ความเดิม- "ได้ครับผมดีใจที่คุณเอบอก ผมจะมาแน่นอนครับ" เปรมมนัสบอกอย่างจริงใจและเปิดประตูรถขับออกไป โดยมีรถของปกรณ์ขับตามไปติด ๆ
…………………………………….
หนึ่งเดือนผ่านไป
หลังจากวันที่เปรมมนัสได้ไปส่งกานต์ธิดาที่บ้านครั้งล่าสุดนั้นและได้พูดคุยอย่างเปิดใจกับพี่ชายของเธอ จากนั้นเป็นต้นมาชายหนุ่มก็ได้ไปรับ-ไปส่งเธอทุกวันโดยได้รับความเห็นชอบจากพี่ชายของเธอ ถ้าวันไหนเขาไม่ว่างก็จะเป็นรถที่บ้านของเขาที่ต้องไปรับไปส่งอัญญารินทร์ที่มหาวิทยาลัยอยู่แล้วแวะมารับมาส่งให้แทน ส่วนกานต์ธิดาเองก็ได้แต่ยอม ๆ ไป เพราะไม่รู้ว่าจะหาเหตุอะไรมาปฏิเสธในความหวังดีนี้ได้ในเมื่อเพื่อนสาวของเธอออกโรงเสียขนาดนี้
กานต์ธิดาพาร์ท
{วันนี้เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์และที่สำคัญเป็นวันคล้ายวันเกิดของน้องบีครบยี่สิบปีบริบูรณ์ พี่เอบอกว่าจะพาไปวัดถวายเพลพระที่วัด และทำบุญให้พ่อแม่ด้วย น้องบีตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อเตรียมข้าวของ และรอพี่เอที่ไปรับกับข้าวขนมที่สั่งทำไว้ที่ตลาดเพื่อนำไปถวายเพลพระ นับเป็นอีกวันในรอบหลาย ๆ ปีที่เราสองพี่น้องจะได้ไปทำบุญที่วัดด้วยกัน }
@เช้าวันหยุด
กานต์ธิดาที่กำลังนั่งรอพี่ชายไปรับอาหารเพื่อเอาไว้ไปถวายภัตตาหารเพลที่วัดแต่ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถยนต์คันหรูที่คุ้นตาขับจอดที่หน้าประตูรั้ว และสักพักก็เห็นเพื่อนสาวตัวดีของเธอลงมาจากรถโบกมือหวอย ๆ ให้มาเปิดประตูรั้วให้เพราะประตูถูกล็อคจากข้างใน
..ยัยบี เปิดล็อคให้หน่อยเดี๋ยวเลื่อนประตูเองมาไขกุญแจให้ก็พอ.. อัญญารินทร์ร้องลั่นจนได้ยินสามบ้านแปดบ้าน
{นั่นเสียงยัยเพื่อนรุ่นน้องตัวดีตะโกนลั่นไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่อง} กานต์ธิดาได้แต่บ่นในใจพร้อมกับรีบไปหยิบกุญแจแล้ววิ่งเหยาะ ๆ มาเปิดประตูรั้วอย่างไว เพียงแค่เปิดล็อคเท่านั้นประตูก็ถูกเลื่อนโดยคนนอกรั้วอย่างทันทีทันใด วาสนากานต์ธิดา มีแต่คนคอยช่วยเหลืออุปถัมภ์ดีแท้ (ประชด)
"ปะ ไปวัดกัน พี่เอบอกว่าไปรับอาหารแล้วกำลังเอาข้าวของไปที่วัด พอดีเราต้องมาที่นี่อยู่แล้ว ก็เลยแวะรับพาเธอไปวัดเลยพี่เอจะได้ไม่ต้องเทียวมาเทียวไปไง ส่วนวัดพี่เอก็ส่งโลเคชั่นมาให้แล้ว หาไม่ยากหรอก ปะ..ไปกัน อยากไปทำบุญด้วย ใช่มั๊ยคะอานัท" อัญญารินทร์บอกอย่างกระตือรือร้นแล้วโยนส้มให้คุณอาหนุ่มอย่างรู้งาน
"ผมไปด้วยนะ เพราะต้องไปส่งน้องเอ๋ยอยู่แล้ว อีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันหยุดด้วย" เปรมมนัสรับส้มอย่างแม่นเหมาะ
(ปล.ตั้งแต่พี่เปรมมนัสเค้าเปิดใจกับพี่ชายของน้องแล้วจะแทนตัวเองว่าผมกับน้องตลอดเลยค่ะ)
สักพักรถยนต์คันหรูอีกคันก็ขับมาจอดในระยะถัดไป และมีคนที่คุ้นเคยลงมาจากรถ
"หวัดดีครับ สาว ๆ ขออาไปทำบุญด้วยคนน๊า โชคดีจังที่มาทัน" ปกรณ์เอ่ยยิ้ม ๆ แล้วหันมาสบตาเพื่อนรักอย่างรู้ความนัย
"ดีเลย น้องเอ๋ยไปนั่งกับอากรนะคะ หนูได้รับโลเคชั่นจากพี่เอแล้วไม่ใช่เหรอ อากรไม่รู้จักวัดจะได้บอกทาง/ส่วนน้องบีรู้จักทางไปวัดอยู่แล้วก็นั่งไปกับผมแล้วกันจะได้ช่วยบอกทางให้ ตกลงตามนั้นนะ" เปรมมนัสทำทีเป็นพูดเสียงเข้มดูเป็นงานเป็นการแล้วเปิดประตูข้างคนขับให้คนตัวบางเข้าไปนั่งส่วนอีกคนก็ต้องเข้าไปนั่งในรถอย่างปฏิเสธอย่างไรดี
"ได้เลยค่ะอานัท/ตกลงตามนั้นครับ งั้นเชิญคุณผู้หญิงครับ" อัญญารินทร์และปกรณ์ตอบรับเปรมมนัสยิ้ม ๆ แล้วเข้าไปประจำที่ของแต่ละคน
@บนรถ
"ใส่เบลล์ด้วย” เปรมมนัสแกล้งโน้มตัวเข้าไปดึงสายเข็มขัดนิรภัยให้สาวเจ้าจนใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงคืบจนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน ชายหนุ่มแอบสูดลมหายใจเอากลิ่นเฉพาะตัวของคนตัวบางเข้าจนเต็มปอด
"…….." คนตัวเล็กได้แต่นั่งตัวเกร็ง
"เป็นอะไร นั่งนิ่งยังกะหิน ดูทางให้ด้วยล่ะยัยกุ้งแห้ง" เปรมมนัสทำทีเป็นบ่นให้ดูขำ ๆ เพื่อละลายพฤติกรรมและได้ผลชะงัก คนตัวบางเริ่มหันไปมองซ้ายและขวาบ้างแล้ว
"ออ..ค่ะ ขับตรงไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรจะเห็นไฟแดงข้างหน้าแล้วเลี้ยวขวาเลยค่ะ"
"ดีมากค่ะสาวน้อย" เปรมมนัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแล้วหันไปสบตาคนตัวบางเพียงครู่แล้วมองตรงหน้าต่อไป
สองหนุ่มใหญ่ขับรถตามกันไปเรื่อย ๆ ก็มาถึงวัดในชุมชนแห่งหนึ่งเขาเลือกที่จะจอดรถใกล้ ๆ ศาลาการเปรียญ และพากันลงรถและเดินเข้าไปด้านในศาลา
กานต์ธิดาเดินเข้าไปในศาลาพยายามมองหาพี่ชาย แต่พบชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาดี กำลังจัดชุดอาหารหวานคาวและน้ำเปล่าเพื่อเตรียมถวายพระอยู่
"เอ่อ พี่คะสวัสดีค่ะพี่เอละคะ" กานต์ธิดาเข้าไปถามชายหนุ่มพร้อมกับยกมือกระพุ่มไหว้อย่างนอบน้อม
อีกด้านของผู้มาจากข้างนอก
"อ้าว..น้องบีมาแล้วเหรอ พี่ออกไปทำความสะอาดเจดีย์ของพ่อกับแม่มาน่ะ เวลาพระท่านเดินไปบังสุกุลจะได้สะดวก ๆ หน่อย" กานต์บุรุษบอกยิ้ม ๆ
"อ๋อ..เหรอคะ ไม่รอหนูเลยหนูอยากช่วยบ้าง" กานต์ธิดาบ่นหน้าเง้า
"ไม่ต้องหรอก ไปก้ม ๆ เงย ๆ กลางแดดมันร้อนเดี๋ยวจะวูบเป็นลมเป็นแล้งไปอีก เลยไม่ต้องทำบุญกัน" คนพี่พูดกลั้วหัวเราะแล้วเดินมาวางมือบนศีรษะทุยของน้องสาวแล้วโยกไปมาเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดู
"เอ พระมาแล้ว ลุงมัคทายกจะพานำถวายภัตตาหารเพลแล้วมานั่งเถอะ"
"อือ../เชิญทุกคนเลยนะครับ" กานต์บุรุษรับคำคนสนิทและเอ่ยเชิญแขกในงานมานั่งถวายฯ ด้วยกัน