บทที่ 1.3 - เส้นทางชีวิตของคนสองคน (สาวห้าว) (จบตอน)

1070 Words
ข้อตกลงที่เธอยอมรับปากว่าจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ชรันให้เกียรติเธอเหนือใคร ผู้หญิงกี่คนที่ผ่านเข้ามาล้วนแล้วแต่ชั่วคราวตื่นเช้าก็จากไป มีเพียงเธอที่เขาเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี อยากได้สิ่งใดก็ขอให้บอก เงินทองมีให้ใช้ไม่ขาดมือ ทั้งรถและคอนโดฯ เขาก็ซื้อให้เป็นชื่อของเธอทั้งสิ้น แล้วทำไมถึงกล้าทรยศความไว้ใจของเขาได้ลงคอ “ที่ผ่านมาผมเลี้ยงดูคุณไม่ดีตรงไหน คุณตอบผมสิ!” ชรันจับไหล่บางเขย่าถาม เขาแค้นที่ถูกหลอกเหมือนไอ้หน้าโง่ หาใช่ความหึงหวงฉันท์คนรักไม่ “เขมขอโทษ ต่อไปเขมจะไม่ทำอีกแล้ว คุณอย่าทิ้งเขมนะคะ ให้เขมได้มีโอกาสยืนเคียงข้างท่านนะคะ” เขมจิราพยายามจะสวมกอดเขา แต่ชายหนุ่มกลับถอยห่างราวรังเกียจ “คุณรัน…” หญิงสาวครางเสียงแผ่ว น้ำตาไหลรินอาบแก้ม “ในเมื่อคุณผิดข้อตกลง ผมก็ถือว่าคุณพร้อมที่จะไปจากผม!” “พิมพ์ดาวจัดรักยินดีต้อนรับค่า” เสียงหวานใสดุจระฆังแก้วเอ่ยทักทายลูกค้ายามเช้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สองมือสาละวนอยู่กับการจัดช่อดอกไม้เตรียมส่งให้ลูกค้า ใบหน้ารูปไข่เปล่งปลั่งยามได้อยู่ท่ามกลางมวลดอกไม้หอมกรุ่น เปรียบหล่อนเป็นผีเสื้อแสนสวยที่แวะเวียนมาชิมน้ำหวานจากเกสรงาม หญิงสาวหน้าหวานแต่นิสัยห้าวหาญเกินชายถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าลูกค้าที่เธอกล่าวทักทายด้วยความสดใสนั้นเป็นยัยเพื่อนจอมดื้อที่หาเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นวัน “ร้องไห้มาอีกสิท่า” “ฉันไปหาพี่พอลมา” เอมอรปาดน้ำตาทิ้งพลางเบ้ริมฝีปากเป็นเด็กน้อยถูกรังแก หญิงสาวไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินไปสวมกอดเพื่อนรักแล้วซบหน้าลงบนบ่าเล็ก “พี่พอลไม่แคร์ฉันเลย เขา ฮึก… เขากำลังจะแต่งงานกับแม่นางเอกคนนั้น” คนเสียใจพรั่งพรูความปวดร้าวออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร พิมพ์ดาวต้องโบกมือไล่พนักงานให้ออกไปจากบริเวณ “ไปนั่งก่อน” ประคองเพื่อนไปนั่งยังโซฟา หยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้เป็นกำมือ “เช็ดหน้าเช็ดตาซะ ทุเรศซะไม่มีแกเนี่ย” “โอ๊ย! ก็คนมันเสียใจนี่หว่า” เอมอรมองค้อน “มองแรงแบบนี้ก็แสดงว่ายังไม่ตาย” พิมพ์ดาวยกยิ้ม เรียวขางามตวัดไขว่ห้างพลางกอดอกมองแม่คนอกหัก “ฉันจะทำยังไงดี” “แกไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ คนห่วยแตกพรรณนั้นปล่อยมันไปได้กันเองเหอะ เหมาะสมแล้ว ผีเน่ากับโลงผุชัดๆ” พิมพ์ดาวเบ้ปากยามนึกถึงสาธิตและแม่นางเอกจอมฉก รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายมีแฟนอยู่แล้วแต่ก็ยังแย่งไปอย่างหน้าด้านๆ “ฉันเสียดายเวลาที่คบกับเขา ตั้งเจ็ดปีเชียวนะ” เอมอรสะอึกสะอื้น “ฉันว่าแกควรเสียดายเวลาหลังจากนี้มากกว่านะ” “หมายความว่าไง” “เวลาในอดีตเราเรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ แต่เวลาของปัจจุบันและอนาคตเรากำหนดมันได้ แกหยุดคร่ำครวญแล้วเอาเวลาที่เหลือไปเปิดใจรับความรักครั้งใหม่จะดีกว่าไหม” พิมพ์ดาวเตือนสติ แม้เธอไม่เคยมีแฟนจวบจนทุกวันนี้ แต่ประสบการณ์ของคนรอบข้างก็สอนให้รู้ว่าชีวิตคนเรามีค่ามากกว่าจะมานั่งร้องไห้เสียใจให้กับคนที่ทิ้งเราไป ในเมื่ออีกฝ่ายหมดรักต่อให้เอาช้างร้อยโขลงมาฉุดรั้งก็เอาไม่อยู่ คนจะไปยังไงก็ต้องไป สุดท้ายแล้วตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตนเสมอ “แล้วก็ขอเลยนะ ไอ้ประเภทอยากตามหารักแท้ แต่แต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้เดินเข้าผับนี่เลิกคิดไปได้เลย มุขน้ำเน่ายุงชุมมาก” สถานที่อโคจรแบบนั้นน่ะหรือจะมีรักแท้ให้สัมผัส น่าขันสิ้นดี “ก็ฉันเหงานี่” เอมอรว่า เริ่มมีสติมากขึ้นหลังฟังคำเตือนของเพื่อนรัก “เหงาก็มาหาเพื่อนฝูงไหม ทำไม หรือต้องมีแฟนอย่างเดียว ไม่มีไม่ได้” อดไม่ได้ที่จะประชดประชัน “แกนี่มัน…” เอมอรไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย พิมพ์ดาวเป็นผู้หญิงห้าวที่ค่อนข้างพูดตรงและพูดแรงพอสมควร แต่ถึงกระนั้นก็มีความจริงใจมอบให้เสมอมา “ตายห่าล่ะ!” จู่ๆ เจ้าของร้านหน้าหวานก็เด้งตัวลุกขึ้นอย่างไว “ฉันต้องรีบไปส่งดอกไม้ให้ลูกค้า เขาจะเอาไปเซอร์ไพรส์แฟน โอ๊ย! ตายๆ มัวแต่คุยกับแกจนลืมนัดเลยเนี่ย” “เอ้า… มาโทษฉันซะงั้น” เอมอรเกาหัวพลางย่นจมูกใส่ พิมพ์ดาววิ่งวุ่นเตรียมของจนเกือบหกล้มหัวคะมำ เห็นก็อดขำไม่ได้ “ยังจะมีหน้ามาขำอีก” พิมพ์ดาวเครียดจัด ลูกค้าท่านนี้เป็นลูกค้าประจำที่ซื้อหากับเธอมาตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ เลยด้วย “เดี๋ยวขับรถไปส่งนะ” เอมอรเสนอ พิมพ์ดาวส่ายหน้าพลางโยนกุญแจรถบิ๊กไบค์ส่งให้เธอ “ฉันขี่ไม่เป็น” เอมอรหน้าเสีย “ฉันจะขี่เอง แกน่ะช่วยถือดอกไม้ให้ฉันที” ขืนไปรถยนต์ไม่ทันการแน่ ช่วงเย็นแบบนี้ถนนติดลากยาวไปถึงดาวอังคาร ใครว่าอยู่เมืองหลวงแล้วสบาย พิมพ์ดาวคนนี้ขอเถียงสุดใจขาดดิ้นเลยเชียว “แว้นเหรอ” เพื่อนสาวค่อนข้างลำบากใจที่จะซ้อนท้าย “ทำไม กลัว?” พิมพ์ดาวหรี่ตามองอย่างจับผิด “บะ บ้า ไม่ได้กลัว” เอมอรปฏิเสธเสียงสั่น “จะรีบไปก็เร็วๆ เหอะ เดี๋ยวไม่ทันนะ” สาวเจ้าเร่งเร้า พิมพ์ดาวส่งดอกไม้ช่อโตให้เพื่อนถือแล้วเจ้าตัวก็ขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์คันโปรดอย่างคล่องแคล่ว “เร็วๆ สิยัยชะเอม” หันไปเร่งคนที่เก้ๆ กังๆ เพราะดันใส่กระโปรงลากยาวประดุจเจ้าหญิงหลงยุค “ก็มันนั่งไม่ถนัดอ่า แกขี่ช้าๆ นะ” คนไม่เคยนั่งบิ๊กไบค์อดระแวงไม่ได้ “ชักช้าไม่ทันการ เกาะแน่นๆ นะเพื่อนรัก” สาวห้าวบิดข้อมือเร่งเครื่องสุดฤทธิ์ บิ๊กไบค์คันหรูทะยานสู่ท้องถนนอันกว้างใหญ่ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของคนซ้อนท้าย “กรี๊ด! ยัยดาว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD