ปฐมบท 1.1 - หะ แต่งงาน!

1712 Words
“แต่งงาน!” เสียงเข้มตะโกนลั่นบ้านหลังได้ฟังเจตนารมย์ของคนเป็นแม่ ร่างสูงสง่าผุดลุกผุดนั่งไม่ติดโซฟา เดินกุมขมับอย่างคนเครียดจัด ทำราวกับว่าการแต่งงานเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต ทำเอา คุณหญิงมารศรี เกิดอาการไม่พอใจ ต้องต่อว่าเสียหน่อย “นั่งลงเดี๋ยวนี้นะตารัน แม่เวียนหัว” เสียงแข็งใส่บุตรชายคนเล็กที่ประคมประหงมมาแต่อ้อนแต่ออก “ผมไม่แต่งเด็ดขาด!” ชรัน ไม่ยอมรับความต้องการของผู้ให้กำเนิด “แต่ลูกต้องแต่ง แม่จะไม่ยอมให้ลูกของแม่ใช้ชีวิตเตร็ดเตร่ไปวันๆ แบบนี้อีกแล้ว” คุณหญิงมารศรี ไตร่ตรองดีแล้วก่อนที่จะนำเรื่องนี้มาพูดกับลูก ชรันเป็นหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ มีผู้หญิงมากมายหมายจะจับเขาเพื่อหวังสุขสบายทางลัด แล้วพ่อตัวดีก็สวมบทบาทเป็นเสือล่าเหยื่อจนโจษจันไปทั่วบ้านทั่วเมือง พฤติกรรมด้านเพศลงข่าวหน้าหนึ่งของแวดวงไฮโซได้ทุกวี่ทุกวัน ตอนแรกคุณหญิงก็ไม่ได้คิดมากอะไร แต่หนักเข้าเริ่มมีผู้หญิงหลากหลายอาชีพมาตบตีแย่งลูกชายของเธอถึงในบ้าน เล่นเอาปวดประสาทจนความเครียดทักทายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่หน ถึงตอนนี้ทนไม่ไหวก็ต้องมีมาตรการขั้นเด็ดขาดกันบ้าง “มันไม่เกี่ยวกันเลยครับคุณแม่” “ไม่เกี่ยวยังไงพ่อตัวดี เราน่ะสำส่อนเกินไปแล้วนะรู้ตัวบ้างไหม” คุณหญิงมารศรีชี้หน้าต่อว่า “แบบผมเขาไม่ได้เรียกว่าสำส่อนครับ เขาเรียกว่าผู้ชายที่รู้จักใช้ชีวิตให้คุ้มค่า” ไร้ท่าทีสำนึก ชายหนุ่มกล่าวอย่างภาคภูมิ “ลูกพูดถูกนะคุณหญิง” ท่านศุภรุจน์ บิดาของชรันผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของคุณหญิงมารศรีเห็นด้วยกับบุตรชาย ในมือเหี่ยวย่นตามวัยถือหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวันเดินมาพร้อมกับถ้วยกาแฟถ้วยโปรดที่มักดื่มคู่กันระหว่างอ่านข่าว “คุณก็เป็นซะแบบนี้ เอะอะก็เข้าข้างลูกไว้ก่อน” ภรรยาที่อยู่กินกันมากว่าสามสิบปีไม่พอใจ มองค้อนสามีวงโต “ผมไม่ได้เข้าข้าง ลูกเราโตแล้วนะคุณหญิง คุณจะไปบังคับให้เขาทำอะไรตามใจคุณไม่ได้ ชีวิตเขาเราต้องปล่อยให้เขาเลือกเอง” ท่านศุภรุจน์กล่าวอย่างคนเข้าใจโลก ผิดกับคุณหญิงมารศรีที่ไม่คิดเช่นนั้น เป็นตายร้ายดียังไงก็ต้องดันเจ้าลูกชายจอมเจ้าชู้ให้แต่งงานมีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนให้จงได้ “ไม่ค่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว ยังไงตารันก็ต้องแต่งงานกับหนูพิมพ์ดาว” “เดี๋ยวนะครับ” ชรันยกมือทักท้วง “พิมพ์ดาว… ลูกสาวของคุณป้าสร้อยทองหรือครับ?” “ใช่ แหม… จำน้องได้ด้วยหรือเรา” คุณหญิงมารศรีหัวเราะชอบใจ คิดว่าลูกชายมีใจให้คนที่ตนหมายปองอยากได้เป็นลูกสะใภ้มาร่วมวงศ์ตระกูล “จำไม่ได้ก็บ้าแล้วครับคุณแม่!” จู่ๆ ก็ตะโกนลั่น ชรันเครียดหนักกว่าเก่า เขาทิ้งตัวนั่งกระแทกลงบนโซฟา “ยัยบ้านั่นอ้วนเป็นถังแก๊สจนได้ฉายาว่าเป็นธิชาช้างประจำโรงเรียน โอ๊ย! ไม่ๆๆๆ ผมไม่มีวันแต่งงานกับยัยอ้วนนั่นเด็ดขาด” “ตายแล้วตารัน! พูดจาน่าเกลียดมากเลยนะลูก ไปว่าน้องแบบนั้นได้ยังไง” บุตรชายที่เฝ้าฟูมฟักพ่นวาจาออกมาแต่ละคำหยาบคายได้โล่ “ก็ยัยนั่นอ้วนจริงๆ นี่ครับ คุณแม่จะให้ผมมีเมียเป็นช้างหรือ?” ชรันโมโหหน้าดำหน้าแดง เขาไม่มีวันร่วมหอลงโลงกับยัยธิดาช้างจอมอัปลักษณ์นั่นเด็ดขาด “ตารัน!” คุณหญิงมารศรีลมแทบจับ สามีต้องปรี่เข้าไปประคองร่างท้วมของภรรยา ส่งสายตาห้ามปรามไปยังบุตรชาย “พอได้แล้วตารัน เห็นไหมว่าแม่แกเครียดขนาดไหน” น้ำเสียงเข้มๆ สมชายชาติทหาร ชรันเองก็ห่วงมารดาไม่แพ้กัน เดินไปนั่งใกล้ๆ พลางยกมือไหว้ที่ตัก “คุณแม่ครับ ผมสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น จะลดละเลิกนารีและปาร์ตี้ให้น้อยลง อย่าให้ผมแต่งงานเลยนะครับ” ทำหน้าตาเว้าวอนสุดฤทธิ์ คุณหญิงมารศรีแอบสงสารแต่ต้องตัดใจขั้นเด็ดขาด “ไม่!” “คุณแม่…!” ชรันลากเสียงยาวเป็นเด็กๆ มองหน้าแม่แล้วทำตาปริบๆ “คุณแม่จะใจร้ายให้ผมต้องแต่งงานกับยัยช้างนั่นจริงๆ หรือครับ” ยังไม่วายหยุดเรียกว่าที่เจ้าสาวด้วยถ้อยคำไม่สุภาพ “หยุดพูดถึงน้องแบบนั้นนะลูก เกิดหนูดาวมาได้ยินเข้าจะรู้สึกยังไง” มารดาตีแขนเตือนสติ ชรันทำหน้าหงอย “ก็ผมไม่อยากแต่งนี่ครับ ผมยังไม่พร้อมมีเมียตอนนี้” ยังอยากมีแค่คู่นอนที่สามารถเปลี่ยนเล่นได้ตลอดเวลามากกว่า “ไม่ต้องมาแสร้งตีหน้าเศร้าขอความสงสาร แม่รู้นะว่าเราน่ะร้ายลึก” เลี้ยงมากับมือทำไมท่านจะไม่รู้นิสัย เวลาถูกดุหรือถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ชรันมักมีวิธีเข้าหามารดาเพื่อประจบประแจงให้ท่านเปลี่ยนใจเสมอ หากคราวนี้คงยากเสียหน่อย! “หยุดคร่ำครวญแล้วปรับปรุงตัวเสียใหม่ เพราะว่าแม่ได้ทำการพูดคุยสู่ขอหนูพิมพ์ดาวกับคุณป้าสร้อยทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” คุณหญิงมารศรีแย้มยิ้มผิดกับบุตรชายที่รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มลงตรงหน้า ชรันยกมือกุมขมับพลางกัดปากแน่น มองสบตากับคนเป็นพ่อที่ได้แต่ถอนหายใจเป็นเชิงบอกทางอ้อมว่า งานนี้ช่วยไม่ได้แล้วนะ ‘ช่วยตัวเองไปก่อนนะ… ไอ้ลูกชาย’ “บ้าเอ๊ย! ยัยพิมพ์ดาว ฮึ่ย!” ชรันตีอกชกตัวอย่างแค้นเคือง ตอนนี้เขาอยู่ที่ผับสุดหรูย่านใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง นัดเพื่อนซี้มาปรับทุกข์เรื่องที่ถูกมารดาบังคับให้แต่งงานกับคนที่เกลียด แสงสีเสียงไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ขุ่นมัวรื่นเริงได้ แม้จะมีเหล่าผีเสื้อราตรีแวะเวียนมาชนแก้วด้วยถึงที่ก็ตาม “อะไรกันครับ ไม่อยากเชื่อว่าจะมาทันเห็นภาพประวัติศาสตร์ คนอย่างคุณชรันน่ะหรือปฏิเสธผู้หญิงที่เดินมาขอสานสัมพันธ์ด้วย โอ้วเอ็มจี! เห็นทีประเทศไทยจะมีหิมะตกซะแล้วมั้ง” ปกรณ์ เอ่ยแซวเพื่อนซี้ที่นั่งหน้าบูดเป็นตูดลิง หางตาชรันปรายมองอย่างหงุดหงิด ยกแก้วเหล้ากระดกดื่มเพียวๆ แบบไม่กลัวเมา “เป็นไรวะ?” เหยียดขาตรงพลางเอ่ยถาม จัดการรูดเนกไทออกหลวมๆ แล้วปลดกระดุมเสื้อบนออกถึงสามเม็ดเพื่อผ่อนคลายร่างกาย เสร็จจากงานแทนที่จะได้กลับบ้านไปนอนพักผ่อน กลับถูกเพื่อนตัวดีโทร. เรียกให้มาหากะทันหัน “กูกำลังจะแต่งงาน” น้ำเสียงไร้อารมณ์ติดออกเย็นชา ทว่าคนฟังเบิกตากว้าง เด้งตัวลุกนั่งหลังตรงทันที “มึงว่าไงนะ?!” ปกรณ์คิดว่าตนคงหูฝาดไปแน่ๆ เจ้าชู้ตัวพ่ออย่างไอ้หมอนี่น่ะหรือจะแต่งงาน บ้าไปแล้ว! ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด “กู กำ ลัง จะ แต่ง งาน” เขาย้ำชัดทุกถ้อยคำ “เชรด!” ปกรณ์อึ้ง มองเพื่อนรักราวกับเป็นตัวประหลาดบุกโลก “คนอย่างมึงเนี่ยนะจะแต่งงาน เจ้าสาวผู้โชคร้ายคนนั้นเป็นใครวะ กูรู้จักไหม” “กูมากกว่ามั้งที่โชคร้าย” ชรันแค่นเสียงเยาะหยัน “ไม่ๆ ผู้หญิงน่ะโชคร้าย ผู้ชายมีเป็นร้อยเป็นพันแต่ดันมาลงเอยกับเสือผู้หิวโหยอย่างมึง โชคร้าย โชคร้ายสุดๆ” ปกรณ์นึกสงสารเธอคนนั้น แม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน “ไอ้เคน กูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย หัดเข้าข้างกันบ้างดิวะ” ชรันชักเริ่มโมโห มันหาเรื่องด่าเขาทางอ้อมอยู่ได้ คนยิ่งเครียดๆ อยู่ “โอเคๆ ว่าแต่คนที่มึงจะแต่งงานด้วยเป็นใคร กูรู้จักไหม” “รู้… รู้จักดีเลยด้วย!” ชรันสบถคำหยาบเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนวางแก้วเหล้ากระแทกลงบนโต๊ะเสียงดัง “มึงจำยัยเด็กอ้วนถังแก๊สฉายาธิดาช้างประจำโรงเรียนได้ไหม” เขาเกริ่นที่มาที่ไป ปกรณ์พยักหน้า “จำได้ ทำไมวะ?” ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย และเพียงเสี้ยววินาทีแววตาคู่นั้นกลับเบิกกว้างอีกครั้ง “มึงอย่าบอกนะว่า…” “เออ! แม่กูบังคับให้แต่งงานกับยัยนั่น” พูดแล้วโมโห เจ็บใจจนอยากไปอาละวาดยัยอ้วนให้รู้แล้วรู้รอด “สุดยอด! คุณหญิงมารศรีสุดยอดมาก” ปกรณ์ยืนปรบมือพลางหัวเราะชอบใจ เล่นเอาชรันโกรธจนต้องคว้าน้ำแข็งก้อนใหญ่ปาใส่หน้ามันหนึ่งที “เจ็บนะเว้ย” คนถูกกระทำโวยวาย “มึงนั่งลงก่อนที่กูจะถีบยอดหน้ามึง นั่ง!” สั่งเสียงเข้ม ปกรณ์ยอมนั่งแต่หาใช่เพราะกลัวไม่ ชายหนุ่มยังคงยิ้มหน้าระรื่น “กูไม่ยอมแต่งเด็ดขาด!” ชรันแข็งข้อ แววตาเอาจริงดั่งปากว่า “ทำยังกับมึงจะขัดใจแม่มึงได้” ปกรณ์ไหวไหล่ จริงอยู่ที่ชรันถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจทุกกระเบียดนิ้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถทำทุกอย่างตามที่ใจปรารถนาได้ เพราะถึงยังไงคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในวงศ์ตระกูลก็คือคุณหญิงมารศรี ลองถ้าออกโรงบังคับกันแบบนี้เห็นทีจะดิ้นไม่หลุด ต้องยอมตบยอมแต่งตามมารดาเห็นสมควร “กูก็จะขัดให้ได้!” ชรันไม่ยอมแลกกับชีวิตโสดอันแสนหวงแน่ เขาไม่จำเป็นต้องสละตัวเองถึงขั้นนั้น ในเมื่อข้างกายมีเหล่าสตรีแสนสวยหุ่นสะบึมให้ขย้ำอีกเป็นตับ “จะว่าไปมันก็หลายปีแล้วนะเว้ย ป่านนี้ยัยเด็กนั่นอาจจะสวยหุ่นดีแล้วก็ได้” ปกรณ์สันนิษฐาน แต่ชรันไม่เห็นด้วย “ข่าววงในซุบซิบกันให้แซ่ดว่าที่ลูกสาวของคุณสร้อยทองไม่ยอมออกงานสังคมคู่มารดา เป็นเพราะอายรูปร่างที่อ้วนจนแทบเดินไม่ไหวของตัวเอง” “เพิ่งรู้ว่ามึงก็ชอบเรื่องซุบซินนินทากับเขาเหมือนกัน” ปกรณ์หัวเราะขบขัน “กูบังเอิญรู้ ไม่เคยอยากสนใจ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD