“แล้วจะเอายังไงต่อเรา แต่งไหม?” ท่ามกลางธรรมชาติรายล้อมไม่ได้ช่วยให้ความเครียดบรรเทาลงได้เลย
“ผมจะหาทางหลีกเลี่ยงให้ถึงที่สุด”
ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะทำเช่นไร รู้เพียงแต่ว่าต้องยื้อเวลาเอาไว้ให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อคิดวางแผนในอนาคต ระหว่างนี้ก็คงต้องพยายามเอาใจมารดาให้มากๆ พูดหว่านล้อมให้ท่านเมตตาแล้วยกเลิกงานแต่งที่เขาไม่เต็มใจ
“พ่อว่างานนี้ยากนะไอ้เสือ” ท่านศุภรุจน์ว่าไปตามจริง นิสัยของศรีภรรยาเป็นเช่นไรเขารู้ดี
“ผมจะทำยังไงดีครับพ่อ” คาสโนว่าหนุ่มเริ่มคิดหนัก หนทางข้างหน้ามืดแปดด้านไปหมด
“ก็ทำตามคำสั่งของแม่เขา”
“พ่อ… แต่ผมไม่อยากแต่งงานกับยัยเด็กอ้วนนั่น”
“แปลว่าถ้าเขาไม่อ้วน ไม่น่าเกลียด ก็จะยอมแต่งว่างั้น” ท่านศุภรุจน์เอ่ยถามพลางหรี่ตามองบุตรชาย
“ไม่ครับ ผมอยากเป็นโสดไปจนวันตาย”
ชรันถือดี ชีวิตที่พ่วงพันธะมากมายเขาไม่เคยปรารถนา การมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนไม่ต่างอะไรกับตกนรกทั้งเป็น เพื่อนพ้องตัวอย่างก็มีให้เห็น พวกมันต้องรีบกลับบ้านหลังเลิกงาน บ้างก็ต้องคอยรับโทรศัพท์รายงานทุกความเคลื่อนไหว อยู่ที่ไหน ทำอะไร ฝ่ายหญิงต้องรู้หมด
น่าเบื่อตายชัก! ชาตินี้ทั้งชาติอย่าหวังว่าเขาจะเป็นแบบนั้น
“สุดท้ายแล้วผู้ชายอย่างเราๆ มันก็ต้องการมีครอบครัวที่อบอุ่นนะลูก เมื่อก่อนพ่อก็คิดแบบแกนี่แหละ อยากสนุก อยากเที่ยว อยากเต็มที่กับเรื่องผู้หญิง แต่พออายุมากขึ้นความคิดก็เปลี่ยนไป เริ่มอยากมีครอบครัว อยากมีภรรยาไว้คอยอยู่เคียงข้างไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข และที่สำคัญ…”
ท่านศุภรุจน์มองหน้าบุตรชายด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความโอบอ้อม
“อยากมีลูก” ฝ่ามือหนาตบลงบนบ่าแกร่ง สัมผัสของพ่อบ่งบอกว่าท่านรักเขามากเพียงใด ชรันเผยรอยยิ้มกว้างที่สุดในรอบหลายวันที่ความเครียดนั้นสุมอก
“บางทีการแต่งงานครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตแกก็ได้นะไอ้เสือ” ท่านศุภรุจน์ไม่อยากให้ลูกมองความหวังดีของคนเป็นแม่ในแง่ลบเสมอไป
“แต่เอาเถอะ เรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ ปลูกเรือนก็ต้องตามใจผู้อยู่ พ่อเข้าใจ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบท่านก็แสดงจุดยืนว่าอยู่เคียงข้างลูกเสมอ
“เรื่องที่ฮ่องกงผมจะรีบบินไปให้เร็วที่สุดนะครับพ่อ”
“ไม่ต้องหรอก” ท่านศุภรุจน์ส่ายหน้า แววตาพราวระยับฉายแววเจ้าเล่ห์บางอย่าง
“อย่าบอกนะครับ…”
“ถ้าไม่ใช้วิธีนี้แม่ของลูกจะยอมหรือ” คนเป็นพ่อภาคภูมิใจที่โกหกศรีภรรยาได้ ชรันเองก็พลอยหัวเราะขบขันไปด้วย
“ว่ากันว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ผมเชื่อแล้วล่ะครับ”
ชรันและบิดามีนิสัยคล้ายคลึงกันหลายอย่าง จึงไม่แปลกที่ท่านศุภรุจน์จะรักเขามากกว่าบุตรชายคนโต ที่ขณะนี้กำลังรับหน้าที่ดูแลธุรกิจส่งออกอยู่ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
“ถ้าเชื่อเช่นนั้นอีกหน่อยแกก็จะอยากแต่งงาน และกลัวเมียเหมือนพ่อ”
เหล่าพนักงานต่างแสดงความเคารพเมื่อร่างสูงสง่าของท่านประธานเดินผ่านหน้า ยามสวมบทบาทเป็นผู้บริหารระดับสูงที่ต้องควบคุมคนนับหมื่น ชรันจะอยู่ในท่าทีสุขุมและจริงจังกับการทำงานเป็นที่สุด สายตาของเขาเด็ดขาดยามออกคำสั่งต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และชายหนุ่มก็ขึ้นชื่อเรื่องความเนี๊ยบมาเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าคิดจะทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เสนองานแบบขอไปทีบอกเลยว่าคิดผิดมหันต์ เพราะนอกจากจะไม่ผ่านการพิจารณาแล้ว บุคคลนั้นๆ อาจถูกเพ่งเล็งจนถึงขั้นถูกปลดออกจากตำแหน่งอีกด้วย
“ขออนุญาตค่ะ” เลขาฯ สาวส่งสัญญาณอย่างมีมารยาท เรือนร่างอ้อนแอ้นย่างกรายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของห้องทำงานกว้างใหญ่ ดวงตากรีดกรายมองเจ้านายหนุ่มด้วยแรงพิศวาสที่ยากจะปิดมิด หล่อนวางแฟ้มงานขนาดใหญ่ลงบนโต๊ะพลางเอ่ยเสียงหวานที่ฟังดูก็รู้ว่าจงใจยั่วเย้าไปในตัว
“รายงานการประชุมเมื่อสามวันก่อนค่ะท่าน”
“ขอบคุณ” น้ำเสียงทุ้มเข้มตอบโดยไม่มองหน้า เลขาฯ สาวถึงกับไปไม่เป็น ปกติเขาต้องส่งสายตาเชิญชวนแล้วรั้งกายเธอเข้าไปกอดจูบ แต่หลายวันมานี้ท่านประธานหน้าหล่อกลับเมินเฉย บางครั้งก็มึนตึงทำราวกับเธอเป็นอากาศธาตุ
“คุณรันคะ เราสองคนไม่ได้…” มือเรียวลูบไล้สันกรามแกร่ง ชรันเบือนหน้าหนีคล้ายรำคาญ
“ผมต้องรีบเคลียร์งาน คุณออกไปก่อน”
วาจาไร้เยื่อใยผิดวิสัย
“อะไรกันคะท่าน ปกติคุณไม่เคยเมินเขมแบบนี้นะคะ”
เขมจิราทนไม่ไหวโพล่งออกมาอย่างลืมตัว ชรันปิดแฟ้มงานเสียงดัง สายตาน่ากลัวเลื่อนมองเธอ จอมโวยวายรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมาชอบกล
“ถามตัวเองดูว่าทำอะไรไว้” น้ำเสียงนิ่งเฉียบไม่ต่างอะไรกับปลายมีดแหลมคมที่ปักลึกลงกลางใจ
หญิงสาวเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ใบหน้าสุดมั่นเผือดสี
“ขะ เขมทำอะไรคะ” เขมจิราแสร้งไม่รู้เรื่อง ชรันเหยียดยิ้มมุมปาก มือหนาดันตัวหล่อนออกห่างก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“คุณทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ อย่าให้ผมพูดเลยดีกว่า มันเสนียดปาก!” นัยน์ตาลุกโชนโทสะ เขมจิราอ้าปากค้าง รีบวิ่งไปสวมกอดชายหนุ่มจากทางด้านหลัง
“คุณรันเขมขอโทษ เขมเหงา คุณไม่ยอมไปหาเขมเลย เขมกลัวว่าคุณจะทิ้งเขม” เมื่อถูกจับได้จึงแกล้งบีบน้ำตาไว้ก่อน มารยาหญิงมีเท่าไรงัดเอาออกมาใช้ให้หมด
“แล้วการที่คุณเที่ยวนอนกับคนนั้นคนนี้ไม่กลัวจะถูกผมทิ้งเลยใช่ไหม!” ชรันตวาดถามเสียงดัง เขาหันมาเผชิญหน้ากับหล่อน หยาดน้ำตาบนแก้มนุ่มไม่อาจช่วยให้เกิดความสงสารแต่อย่างใด
“แต่คุณเองก็มีคนอื่นอยู่ตลอดเวลา” เขมจิราเถียงกลับบ้าง ซึ่งวาจาที่หล่อนเปล่งออกมากลับทำให้ชรันโกรธหนักกว่าเก่า
“เราตกลงกันแล้วคุณเขม ถ้าคุณอยากอยู่ข้างๆ ผม คุณก็ต้องมีผมแค่คนเดียวเท่านั้น”