บทนำ

1327 Words
ซัน… “ไอ้ซัน! นั่นมึงใช่ไหม?” เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังขึ้นจากด้านหลังขณะที่ผมเดินออกมาจากท่าเรือแล้ว   “คุณกันต์” ผมหันไปหาเจ้าของเสียงก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา “ผมว่าจะแวะไปหาที่บ้านพอดีเลยครับ ซื้อเครื่องสำอางมาฝากคุณโซดาด้วย” ผมไม่พูดเปล่าแต่ชูถุงกระดาษใบโตที่ด้านในมีเครื่องสำอางแบรนด์ดังให้คนตรงหน้าดูด้วย   “เออขอบใจมาก โซดาน่าจะทำกับข้าวอยู่ที่บ้านน่ะ” คนที่เดินมาตบไหล่ผมเอ่ยบอก “มึงอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิ นาน ๆ ทีจะโผล่หัวมา”   “ครับ ผมว่าจะมาค้างกับคุณกันต์สักคืนน่ะ พอจะมีที่ให้นอนไหมครับ”   “มีดิ กูสร้างบ้านใหม่แล้วนะ หลังใหญ่กว่าเดิมแถมมีตั้งหลายห้อง”   คุณกันต์กับคุณโซดาเป็นญาติฝั่งนายหญิงของผม เราถือหุ้นของผับที่ผมดูแลอยู่กันคนละครึ่ง แต่ผมก็เคารพทั้งสองคนเหมือนเจ้านายแท้ ๆ ของผม ที่ผ่านมาถึงผมจะไม่ได้มาที่นี่เป็นเวลานานนับสิบปีแต่เราสองคนก็ยังคงติดต่อกันเรื่องงานที่ผับอยู่บ่อยครั้งจึงไม่ได้รู้สึกห่างเหินแม้ไม่ได้เจอหน้ากัน   “มึงกลับมารอบนี้ชั่วคราวหรืออยู่ยาวเลยล่ะ” เสียงทุ้มของคนที่เดินกลับบ้านพร้อมกันกับผมหันมาถาม   “อยู่ยาวเลยครับ แต่อาจกลับไปบ้างถ้านายเรียกให้ไปช่วยงาน” ผมหันไปตอบเมื่อเรากำลังพูดถึงงานที่ฮ่องกงของผม   “กี่ปีแล้ววะที่มึงไปอยู่ที่นั่น”   “สิบกว่าปีแล้วครับ”   “นานเหมือนกันนะ” คนข้าง ๆ หันมาพูด “ตอนมึงกลับมาครั้งล่าสุดแล้วบอกจันทร์เจ้าว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก กูเครียดฉิบหาย ลูกสาวกูร้องไห้ฟูมฟายแล้วก็บอกว่าเกลียดมึง ไม่อยากเห็นหน้ามึงทุกวันเลย” คนเป็นพ่อหันมาเค้นหัวเราะเชิงขำขันเมื่อพูดถึงลูกสาวของตัวเองในวัยเด็ก   “นั่นสินะครับ ป่านนี้คุณหนูคงลืมผมแล้ว หายไปนานขนาดนั้น” พอนึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยวัยสี่ขวบที่ชอบทำตัวติดกับผมราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วก็อดใจหายไม่ได้ “วันนั้นคุณหนูร้องไห้ใหญ่เลย แต่ผมก็เลือกที่จะไม่หันกลับไปมอง” ภาพเด็กหญิงตัวน้อยกรีดร้องแทบขาดใจอยู่ด้านหลังยังคงติดตา เสียงร้องไห้ราวกับจะขาดใจยังดังก้องอยู่ในหัวผม หากวันนั้นผมหันกลับไปมองคงเป็นผมเองที่ร้องไห้   “ก็ครั้งนั้นมึงเล่นหายไปตั้งนานไม่ติดต่อกลับมาเลยนี่หว่า พอจะติดต่อกลับมาก็คุยเกี่ยวกับงาน แถมไม่ยอมคุยกับลูกกูเหมือนทุกครั้งที่มึงไป”   “ก็ทุกครั้งที่ไปผมรู้ว่าจะต้องกลับมานี่ครับ แต่ครั้งล่าสุดรู้ว่าไม่ได้กลับมาเลยเลือกที่จะไม่คุย”   “ใจร้ายฉิบหาย มึงเป็นผู้ชายคนแรกเลยนะที่ทำลูกกูร้องไห้เนี่ยไอ้เวร”   “ขอโทษครับ แต่ตอนนั้นผมแค่ไม่อยากได้ยินเสียงคุณหนูน่ะ ภาพวันสุดท้ายที่เจอกันยังติดตาผมอยู่เลย” ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อใบหน้าขาวเนียนของคุณหนูตัวน้อยนั้นลอยเข้ามาในหัว “ถึงผมจะเย็นชากับผู้หญิง แต่สำหรับนายหญิงตัวน้อยที่ผมเลี้ยงมากับมือก็เป็นข้อยกเว้นนะครับ ถ้าวันนั้นผมหันกลับไปคงเป็นผมนี่แหละที่ร้องไห้แทนคุณหนู”   “ก็ดี… อย่างน้อยมึงก็ยังมีความรู้สึกเหมือนคนอื่นอยู่บ้าง” คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ หันมาพูดก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านเมื่อเราสองคนเดินมาถึงบ้านคุณกันต์แล้ว “ว่าแต่กลับมาคราวนี้มึงคงเลิกกวนประสาทกูแล้วใช่ไหม” คนที่เดินออกมายังห้องนั่งเล่นเอ่ยถามก่อนจะวางแก้วน้ำดื่มลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าผม   “ขอบคุณครับ” ผมเอ่ยบอกก่อนจะกระดกแก้วน้ำดื่มลงคอแล้วถามต่อ “เรื่องที่ผมชอบพูดว่าเจ้าสาวของผมต้องเป็นคุณหนูน่ะเหรอครับ” ผมถามติดตลกเมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ สมัยเรายังเป็นวัยรุ่นอยู่ ผมชอบพูดเล่น ๆ ว่าจองลูกสาวคุณกันต์ไว้เป็นเจ้าสาว แล้วเราก็จะทะเลาะกันบ่อย ๆ    “ก็เออสิวะ ไอ้ห่าตอนนั้นกูแทบเป็นประสาท” คนที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามพูดออกมาด้วยท่าทางเซ็ง ๆ “มึงรู้ไหมว่ากูภาวนาในโซดาคลอดลูกชายทุกวันเลยนะ มึงจะได้เลิกกวนประสาทกูสักที”   “นี่คุณกันต์คิดอะไรอยู่ครับ คุณหนูกับผมห่างกันสิบกว่าปีเลยนะ”   “เออ ก็ตอนนั้นกูลืมคิดไง แล้วมึงก็ชอบปั่นประสาทกูจนต้องคิดตาม”   “ขอโทษครับ” ผมพูดไปขำไป เพราะไม่คิดว่าคำพูดหยอกล้อของตัวเองในวันนั้นจะทำให้ผู้ชายใจร้ายที่กำลังจะกลายเป็นพ่อคนต้องเครียดขนาดนี้   “พ่อขา~ ยัยหนูของพ่อขากลับมาแล้วค่า~”   “…” ขณะที่เรากำลังคุยเรื่องความหลังครั้งยังเป็นวัยรุ่นกันอยู่ เสียงหวาน ๆ ของใครบางคนก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างบางในชุดมัธยมปลายวิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่ผมกับคุณกันต์กำลังนั่งคุยกันอยู่   “ว่าไงยัยหนูของพ่อ วันนี้ทำไมกลับช้าล่ะลูก”   “อ๊ะ! ขอโทษค่ะหนูไม่รู้ว่าพ่อขามีแขก” คนที่ทิ้งตัวนั่งลงบนตักผู้เป็นพ่อชะงักไปเมื่อหันมาสบตากับผมเข้าพอดี “สวัสดีค่ะ” คนที่นั่งบนตักผู้เป็นพ่อทักทายผมพลางยกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อมต่างจากตอนเป็นเด็กราวกับเป็นคนละคน   สิบกว่าปีที่ไม่ได้เจอหน้า… ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงหรือพูดคุยกัน วันนี้เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง ทว่าแววตาอ่อนโยนที่เคยจ้องมองใบหน้าของผมเมื่อก่อนตอนนี้แปรเปลี่ยนไปราวกับมองคนแปลกหน้า ทั้ง ๆ ที่ผมคอยสอดส่องเธอตามโซเชียลแท้ ๆ แต่พอมาเจอตัวจริงทำไมถึงรู้สึกประหม่าแบบนี้นะ   “ไงมึง?” เสียงทุ้มของคนเป็นเจ้านายทำให้สติผมกลับมาอีกครั้งก่อนที่ผมจะละสายตาออกจากใบหน้าสะสวย “จำหลานตัวเองไม่ได้หรือไง?” คุณกันต์ถามต่อ   “…เปล่าครับ แต่ไม่คิดว่าคุณหนูจะโตเร็วขนาดนี้” ขณะที่ตอบออกไปแบบนั้นก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายกลับสั่นไหวและเต้นเร็วระรัวขึ้นอย่างประหลาด แปลกจังเลย…   “ใครเหรอคะพ่อขา?” เสียงหวานหันไปถามผู้เป็นพ่อขณะที่ร่างเล็กยังคงนั่งบนตักผู้อาวุโสกว่า   “หนูจำอาซันไม่ได้เหรอลูก” คนเป็นพ่อตอบและถามกลับในประโยคเดียวกันพลางเลิกคิ้วใส่ผมด้วยความแปลกใจไม่ต่างจากผม   “...ซันไหนคะ?” เจ้าของใบหน้าสะสวยเอียงคอถามกลับก่อนจะหันมาขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิดใส่ผม   “ก็คนที่หนูเคยบอกว่าอยากเป็นเจ้าสาวให้ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ไง แล้วก็เป็นคนที่ส่งของขวัญปีใหม่กับของขวัญวันเกิดมาให้หนูทุกปีไงลูก”    “...เป็นคนที่หนูชอบตอนเด็ก ๆ เหรอคะ?”    “ใช่แล้วลูก”   “อ๋อ... ถ้าเป็นคนนั้นหนูเลิกชอบไปนานแล้วค่ะ”   “…”   “ตอนนี้สเปคหนูเปลี่ยนไปแล้วค่ะพ่อ หนูเลิกชอบคนแก่แล้วค่ะ”   “…” หึ! มาจีบเขาไว้ตั้งแต่ยังเด็ก พอโตขึ้นมาบอกเปลี่ยนสเปคแล้วงั้นเหรอ?      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD