่น้องชายของเขาก็ดูเหมือนอยากจะไปให้ได้ เพราะแบบนั้น เขาก็ไม่ควรจะขัดใจน้องชาย... "อืม จริงด้วย ฉันมีงานต้องตรวจสอบเยอะ บางทีก็หลงลืม" เขากล่าวตอบไปแบบนั้น ก่อนจะตักอาหารเข้าปาก "พอดีเมื่อกี้ฉันใช้ครัวอยู่ แก้วก็เลยไม่ทันได้ทำอาหารให้แก เดี๋ยวฉันให้เครดิตการ์ดติดตัวไปเพิ่ม แกหากินเอาเองแล้วกัน" ชาลีได้ยินแบบนั้น ความหงุดหงิดบนใบหน้าก็พลันจางหาย ริมฝีปากหยักบางเหยียดยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวไปจากครัว "ก็ดีครับ งั้นเดี๋ยวผมจะไปแล้ว" เมื่อเห็นสามีเตรียมไปหน้าบ้าน กานต์แก้วก็ขยับจะเดินตาม พลันเสียงห้าวทุ้มของพี่ชายก็เอ่ยรั้งคนทั้งสองเอาไว้อีกครั้ง "แกจะให้แก้วไปส่งเหรอ ฉันไปส่งดีกว่ามั้ง" สุดท้าย ทั้งสามคนก็ขึ้นมานั่งอยู่บนรถคันเดียวกัน ชานนท์เป็นคนขับ ชาลีนั่งข้าง ๆ มีกานต์แก้วนั่งอยู่ข้างหลัง พลันรถซีดานคันหรูก็เคลื่อนออกจากบ้านหลังใหญ่ มุ่งตรงไปยังสนามบิน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของพวกเขาไปหลายสิบกิโลเมตร ท่ามกลางความเงียบสงัดจนน่าอึดอัด กานต์แก้วแอบมองใบหน้าของชายทั้งสองคนด้วยความรู้สึกปั่นป่วนวุ่นวายในอก เธอรู้สึกใจหายเล็กน้อย ที่จู่ ๆ ชาลีก็บอกว่าจะไปออกทริปตั้งสองอาทิตย์ โดยไม่บอกเธอล่วงหน้าเลยสักคำเดียว ทว่าอีกใจ ก็รู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้ใช้เวลากับชานนท์ตามลำพังแค่สองคน ทั้งที่ก็รู้ดีแก่ใจว่ามันไม่ควร... "นี่เครดิตการ์ดของฉันในนามบริษัท ใช้ได้ตามสบาย" เสียงทุ้มเอ่ยทำลายความเงียบงัน พลางหยิบเครดิตออกมา แล้วส่งให้น้องชาย โดยดวงตาคมยังจ้องมองถนน ไม่ได้เหลียวไปมองใบหน้าของชาลีแม้แต่เสี้ยวหนึ่งเสียด้วยซ้ำ ทางด้านชาลีเองก็รับมาเงียบ ๆ พลางส่งเสียงตอบในลำคอ โดยที่สายตาของเขา ไม่ได้ละออกจากหน้าจอโทรศัพท์เลย "อืม..." ในใจของกานต์แก้วอยากจะรู้นักว่าในโทรศัพท์ของเขานั้น มีอะไรแอบซ่อนอยู่ แต่เธอก็เพิ่งโดนด่าว่าเสียมารยาทมาจากบ้าน จะให้ทำตัวอยากรู้อยากเห็นอีกรอบ ก็กลัวจะโดนด่าซ้ำสอง สุดท้ายก็ได้แต่อดทนอยู่แบบนั้น กระทั่งไปถึงสนามบิน "ให้แก้วไปส่งนะคะ" เธอเอ่ยอย่างปรารถนาดีพลางก้าวตามสามีลงจากรถไปติด ๆ หวังว่าจะช่วยเอาข้าวของไปส่งหน้าเกต แต่ชาลีกลับส่ายหน้าปฎิเสธแทบจะทันที "ไม่ต้องหรอก รีบกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวเย็นแล้วรถจะติด" เมื่อถูกตัดรอนน้ำใจ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องดื้อดึง กานต์แก้วชะงักฝีเท้า ทอดมองแผ่นหลังชาลีหายไปจนลับตา ชั่วครู่หนึ่ง กระจกบานข้างคนขับก็ถูกเปิดขึ้น พลันน้ำเสียงห้าวทุ้ม ที่เต็มไปด้วยความห่วงใยก็เอ่ย "พวกเราก็...ไปกันเถอะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD