ความสัมพันธ์ที่เกินเลยกว่าเพื่อนกันระหว่างฉันกับอินดี้ยังดำเนินมาเรื่อย ๆ เราสองคนใกล้ชิดกันมาก เรียกได้ว่า ตัวติดกัน ก็แค่เวลาที่อยู่มหา’ลัยเราจะทำเหมือนเพื่อนปกติ ต่างคนต่างใช้ชีวิต พูดง่าย ๆ ก็เหมือนก่อนหน้านี้ที่เรายังไม่มีอะไรกัน
เราอยู่ในสถานะที่เรียกว่า คู่นอน เพื่อนนอน เซ็กซ์เฟรนด์ หรือเรียกอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่คนรัก แค่คล้ายคนรักกัน
ความสัมพันธ์นี้ดำเนินมาเป็นระยะเวลาแปดเดือนได้แล้ว
เมื่อก่อนฉันไม่เคยเชื่อว่าถ้าเรามีความสุขวันเวลาจะผ่านไปไว กระทั่งได้เจอกับตัวเองฉันถึงได้เชื่ออย่างสนิทใจว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ
ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ชัดเจน แต่ฉันก็ยังเลือกที่จะผูกใจไว้กับอินดี้เพียงเพราะเขาเหมือนเป็นที่พึ่งทางใจคนเดียวของฉัน
ยิ่งนานวันฉันยิ่งรักอินดี้มากขึ้น บางครั้งฉันก็เกือบจะเก็บอาการไม่อยู่ เกือบที่จะหลุดปากบอกมันว่าฉันชอบมัน
แต่ก็นั่นแหละ ฉันไม่ได้พูดออกไปเพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เวลาที่เพื่อนแซวเราบ่อย ๆ อินดี้ก็จะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับฉัน หน้าอย่างฉันไม่เข้าตามันหรอก เออ มันพูดแบบนี้ตลอด ทุกวันนี้ก็พูด แต่กลับห้องมาก็ตอกฉันไม่ยั้ง
ทุกอย่างมันย้อนแย้ง ฉันคิดแบบนั้นนะ ซึ่งความจริงทุกอย่างมันก็อาจจะชัดเจนตั้งแต่แรกก็ได้ ชัดเจนที่อินดี้ไม่ได้คิดอะไรเกินกว่าเพื่อน ฉันก็เป็นเพียงผู้หญิงที่มันสงสาร เอาเงินให้ใช้ก็ต้องมีของตอบแทนกันบ้าง ซึ่งสิ่งนั้นก็คือร่างกายของฉัน
เห็นไหมล่ะว่าทุกอย่างมันชัดเจนเพียงแต่ว่าฉันน่ะ ไม่คิดจะยอมรับ ทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากหลอกตัวเอง อินดี้ต้องรู้สึกกับฉันบ้างล่ะ ซึ่งการหลอกตัวเองแบบนี้ก็มีความสุขดี
ทว่าขึ้นชื่อว่าหลอกตัวเองมันจะมีความสุขได้สักเท่าไรกันเชียว
วันนี้เรามารวมกลุ่มกันที่บ้านของนักรบ นักรบจัดงานวันเกิด ทุกปีมันก็จะจัดที่ร้านเหล้า แต่วันนี้นึกครึ้มอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ถึงได้จัดที่บ้านมัน คนมากันเยอะมาก ไม่ใช่แค่กลุ่มเพื่อนสนิม เนื่องจากนักรบมันรู้จักคนเยอะ ชอบไปดื่มกับคนอื่นบ่อย ๆ เมื่อถึงวันเกิดเพื่อนกลุ่มอื่น ๆ จึงมารวมตัวกัน
“ไอ้เบ้นอยู่ปากทาง รถไม่ยอมเข้ามาส่งมัน แม่ง เข้ามาส่งอีกนิดไม่ได้เหรอวะ กูงงใจฉิบหาย” นักรบพูดพลางส่ายหน้า นักรบมันเมาแล้ว เดี๋ยวชนแก้วเดี๋ยวชนแก้ว จะไม่เมาได้ไง
ส่วนฉันดื่มนิดเดียว เป็นข้อตกลงระหว่างฉันกับอินดี้ ‘ถ้าอยากเมาก็เมาที่ห้อง อย่าไปเมาให้คนอื่นเห็น เดี๋ยวทำอะไรไม่เข้าท่าจะอายคน’ คือคำที่มันบอกก่อนเราจะมาถึงบ้านนักรบ
ฉันชอบมันไง อินดี้พูดอะไรฉันก็ทำตาม รักเขา เชื่อฟังเขา เผื่อว่าเขาจะรักตอบ
คนเราต้องอยู่ด้วยความหวังใช่ไหมล่ะ เราใกล้กันขนาดเนี้ ฉันมีสิทธิ์มากกว่าคนอื่นแน่นอน
“เดี๋ยวกูออกไปรับเอง ปากทางใช่ไหม” แล้วอินดี้ก็เสนอตัว
ทำไมถึงได้ใจดีล่ะ หรือเพราะคนสำคัญเหรอ ปกติมันขี้เกียจออกตัวจะตายไป
“เอาดิ กูบอกมันแล้ว” นักรบเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือ โยนกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ให้อินดี้
“เค” อินดี้ลุกเดินออกไป มันน่ะไม่ได้มองหน้าฉัน เหตุผลก็คือไม่อยากให้ใครจับพิรุธได้
เรื่องของเรามันเป็นความลับ
“เห็นเป็นคนสวยหน่อยแม่งเสนอตัวไปรับเลย” นักรบยิ้มร่าหลังจากที่อินดี้เดินจากไป
“เบ้นไหนวะ ไม่ใช่เบ้นคณะเราที่เป็นผู้ชายเหรอ” หนูจี๊ดถาม
“เบ้นการบิน สาวสวยในกลุ่มนู้น มาช้าเพราะติดเรียน” นักรบพูดพลางบุ้ยหน้าไปอีกกลุ่มที่นั่งอยู่ แล้วก็ยกแก้วขึ้นดื่ม จากนั้นก็พูดต่อ “คนนี้ไอ้อินมันเคยเล็งไว้ เผลอ ๆ วันนี้น่าจะเก็บงาน ไม่แน่อาจจะหายหัวไปเลย”
คำพูดของนักรบทำให้ฉันรู้สึกอ่อนแรง เหมือนหายใจไม่ออก อยากร้องไห้ขึ้นมาซะอย่างนั้น
หนึ่งความคิดเกิดขึ้นในหัวสมอง หรือว่าเราอยู่ด้วยกันนานเกินไป อินดี้ก็เลยรู้สึกเบื่อฉันแล้ว เราอยู่ด้วยกันทุกวัน บางทีอาจจะถึงเวลาแล้วหรือเปล่ามันถึงได้เสนอตัวไปรับผู้หญิงคนอื่นแบบนั้น
ไหนว่าช่วงที่อยู่ด้วยกันจะมีแค่ฉัน แล้วทำไมวันนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้
“ชนแก้วกันมึง” หนูอี๊ดยกแก้วเหล้ารอ “หมดแก้วค่ะ มาเมาไม่ใช่มานั่งยิ้ม”
“อือ เอาดิ” หมดแก้วก็ดี สถานการณ์แบบนี้ฉันไม่ควรมีสติ เมาเถอะ บางทีอาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้
ยกแก้วเหล้าดื่มรัวด้วยมือที่สั่นไหว ยิ่งเวลาผ่านไปห้านาที สิบนาที ยี่สิบนาที ครึ่งชั่วโมงอินดี้ก็ยังไม่กลับมาสักที ฉันก็เริ่มอยากจะร้องไห้
แค่ปากซอยบ้านนักรบมันไม่ได้ไกลขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องนานขนาดนี้ แล้วเพื่อนในกลุ่มก็พากันพูดแซวเรื่อย ๆ
“นั่นไงกูว่าแล้ว ไปนานขนาดนี้ไอ้อินเก็บละ ไม่กลับมาแล้ว”
“ก็เบ้นมันสวยขนาดนั้น คนสวยสเปกไอ้อิน”
“เจ้าชู้ไม่เลิก”
อีกหลายประโยคที่เพื่อนพากันแซว ซึ่งฉันรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องจริง
หมับ! ฉันหันมองคนที่จับไหล่
“เมาอะไรขนาดนี้ อะไรของมึงเนี่ย” เป็นธัญญ่าที่มากับแฟน “พวกมึงปล่อยให้มันกินขนาดนี้ได้ไงวะ”
“ไอ้ญ่า มึงโทษไอ้แฝดนู่น มอมมัน” นักรบชี้ไปที่ฝาแฝด ฉันว่านักรบเมากว่าฉันอีก ฉันไม่ได้เมาขนาดนั้น ยังจำหน้าเพื่อนได้
“เดี๋ยวกูพามันกลับก่อน เมามาชอบดราม่า อายคน ที่นี่คนเยอะ เดี๋ยวได้เป็นไวรัล”
“กูยังไม่เมา” มองหน้าธัญญ่าแล้วอยากร้องไห้มาก ๆ เลย
“กลับเถอะ ไปกินต่อที่ห้องกูก็ได้” ธัญญ่ามองมาเหมือนจะเข้าใจว่าฉันกำลังคิดอะไร
“ไปห้องมึงไม่ได้ กูเกรงใจมึง” แต่กูก็ไม่อยากกลับห้อง
“ไม่เป็นไร วันนี้ปันจะกลับบ้านน่ะ มิวสิคอยู่กับญ่าเราจะได้สบายใจ”
“จริงเหรอ”
“อืม ปะเดี๋ยวปันไปส่ง”
“งั้นกูกลับก่อนนะรบ มีความสุขนะมึง”
“ให้กูไปส่งเปล่า”
“ไม่เป็นไร ไปกับญ่ากับปัน”
“เค หอมแก้มที” แล้วนักรบมันก็หอมแก้มฉัน
“ไอ้เหี้ย” คือคำอุทานของฉันเอง “มึงหอมแก้มกูทำไม”
“ของขวัญวันเกิดกูไง”
“ของขวัญกูให้ไปแล้ว”
“อ้าว เหรอ งั้นมึงหอมกูคืนไหมอะ จะได้หายกัน”
“ก็ดีนะ”
“พอเลย เดี๋ยวได้เอากันจริง ๆ” ธัญญ่าดึงฉันออกห่างจากนักรบ “กลับ เมาแล้วไปเรื่อยจริง แบบนี้ใครหิ้วไปไหนก็ไปหมด”
จากนั้นก็เหมือนว่าฉันจะโดนธัญญ่าลากมาจนถึงรถ ตัวฉันถูกยัดเข้ามานั่งที่เบาะหลัง รถเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของบ้านนักรบ
“เมาแล้วไม่รู้จักดูแลตัวเองนะมึง โดนคนเอาเปรียบอยู่เรื่อยเลย” ธัญญ่านั่งข้างฉัน ปันแฟนธัญญ่าเป็นคนขับ
“กูเหมือนจะมีความสุข แต่เหมือนว่ากูควรตื่นจากฝันได้แล้ว” เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ทอดสายตามองข้างทาง
ธัญญ่ารู้เรื่องของฉัน รู้แทบทุกเรื่อง เธอเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ฉันกล้าจะพูดเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง แล้วธัญญ่าก็ไม่คิดจะพูดต่อหรือบอกใคร ไม่หลุดปากพูดหรือแซวด้วย
“อึดอัดก็พูดออกไปตรง ๆ เลย จะได้รู้เรื่อง”
“พูดไม่ได้หรอก มันเป็นคนเดียวที่กูชอบนะมึง ไม่มีมันกูไม่รู้เลยว่าจะอยู่ไปทำไม กูไม่มีเป้าหมายอะไรเลย ฝันอะไรก็ไม่ได้ พ่อแม่กูไม่ได้คิดจะซัปพอร์ตกูเลย”
“บางทีมึงอาจจะต้องพบจิตแพทย์นะมิว”
“เปลืองเงิน” เงินจะกินยังไม่มี จะให้เอาไปหาหมอ ฉันไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น เงินที่มีก็ต้องเก็บไว้ใช้เวลาฉุกเฉิน เพราะไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ช่างเถอะ ตอนนี้มึงเมา เอาไว้ค่อยพูดตอนมึงสติดี”
“...” ฉันเงียบ ทันใดนั้นเองสายตาเจ้ากรรมก็ดันตาดี มองเห็นอินดี้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปกับผู้หญิง เธอคนนั้นกอดเอวอินดี้ด้วย ที่หายไปครึ่งชั่วโมงคงจะเป็นอย่างที่เพื่อนพากันแซว
ไหนว่าจะไม่มีผู้หญิงคนอื่น
หรือเพราะฉันไม่มีอะไรมาต่อรอง เห็นว่าฉันไม่มีอะไรจะเท่าเทียมก็เลยทำอะไรกับฉันก็ได้งั้นเหรอ
“มันกอดกันด้วยมึง” พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาเอ่อล้นเต็มที่ ไม่สิ ตอนนี้ฉันร้องไห้แล้ว
“เป็นคนเมาที่ตาดีมาก” เสียงแฟนธัญญ่า
“ปันก็เห็นใช่ไหม” ฉันถามเสียงสั่น
“อือ”
“กอดกันขนาดนั้นมีอะไรกันแล้วแน่เลย”
“อาจจะไม่ใช่ก็ได้ อย่าคิดไปเอง” ธัญญ่าพูดพร้อมกับลูบมือฉัน
“กูมันคนชอบคิดไปเอง”
“มึงนี่นะ เมื่อไหร่จะมีความสุขสักทีวะ” ธัญญ่าเสียงสั่น เป็นคนที่ร้องไห้ไปกับเรื่องของฉันบ่อยที่สุด
“เราทำแฟนปันร้องไห้เลย ขอโทษนะ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ” พูดทั้งที่ตัวฉันก็ยังร้องไห้อยู่ แฟนธัญญ่ารู้เรื่องของฉันก็เพราะฉันเคยเมาแล้วพูดไปเรื่อย ฉันพูดคำว่าขอโทษกับแฟนธัญญ่าบ่อยมาก ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งแรกหรอก