ความเดิม- "ขอโอกาสให้ผมได้คบกับน้องนะครับ และนั่นเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวคุณเองด้วย ความอดทนของคนเรามีจำกัดนะครับ"
………………………………..
"อันนี้ก็แล้วแต่น้องเลยครับ ผมเชื่อในวิจารณญาณของน้องสาวผม เอาเป็นว่าผมให้โอกาสคุณแล้วกัน แต่ถ้าผมรู้ว่าคุณทำร้ายน้องผมไม่ว่าจะทางใจหรือกาย ผมจะไม่ไว้หน้าคุณเหมือนกัน ผมจะสู้จนสุดใจ" กานต์บุรุษกล่าวอย่างหนักแน่น
"ครับ ขอบคุณครับที่ให้โอกาสผม แต่คนที่ถูกทำร้ายทั้งใจและกายไม่น่าจะใช่น้องสาวของคุณเอหรอกครับ หึหึ" เปรมมนัสบอกยิ้ม ๆ
"น้องเป็นลูกคนเดียวครับ" กานต์บุรุษเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมบอกความลับนี้ให้บุคคลภายนอกได้รับรู้นอกจากคนรักแล้วเขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยจนมาถึงวันนี้
"คุณหมายความว่ายังไงครับ คุณกับน้องบีไม่ใช่พี่น้องโดยสายเลือดเหรอครับ" เปรมมนัสถามขึ้นอย่างร้อนรนอยู่ในที
"ครับ ความจริงผมเป็นลูกที่พ่อกับแม่เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะหลังจากที่ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปีก็ยังไม่มีลูกด้วยกันสักที ท่านจึงไปขอผมมาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์เด็ก จนวันนึงเมื่อผมเติบโตขึ้นท่านจึงบอกความจริงให้ผมรับรู้ และต่อมาท่านทั้งสองก็มีลูกเป็นของตัวเอง เป็นเด็กผู้หญิงผิวขาว ๆ ตัวเล็ก ๆ ปากนิดจมูกหน่อยดวงตาเป็นประกายสดใส ผมหลงรักเธอทันทีเมื่อแรกเห็นและปักใจเชื่อว่านี่คือพรหมลิขิตที่คนบนฟ้าส่งเธอมาให้เป็นครอบครัวของผม หลังจากที่พ่อแม่บุญธรรมผมเสียชีวิตไปผมก็ทำหน้าที่นั้นตลอดมาเพื่อประคับคองน้องทั้งใจและกายเพื่อให้น้องเติบโตและสามารถดูแลตัวเองได้และได้พบกับคนที่ดีที่รักน้องด้วยความจริงใจอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ และพร้อมที่จะดูแลน้องไปตลอดชีวิต
ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมานั่งเล่านั่งบอกให้พวกคุณฟังด้วย แต่ผมหวังว่าพวกคุณจะจริงใจกับยัยกุ้งแห้งของผมและไม่คิดทำร้ายเธอ ถึงจะไม่ได้จบลงด้วยการใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แต่แค่เป็นกัลยาณมิตรก็ยังดี" กานต์บุรุษพูดจบก็เงยหน้าขึ้นสูงมองฝ้าเพดานไปเรื่อยเพราะรู้สึกจุกแน่นในหัวอกขึ้นมากระทันหัน
ด้านเปรมมนัสและปกรณ์ที่นั่งฟังนิ่งอยู่นานรู้สึกจุกอกและพูดไม่ออกไปตาม ๆ กัน มันมีทั้งความเศร้าและความประทับใจในคราวเดียวกัน แต่ใครคนนึงก็ได้เอ่ยขึ้น
"ผมสัญญาว่าผมจะไม่ถอดใจถึงแม้น้องจะยอมญาติดีกับผมง่าย ๆ ก็ตามทีครับ และผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมรักน้องบีจากใจจริงและพร้อมจะดูแลเธอในทุก ๆ ด้านครับ" เปรมมนัสเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นหลังจากที่นิ่งอยู่นาน
ด้านปกรณ์ที่รู้สึกจุกอกจนทนไม่ไหวได้แต่ลุกออกไปอย่างเงียบ ๆ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอในสายตา เขาออกมายืนที่หน้าบ้านทำทีเป็นชมนกชมไม้ไปเรื่อย เพราะเป็นเวลาที่นกกากำลังบินกลับรัง บ้างพอถึงรังแล้วร้องเจี๊ยวจ๊าวฟังดูแปลกพิกลระคนน่าเอ็นดู เพราะส่วนใหญ่ชีวิตเขาอยู่แต่ในตึกและห้องแบบปิดเสียส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยได้เห็น ดู ๆ ไปก็เพลินดี
อีกด้านของผู้ที่มาจากห้องครัว
"อานัทล่ะคะอากร เราจะกลับกันได้หรือยังคะ" อัญญารินทร์เอ่ยขึ้นหลังจากสังเกตเห็นผู้เป็นเพื่อนของอาหนุ่มยืนมองทัศนียภาพอยู่นาน
"อ้าวน้องเอ๋ยเองเหรอ อานัทของเรากำลังคุยธุระอยู่กับพี่เอในห้องนั่งเล่นน่ะ อยากกลับบ้านแล้วเหรอ" ปกรณ์เอ่ยถามคนของใจด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"พอดีเกรงใจยัยบีเค้าน่ะค่ะ เห็นบ่นว่าปวดหัวตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว ก็เลยอยากให้เค้าได้พักกินยานอน"
"เอาซิ..นั่นไง อานัทของเราออกมาพอดี" ปกรณ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปส่งสายตาเป็นเชิงถามกับเพื่อนรัก
ด้านเปรมมนัสเข้าใจทันทีได้แต่พยักหน้ายิ้ม ๆ เป็นเชิงบอก
"งั้นพวกผมกลับก่อนนะครับ" เปรมมนัสเอ่ยยิ้ม ๆ
"ครับ ขอบคุณมากครับที่มาส่งยัยกุ้งแห้งแถมยังทำกับข้าวให้พวกเราทานกันอีก/น้องบีมาลาพี่เค้าหน่อยมา" กานต์บุรุษยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับเรียกน้องสาวมาส่งแขกเพื่อรักษามารยาท
ส่วนคนตัวบางเดินออกมาจากในครัวอย่างว่าง่าย
"ขอบคุณค่ะอากร-อานัท/ขอบคุณนะยัยน้องเอ๋ย พรุ่งนี้เจอกัน" กานต์ธิดายกมือกระพุ่มไหว้ผู้ใหญ่ของเพื่อนสาวอย่างรู้มารยาทและหันไปโบกมือส่งยิ้มให้เพื่อนสาวแล้วถอยหลังมายืนข้าง ๆ พี่ชายแล้วพิงศีรษะไปที่ไหล่ของคนพี่อย่างน่าเอ็นดู
ด้านคนที่มองอยู่นึกกังวลใจอยู่เล็กน้อยแต่ต้องข่มใจเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองว่าเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนี้และรักน้องสาวจากใจจริงอย่างที่พูดและเขาเป็นผู้ชายที่มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน
"เดี๋ยวผมไปส่งที่ประตูครับจะได้เปิดประตูรั้วให้ด้วย/เรารออยู่ในบ้านนี้แหละไหนบอกปวดหัวก็ไปหายากินนู่นไป" กานต์บุรุษเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับโยกศีรษะทุยของน้องสาวออกจากไหล่เบา ๆ และเดินตามแขกผู้มาเยือนไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าประตูรั้ว จึงเอ่ยขึ้น
"เดือนหน้ายัยกุ้งแห้งจะครบยี่สิบปี ถ้าไม่รังเกียจก็เชิญนะครับ เป็นวันหยุดพอดี ผมจะพาน้องไปทำบุญที่วัดถือเป็นการทำบุญให้พ่อกับแม่ด้วย แล้วก็มีทำอาหารกินกันในครอบครัวไม่ได้เชิญใครหรอกครับ" กานต์บุรุษเอ่ยยิ้ม ๆ
"ได้ครับผมดีใจที่คุณเอบอก ผมจะมาแน่นอนครับ" เปรมมนัสบอกอย่างจริงใจและเปิดประตูรถขับออกไป โดยมีรถของปกรณ์ขับตามไปติด ๆ