ซัน…
หลังจากที่ทะเลาะกับคุณหนูตัวน้อยได้สักพัก ผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้แล้วอุ้มคุณหนูเข้ามายังร้านอาหารในโรงแรม วันนี้นอกจากจะเป็นการทานมื้อเย็นด้วยกันมื้อสุดท้ายแล้ว ยังเป็นวันที่ผมจะได้อยู่กับคุณหนูเป็นวันสุดท้ายด้วย เพราะพรุ่งนี้ผมต้องกลับกรุงเทพฯ เตรียมตัวบินไปทำงานที่ต่างประเทศตามคำสั่งของเจ้านาย ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งเพราะผมคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีก ยังดีที่คืนนี้ได้นอนค้างที่บ้านคุณหนูทำให้มีเวลาเล่นด้วยกันมากขึ้น
เช้าตรู่วันต่อมา…
“ที่ย้าก~ อยู่ไหนค้า~” เสียงสดใสของใครบางคนเรียกผมก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งลงมาจากชั้นบนของบ้านโดยมีผู้ปกครองทั้งสองเดินตามหลังมา
“ทำไมวิ่งแบบนั้นล่ะครับ เดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก” ผมดุคนตัวเล็กที่วิ่งเข้ามาหาขณะที่เจ้าตัวกำลังปีนขึ้นมานั่งบนตักผมซึ่งนั่งรออยู่บนโซฟาก่อนแล้ว
“เมื่อคืนเราเจอกันในความฝันด้วยน้า~” คนบนตักเอ่ยเสียงใสพร้อมทำตาแป๋วใส่
“เหรอครับ แล้วในความฝันเราทำอะไรอยู่ครับ”
“จันทร์เจ้าวิ่งไล่จับกับที่ย้ากด้วยแหละ ที่ย้ากวิ่งหนีจนมีเหงื่อออกเยอะแยะเลยค่า~”
“เหรอครับ…” ความฝันแบบนั้นผมก็เคยฝันเหมือนกัน แต่มันเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว… สมัยที่คุณหนูยังอยู่ในท้องคุณโซดาโน่น
พอคุณโซดาบอกว่าตัวเองท้องผมก็เริ่มฝันว่ามีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักน่าชังสวมชุดกระโปรงสีขาวมาวิ่งไล่จับผม เธอเข้ามาวิ่งไล่ผมในฝันทุกคืนจนผมแทบไม่ได้นอน… ไม่คิดว่าวันหนึ่งเด็กผู้หญิงที่วิ่งไล่ตัวเองในฝันวันนั้นจะเป็นเด็กผู้หญิงที่นั่งทำตาแป๋วอยู่บนตักผมตอนนี้ ใบหน้าที่เหมือนกันไม่มีที่ติกับเด็กผู้หญิงในฝันทำให้ผมได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่าเพราะอะไรผมถึงฝันแบบนั้น
“ที่ย้ากจะกลับกรุงเทพแล้วเหรอค้าา~” คนบนตักเอียงคอถามเสียงใสพลางชี้นิ้วไปยังกระเป๋าสะพายที่ผมเอาใส่เสื้อผ้ามาวางอยู่ข้างตัว
“…ครับ”
“ไปแล้วก็รีบกลับมาอีกน้าค้า~ กลับมาเล่นกับจันทร์เจ้าน้า~”
“…”
“ถ้าจันทร์เจ้าโตขึ้นเราแต่งงานกันนะค้า~ แต่งงานเหมือนเจ้าหญิงกับเจ้าชายในนิทานที่ที่ย้ากเล่าให้ฟังเมื่อคืน”
“เจ้าหญิงกับเจ้าชายเขารักกันครับเลยแต่งงานกันได้ แต่คุณหนูกับผมน่ะ… / จันทร์เจ้าก็ร้ากที่ย้ากไงค้า~” เสียงสดใสเอ่ยแทรกพลางเอื้อมมือมาแตะแก้มผมเบา ๆ
“เป็นเด็กเป็นเล็กคุณหนูเอาคำพวกนี้มาจากไหนครับ” ผมปัดมือเล็กออกจากใบหน้าก่อนจะจับคนที่นั่งอยู่ให้ยืนบนตัก
“จากนิทานไงค้า~”
“เฮ้อ! ทีหลังห้ามพูดแบบนี้อีกนะครับ”
“ได้ค่า~ จันทร์เจ้าจะไม่พูดแบบนี้กับใคร จันทร์เจ้าจะพูดกับที่ย้ากคนเดียว”
“ไม่ได้หมายความแบบนั้นครับ”
“จันทร์จะเป็นเจ้าสาวของซันคนเดียว”
“เฮ้อ! เราไม่คุยเรื่องนี้แล้วครับ ผมจะกลับไปทำงานแล้ว” ผมถอนหายใจพรืดใหญ่ออกมาก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กลงจากตักแล้วหยิบกระเป๋าสะพายมาพาดไหล่ไว้
“คุณหนูอยู่ที่นี่ต้องเป็นเด็กดีนะครับ” ผมบอกคนตัวเล็กก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน โดยมีคุณกันต์กับคุณโซดาและคุณหนูตัวน้อยเดินตามมาส่งด้วยเพราะไม่อยากยืดเวลาให้นานกว่านี้ ตอนนี้คุณหนูยังอารมณ์ดีอยู่ผมต้องรีบกลับก่อนเดี๋ยวช้ากว่านี้จะงอแงได้
“จันทร์เจ้าร้ากพี่ซันนะค้า~” เสียงหวานตะโกนตามหลังผมมา “พี่ซันที่ย้ากกลับมาไว ๆ น้า~ จันทร์เจ้าจะรอ~”
“…”
“ยังไม่ได้ไปกินไอติมด้วยกันเลยนี่นา~ กลับมาไว ๆ นะค้า~”
กึก!
สองเท้าของผมชะงักกึกเมื่อนึกถึงคำสัญญาคราวก่อน หากคุณหนูไม่พูดขึ้นมาผมคงลืมไปแล้วเพราะมัวแต่ทำงาน
แต่ว่า…
“คุณหนูไม่ต้องรอผมหรอกครับ” ผมบอกคนตัวเล็กที่ยืนโบกมือให้ผมพร้อมรอยยิ้มในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ “ผมคงไม่ได้ไปกินไอติมกับคุณหนูแล้ว…” แววตาสดใสของคนตรงหน้าหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มสดใสที่เคยประดับบนดวงหน้าน้อย ๆ นั้นค่อย ๆ จางหายขณะที่มือเล็กซึ่งโบกไปมาอยู่กลางอากาศนั้นค่อย ๆ ลดต่ำลง
“ไอ้ซัน เอาดี ๆ นะมึง” คุณกันต์พูดขึ้นพลางมองหน้าผมสลับกับลูกสาวตัวเองไปมาเพราะกลัวว่าคนในอ้อมแขนนั้นจะงอแง
“…ผมคงไม่ได้ไปกินไอติมกับคุณหนูแล้ว” ผมบอกคนตัวเล็กอีกครั้ง
ทั้งที่ตั้งใจว่าจะหายไปเงียบ ๆ แบบไม่บอกกล่าวแต่ทำไมถึงพูดออกมานะ…
“ที่ย้ากไปนานเหรอ…” น้ำเสียงแผ่วเบาของคุณหนูตัวน้อยเอ่ยถามก่อนจะพูดต่อ “จันทร์เจ้ารอได้น้า นานก็รอได้ ที่ย้ากไปทำงานให้เสร็จแล้วค่อยกลับมาหาจันทร์เจ้าน้า~”
นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึกเหมือนมีของหนักมาทับกลางอก คำพูดมากมายที่อยากจะพูดอยากจะอธิบายกับคนตัวเล็กถูกกลืนหายไปราวกับมีก้อนเนื้อใหญ่มาอุดที่คอ ไม่เคยรู้สึกจุกในอกแบบนี้มาก่อนเลย…
“ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีก…”
“…”
“…คุณหนูไม่ต้องรอนะครับ”
“…อึก ทำไม?” น้ำเสียงสั่นเครือของคนตรงหน้าทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองใบหน้าน้อย ๆ ทำได้เพียงหันหลังให้แล้วรีบเดินออกมาให้เร็วที่สุดเพราะกลัวใจตัวเอง
“อย่าไปนะ กลับมา… ฮือ ๆ”
“…”
“กลับมานะ กลับมากอดจันทร์เจ้าก่อนฮือ ๆ”
“…”
“ไหนบอกว่าจะทำตามคำสั่งไง ทำไมถึงไม่กลับมา ฮือ ๆ”
“…”
“ฮือ ๆ คนโกหก อึก โกหกทำไม คนโกหก!” เสียงกรีดร้องแทบขาดใจของใครบางคนดังตามหลังมา จนภาพถนนหนทางที่ผมกำลังเดินผ่านไปนั้นพร่าเบลอไปหมด ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ผมจะหวั่นไหวกับเสียงร้องไห้ของผู้หญิงคนไหน ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ผมจะรู้สึกเจ็บปวดเสียใจที่เห็นน้ำตาผู้หญิงที่ไม่ใช่แม่
“คนใจย้าย~ อึก! จันทร์เจ้าเกลียดซัน! ไม่ต้องกลับมาเลยนะไม่ต้องกลับมา! กรี๊ดดด”
“…”
“ไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมา คนไม่ดี ฮือ ๆ”
“…”
“โกหกทำไม โกหกทำไม ฮือ ๆ”