บทที่ 1.1 - เส้นทางชีวิตของคนสองคน (ผู้ชายเจ้าเล่ห์)

1105 Words
พิมพ์ดาว พยายามประคองร่างอ่อนปวกเปียกของเพื่อนเข้าบ้านหลังอีกฝ่ายเมามายไม่ได้สติ กลิ่นเหล้าลอยปะปนมากับลมหายใจ แสดงว่าดื่มหนักไม่ใช่เล่น คิดแล้วมันน่าตีนัก รู้ทั้งรู้ว่าคออ่อนแต่ก็ยังไม่วาย ดื้อรั้นดื่มจนไม่ได้สติแล้วพลั้งพลาดไปทำเรื่องน่าละอายกับผู้ชายแปลกหน้า ถ้าพ่อแม่ของยัยนี่รู้เข้าต้องอกแตกตายเป็นแน่ “พี่พอลอย่าทิ้งเอมไป ฮึก… อย่าทิ้งเอม” เอมอรคร่ำครวญหาอดีตชายคนรัก พิมพ์ดาวส่ายหน้าพ่นลมหายใจหงุดหงิด ผู้ชายเจ้าชู้ประตูดินมีแต่ทำให้เสียใจจะไปอาลัยอาวรณ์มันทำไม “แล้วเอมจะอยู่ยังไง ฮือ… พี่พอลกลับมา กลับมาหาเอมน้า” เอมอรยื่นไม้ยื่นมือคว้าอากาศคล้ายกับจะรั้งร่างใครสักคนเข้าสู่อ้อมกอด “พอแล้วยัยเอม แกนี่มันบ้าจริงๆ เลย เลิกคิดถึงไอ้เวรนั่นได้แล้ว” พิมพ์ดาวเช็ดหน้าเพื่อนพลางบ่นอุบ “มันมีอะไรดีวะ โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล มาครบทุกองค์ประกอบขนาดนั้นยังจะรักมันอยู่ได้” พิมพ์ดาวนึกถึงความเลวของอดีตแฟนเพื่อนแล้วยิ่งโมโห สาธิต เป็นนายแบบชื่อดังระดับประเทศ ก่อนเข้าวงการได้คบหากับเอมอรตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งสองรักกันมาก เป็นที่น่าอิจฉาของทุกคนในคณะ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เรียกได้ว่าดีมากถึงมากที่สุด ขนาดที่ว่าวาดฝันจะแต่งงานสร้างครอบครัวร่วมกัน แต่แล้วความหวังเหล่านั้นกลับพังทลายเมื่อเอมอรถูกบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใย สาธิตที่ตอนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเขาเลือกที่จะคบหากับนางเอกแถวหน้าของประเทศ และทอดทิ้งผู้หญิงที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตนมาตลอดเจ็ดปีเต็ม เอมอรเสียใจมาก สาธิตเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอรักและหวังฝากชีวิตไว้ในกำมือ “เอมสัญญาว่าเอมจะยอมเป็นของพี่ถ้าพี่กลับมา ฮึก… กลับมานะ” น้ำเสียงแหบแห้งเบาหวิว แต่คนฟังกลับได้ยินชัดเจน “อ๋อ ที่มันนอกใจแกเพราะว่าแกไม่ยอมมีอะไรกับมันใช่ไหม ไอ้สารเลวเอ๊ย!” พิมพ์ดาวพอจะเดาเรื่องราวออกถึงกับกัดฟันกรอด คันไม้คันมืออยากต่อยหน้ามันให้หายแค้น กล้าดีอย่างไรมาทำให้เพื่อนของเธอเสียใจจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนแบบนี้ เมื่อจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เอมอรเสร็จสิ้น เธอก็รีบโทร. ไปรายงานที่บ้านของเพื่อน พ่อแม่อีกฝ่ายจะได้สบายใจว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนปลอดภัยดี พิมพ์ดาวที่เหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้จึงรีบทานยากันเอาไว้ หญิงสาวมอบเตียงนอนแสนกว้างให้เอมอรแต่เพียงผู้เดียว ส่วนตัวเองก็ย้ายถิ่นฐานมานอนที่โซฟาตัวยาวแทน เปลือกตาคู่งามกำลังจะปิดปรือ ทว่าภาพใบหน้าจอมยียวนของผู้ชายที่เจอหน้าผับกลับลอยเข้ามาในมโนสำนึก ทำเอาร่างบางไม่เป็นอันหลับอันนอน ต้องลุกนั่งขยี้เส้นผมจนยุ่งเหยิงไปหมด ‘ผมอยากรู้จักคุณ’ คำพูดของเขายังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด “บ้าจริง! เป็นผีหรือไงถึงได้ตามหลอกหลอนกันถึงบ้าน” หลังจากมารดาประกาศกร้าวว่าจะให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนรัก ชรันก็ถูกเรียกตัวให้กลับมาอยู่บ้านเพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด ชายหนุ่มแทบบ้าเมื่อต้องเจอกับสายตาจ้องจับผิดตลอดเวลาของคุณหญิงแม่ จากคนที่เคยมีอิสระทุกอย่างรู้สึกราวกับว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับนักโทษที่ต้องมีผู้คุมคอยสอดส่องตลอดเวลา “เมื่อไรจะว่างสักทีตารัน” อาหารเช้าจะขาดบทสนาเป็นไม่ได้ คุณหญิงมารศรีถามหน้านิ่งขณะตักข้าวต้มเข้าปากแล้วเคี้ยวกลืนอย่างสุภาพ กิริยาสง่างามสมกับตำแหน่งคุณหญิงของท่านพลเอกศุภรุจน์ อติพัฒน์ “ช่วงนี้ผมยุ่งเรื่องขยายสาขาใหม่ครับ อีกนานกว่าจะว่าง” เรื่องขยายสาขาไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เขางานยุ่ง เพราะในฐานะผู้บริหารระดับสูงเขาสามารถหาคนดำเนินงานแทนได้ไม่ยาก ซึ่งเมื่อก่อนเขาทำเช่นนั้นประจำหลังตรวจเช็คจนแน่ใจแล้วว่างานไม่มีปัญหาให้น่าห่วง ชรันจึงมีเวลาส่วนตัวผ่อนคลายความเครียดและเปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำคน “อีกสามวันแม่จะให้เราไปดูตัว” ช้อนในมือร่วงหล่นกระทบชามข้าวเสียงดัง บิดาทอดสายตามองบุตรชายที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เลื่อนไปก่อนได้ไหมคุณหญิง พอดีผมมีเรื่องอยากให้ลูกช่วย” ท่านศุภรุจน์กล่าวเสียงขรึม “เรื่องอะไรคะ” คุณหญิงมารศรีหรี่ตามองสามี “วันก่อนเพื่อนของผมไปเจอที่ดินทำเลทองอยู่ที่หนึ่งที่ประเทศฮ่องกง มันส่งรูปมาให้ผมดู ผมสนใจอยากสร้างโรงแรมที่นั่น” “แล้วยังไงคะ” คุณหญิงมารศรีไหวไหล่ รู้สึกเหมือนกับว่าสามีกำลังช่วยลูกหลีกเลี่ยงการนัดดูตัวยังไงยังงั้น “แต่คุณก็รู้ว่าผมร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าจะต้องให้นั่งเครื่องบินนานๆ เห็นทีจะไม่ไหว ผมเลยอยากจะส่งตารันไปดูที่ดินผืนนั้นแทนผม จะได้ให้ลูกช่วยตัดสินใจว่าผมควรจะลงทุนดีไหม” ท่านศุภรุจน์พูดอย่างมีเหตุผล และด้วยความเป็นคนตระหนี่เรื่องทรัพย์สินเงินทองเป็นเดิมทุน คุณหญิงมารศรีจึงไม่ว่าอะไรหากจะต้องเลื่อนนัดการดูตัวว่าที่ลูกสะใภ้ออกไปก่อน “ก็ได้ค่ะ” สองพ่อลูกแอบส่งยิ้มให้กัน “เต็มที่ให้เวลาแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นนะคะ หลังจากกลับจากฮ่องกงตารันต้องไปดูตัวหนูพิมพ์ดาวทันที” ชรันพยักหน้าน้อมรับ “ครับคุณแม่” เอาวะ อาทิตย์เดียวก็นับว่าเป็นเวลามหาศาลที่เขาจะได้หายใจหายคอได้สะดวกหน่อย ทุกวันนี้อึดอัดจะแย่ “ขอบคุณพ่อมากนะครับที่ช่วยเหลือผม” ชรันยกมือไหว้บิดาหลังท่านชวนเดินย่อยในสวนหย่อม ท่านศุภรุจน์ตบบ่าลูกชายอย่างให้กำลังใจ รู้ดีว่าช่วงเวลานี้มันยาก คนที่เคยมีอิสระทางความคิดต้องถูกบังคับให้กระทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ ในฐานะลูกผู้ชายเหมือนกัน บิดารู้ดีว่าบุตรชายเครียดและกังวลเพียงใด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD