ความเดิม- "แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วครับ ส่วนอีกคนที่ฟังอยู่เค้าคงหมดกังวลเรื่องน้องสาวของเขาเช่นกัน ขอบคุณนะครับที่ช่วยตอบคำถามคาใจของผม สบายใจได้ครับ ผมไม่พรากพวกเค้าออกจากกันในตอนนี้แน่นอน อย่างน้อยก็รอให้น้องเรียนจบเสียก่อนแล้วผมจะพาเอไปอยู่กับผมครับ" กวินบอกยิ้ม ๆ แล้วเดินหันหลังแล้วเข้าบ้านไปอย่างไม่เร่งรีบ
……………………………………….
ด้านกานต์บุรุษที่เห็นหน้าจอมือถือเตือนว่ามีข้อความใหม่ ชายหนุ่มจึงเข้าไปอ่านดู จากนั้นเขาต้องอยู่ในห้วงคำนึงของตัวเอง
กานต์บุรุษพาร์ท
{ผมดูคลิปแล้วต้องสะอึก น้ำใส ๆ ไหลรินออกมาจากตาอย่างห้ามไม่อยู่ มันมีความรู้สึกหลากหลายอยู่ในนั้น หนึ่งคือความกตัญญูรู้คุณที่ต้องดูแลลูกสาวคนเดียวของผู้มีพระคุณให้รอดจากปากเหยี่ยวปากกา สองคือความซาบซึ้งใจในความรักที่มั่นคงของคนรัก สามคือความดีใจที่มีผู้ชายอีกคนที่รักน้องสาวคนละสายเลือดที่รักเหมือนสายเลือดเดียวกันอย่างจริงใจและไม่มีข้อแม้ แค่นี้ก็สุขและเพียงพอแล้ว}
จบพาร์ทกานต์บุรุษ
ตัดมาที่กานต์ธิดา ที่กินยาไปได้สักพักแต่เธอไม่ได้ง่วงขนาดนั้นเธอแกล้งทำทีเป็นนอนหลับแต่แท้จริงแล้วเธอยังไม่ได้หลับเลยสักนิด เพียงแต่รู้สึกเพลีย ๆ อยากนอนลงไปแค่นั้นเอง เธอยินเสียงพี่ชายของเธอสะอื้นไห้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่พอจะเดาออก คงต้องรอให้พี่ชายออกไปก่อนแล้วค่อยเช็คกล้องวงจรปิด อาจได้ยินหรือเห็นภาพอะไรบ้าง หญิงสาวคิดแบบนั้น แต่อยู่ ๆ ความรู้สึกของเธอก็ดับวูบไป
เช้าวันใหม่
กานต์ธิดาตื่นนอนในตอนเช้ารู้สึกสดใสมีพลังเต็มปรี่ เธอรีบทำธุระส่วนตัวแล้วลงมาชั้นล่างอย่างไม่รีบเร่งแต่ต้องแปลกใจเพราะได้ยินเสียงคล้าย ๆ มีเสียงคนคุยกันมากกว่า 2 สองที่ดังมาจากหน้าบ้าน
คุณนัทครับเอาลูกไหนดี// เอาลูกนั้นที่ 9 นาฬิกาครับ ใบมันบังอยู่ครับ// โอเคครับเห็นแล้วครับ
กานต์ธิดาได้ยินเสียงคนคุยกันจึงเดินมาตามเสียงและพบว่า เปรมมนัสยืนชี้เป้า พี่ชายของเธอยืนถือตะกร้าทีมีมะม่วงลูกสวยอยู่ในนั้นสองสามลูก และคอยชะเง้อมองคนบนต้นอยู่เป็นระยะ ๆ
ตุ่บ! เป็นกวินที่กระโดดลงจากต้นมะม่วงที่ไม่สูงเท่าไร
"โอเคมั๊ยกาย" กานต์บุรุษถามขึ้นอย่างห่วง ๆ
"ไม่เป็นไรเอ สบายมาก/คุณนัทครับ ทำยำมะม่วงให้ผมด้วยนะครับ" กวินตอบคนรักยิ้ม ๆ และส่งเสียงไปขอเมนูอาหารเพิ่ม
"ได้เลยครับคุณกาย เดี๋ยวมะม่วงนี่ผมเอาไปล้างก่อนนะครับ ปลาน่าจะกรอบได้ที่แล้ว" เปรมมนัสบอกยิ้ม ๆ พร้อมกับรับตะกร้าที่มีลูกมะม่วงจากอยู่สี่ถึงห้าลูกมาถือไว้เสียเองแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่ในจังหวะที่เปรมมนัสกำลังจะเดินเข้าบ้านคนตัวบางก็เดินมาพอดี เธอยกมือไหว้เขาแบบงง ๆ แล้วก็มองหน้าคนนั้นคนนี้ที
"หวัดดีครับน้องบี วันนี้จะมาทำยำปลากรอบให้กินนะ รับรองอร่อย ปลาเสร็จแล้วพักน้ำมันไว้ เหลือแต่น้ำยำ" คนที่มือไม่ว่างค้อมตัวแทนการรับไหว้แล้วพูดจายิ้มแย้มกับผู้มาใหม่สุด ๆ
"อะไรกันคะพี่เอ ทำไมอานัทมาบ้านเราตั้งแต่เช้าเลยละคะ แล้วยัยน้องเอ๋ยล่ะ..มามั๊ย"
"ไม่รู้ซิ ไม่เห็นน้องเอ๋ยนะ"
"เหรอ..คะ แปลก เดี๋ยวหนูไปถามอานัทก่อนนะคะ" หลังจากบอกคนพี่แล้ว กานต์ธิดาก็เดินเข้าไปในครัว ซึ่งพบว่าคนตัวโตล้างมะม่วงเสร็จกำลังปอกเปลือกมะม่วงอย่างชำนะชำนาญ กานต์ธิดาก็เดินเข้ามาจากด้านหลังพอดี
"อานัทคะ ยัยเอ๋ยไม่มาด้วยเหรอคะ" กานต์ธิดาเดินเข้าหาคนที่กำลังปอกเปลือกมะม่วงด้วยมีดปอกเปลือกถึงกับสะดุ้งรีบวางมืออย่างไว
"น้องบี ทีหลังจะเข้ามาก็ดูหน่อยนะ ผมกำลังใช้มีดอยู่ มาข้างหลังไม่ทันเห็นเดี๋ยวผมเผลอวาดมือไปข้าง ๆ มีดไม่ต้องเข้ามือเหรอ" คนตัวโตเอ่ยเสียงเข้มหน้าก็เข้ม (แต่ตัวเองไม่รู้ตัวหรอก)
ด้านคนตัวบางที่เดินเข้ามาใกล้ถึงกับชะงักเท้าแล้วยืนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นไม่พูดไม่จา ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าเธอเสียใจรีบเช็ดมืออย่างลวก ๆ แล้วรวบตัวคนตัวบางเข้ามากอดปลอบอย่างไม่รู้จะทำยังไงให้เธอรู้สึกดีขึ้น
"ขอโทษ ผมเป็นห่วงกลัวว่าจะทำมีดบาดน้องบี ก็เลยพูดไปไม่ทันคิดว่าน้องบีจะเสียใจ ขอโทษ.." เปรมมัสพร่ำพูดคำขอโทษอย่างอย่างนั้นแต่แอบสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากคนตัวบางซึ่งเขารู้สึกชอบอย่างประหลาด
"อ่ะ เอ่อ อานัทคะ คะ..คือ..บีจะมาถามว่ายัยน้องเอ๋ยไม่มาเหรอคะ ไม่ได้เสียใจอะไร แต่ที่หยุดเพราะกลัวมีดในมืออานัทมากว่าค่ะ แฮร่" คนตัวบางละล่ำละลักบอก ทำเอาคนพี่ถึงกับปรับอารมณ์ไม่ทัน
อีกด้านของผู้มาใหม่
"ยัยบีเค้ากลัวมีดน่ะครับ น้องไม่ได้ขวัญอ่อนอะไรนะครับ แต่ที่เห็นใครถือมีดจะกลัว ต้องอยู่ห่าง ๆ ไว้ก่อน เพราะน้องเคยมีประสบการณ์ฝังใจตอนเด็ก ๆ ถูกคนร้ายเอามีดจ่อคอน่ะครับ" กานต์บุรุษเล่ายิ้ม ๆ เขาคิดว่าถ้าชายหนุ่มตรงหน้าคิดจะจริงจังกับน้องสาวของตนเขาควรจะรู้ข้อนี้เอาไว้
"ครับ ผมจะจำไว้ครับ แล้วผมก็พอจะเข้าใจแล้วละครับว่าทำไมน้องบีถึงไม่ชอบทำอาหาร เพราะต้องใช้มีดนี่เอง" เปรมมนัสสรุปเองยิ้ม ๆ
"ครับ ผมได้แต่หวังว่าคุณนัทจะเข้าใจ" กานต์บุรุษเอ่ยสำทับ
"คุณนายของนายเปรมมนัสไม่จำเป็นต้องทำครัวเอง ไม่จำเป็นต้องลำบาก แค่อยู่ข้าง ๆ นายเปรมมนัสคนนี้ก็พอครับ" ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ แล้วหันไปสบตาให้คนตัวบางอย่างลึกซึ้ง