เราสองคนต่างจ้องหน้ากัน ฉันกำลังคิดว่าฉันต้องเป็นฝ่ายยอม เพราะฉันต้องพึ่งพามันใช่หรือเปล่า ฉันต้องทำแบบนั้นถึงจะอยู่รอดอย่างไม่ลำบาก ไม่ต้องออกไปหางานทำข้างนอก แค่รับทำรายงานของเพื่อน ทำงานบ้านที่ห้องอินดี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ที่ยังใช้ชีวิตสุขสบายก็เพราะเงินที่อินดี้ให้เป็นส่วนใหญ่
“เมื่อคืนทำไมมึงกลับก่อนกู แล้วเสือกไม่กลับห้อง มึงไปไหนมากันแน่ เสื้อผ้าชุดเดิมไปไหน” อินดี้ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ตั้งคำถามมากมายด้วยนำเสียงขุ่นเคือง
“จำเป็นที่กูต้องตอบไหม”
“มึงคิดว่ามึงอยู่ในสถานะที่จะไม่ตอบได้เหรอ”
“กูอยู่ในสถานะอะไร ทำไมกูถึงต้องตอบคำถามของมึง”
“มึงอย่าทำตัวแบบนี้มิว โคตรไม่น่ารักเลยสัด”
“กูก็ไม่ได้อยากน่ารักในสายตามึง”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง พูดมาเมื่อคืนมึงไปนอนที่ไหนมา” อินดี้กระชากแขนฉันให้ลุกขึ้นประชันหน้า มือบีบต้นแขนฉันแรงขึ้นเรื่อย ๆ “ตอบกูสิมิว เมื่อคืนมึงไปไหนมา”
“มึงไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับกูนะอิน อย่าลืมสิว่าเราเป็นเพื่อนกัน กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู”
“แต่ตอนนี้มึงอยู่กับกู มึงรับปากกูแล้วว่าจะมีแค่กู มึงจะแอบไปเอากับคนอื่นแบบนี้ไม่ได้”
“ทีมึงยังทำได้ ทำไมกูจะทำไม่ได้ อย่าลืมสิว่ามึงก็รับปากกูเหมือนกัน”
“นี่มึงจะประชดกูว่างั้น”
“กูไม่ได้ประชด แค่ทำมาทำกลับ”
“แล้วกูทำเหี้ยอะไร”
“ทำอะไรต้องให้กูพูดด้วยเหรอ ต้องให้กูย้ำด้วยเหรอว่ามึงทำอะไรไว้”
“พูดดิ ไม่พูดกูจะรู้เหรอมิว”
“กูไม่อยากพูด” ฉันหันหน้าหนี
“มิวมึงกำลังงี่เง่า มึงผิดนะมิว จะมาโทษกูแบบนี้ได้ไง มึงไหมที่หายไปกับคนอื่น”
“มึงต่างหากที่หายไปก่อน หรือกูไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไร มีแค่มึงที่มีสิทธิ์ต่อว่าได้เหรอ”
“กูแค่ไปรับคน”
“เหอะ แล้วมันสำคัญขนาดที่มึงต้องเสนอตัวไปรับเลยเหรอ แล้วกูถามหน่อยปากซอยบ้านไอ้รบมันก็แค่นั้น จำเป็นที่มึงต้องหายไปเป็นครึ่งชั่วโมงเลยหรือไง”
“ไอ้เหี้ย” น้ำเสียงอินดี้แผ่วลงพร้อมกับปล่อยแขนฉันให้เป็นอิสระ อินดี้ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา ดึงฉันให้นั่งลงตัก “เมื่อคืนมันไม่มีอะไรมิว”
“กูต้องเชื่อมึงเหรอ มึงบอกไม่มีก็ไม่มีงั้นเหรอ”
“มันไม่มีอะไรจริง ๆ ถ้ากูบอกว่ากูไม่รู้ว่าคนที่กูไปรับเป็นผู้หญิงมึงจะเชื่อกูไหม”
“กูต้องเชื่อเหรอ มึงคิดว่ามันฟังขึ้นเหรออิน”
“กูพูดจริงมิว ทำไมจะฟังไม่ขึ้น”
“ก็เพราะมึงรู้จักผู้หญิงคนนั้นไง แค่มึงได้ยินชื่อมึงก็รีบเสนอตัวแล้ว ปกติมึงเป็นแบบนั้นที่ไหนกัน”
“กูสาบานได้เลยว่ากูไม่รู้ว่าคนที่ไปรับเป็นผู้หญิง กูคิดว่าเป็นผู้ชาย ถ้ารู้ว่าเป็นผู้หญิงกูจะไปทำไม กูไม่ได้อยากทะเลาะกับมึง แล้วที่กูเสนอตัวไปรับก็เพราะจะได้รีบกลับ คนมาเยอะเราจะได้ปลีกตัวกลับได้ง่าย ก่อนออกไปเราก็คุยกันแล้วว่าไปแป๊บเดียว คุยกันแล้วว่าเดี๋ยวหาเวลาปลีกตัวกลับห้องกัน”
“...แล้วยังไง ถึงงั้นมึงก็หายไปครึ่งชั่วโมง จำเป็นต้องนานขนาดนั้นเลย จะบอกว่าไม่มีอะไรเหรอ”
“กู...”
“มึงอะไร ที่จริงมึงก็ไม่ต้องอธิบายหรอก ใช่ว่ากูไม่เคยเห็นมึงกับผู้หญิงคนอื่น นอกจากเพื่อนเราก็แค่มีอะไรกันเล่น ๆ มึงเล่นเป็นเสี่ย กูเล่นเป็นเด็กเสี่ย มึงจ่ายเงิน กูให้มึงเอา ไม่มีอะไรติดค้าง”
“ผู้หญิงคนนั้นชุดขาด อยากซื้อใหม่ก็เลยให้กูขี่รถพาไปซื้อ ไปถึงที่แล้วจะปฏิเสธแม่งก็ยังไงอยู่ กูก็คิดว่าเออ รีบไปจะได้รีบกลับมาพามึงกลับห้อง มันมีแค่นั้นจริง ๆ มิว ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“แต่ที่กูเห็นมึงกอดกันแน่นเลย จับมือกันเข้างานด้วย อือ ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร เราก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาซักไซ้กันอยู่แล้ว ช่างมันเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว”
“ไม่พูดได้ไง มึงไปไหนมา ไปกับใคร ไปทำอะไร”
“ไอ้พวกนั้นไม่ได้บอกเหรอว่ากูไปไหน”
“มันบอกมึงไปกับไอ้ญ่า”
“อือ ตามนั้น”
“มึงโกหกหรือเปล่า”
“กูไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรเลย”
“กูเชื่อใจมึงได้เหรอมิว ไม่ใช่ว่าออกไปกับไอ้ญ่าจริง แต่เสือกแวะไปกับคนอื่นหลังจากนั้น ใครจะรู้”
“นั่นสิ ใครจะรู้ เรื่องที่มึงพูดมากูยังไม่รู้เลยว่าจริงไหม ถึงอย่างงั้นกูก็ยังปล่อยผ่าน แล้วทำไมมึงถึงไม่ปล่อยผ่านบ้าง กูมั่นใจมากว่ากูไม่ได้ทำอะไรผิด และมั่นใจมากว่ามึงไม่มีสิทธิ์มาคาดคั้นแบบนี้ มันไม่น่ารักเลยรู้ไว้ด้วย”
“มึงจะเอาแบบนี้จริงดิมิว”
“เรื่องมันผ่านไปแล้วอิน มึงจะอะไรนัก ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย แล้วถึงมีจริง มันจะยังไงวะ ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ หรือว่ามึงคิดอะไรกับกูมากกว่าเพื่อนเหรอถึงได้ซักไซ้ไม่เลิกแล้วยังมีท่าทีหึงหวงแบบนี้อีก” ฉันใจกล้าเกินไปแล้ว นี่ถามอะไรออกไป เมาค้างไม่หายมันควบคุมปากลำบากขนาดนี้เลยเหรอ
นี่ใช่ไหมที่ว่าแพ้เสียงในหัวอะ
“หึ” อินดี้แค่นขำในลำคอ ใบหน้าหล่อแสยะยิ้มก่อนที่เสียงนุ่มทุ้มจะเอ่ย “กูต้องคิดอะไรกับมึงแบบนั้นด้วยเหรอมิว มึงคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปแล้ว ที่กูซักไซ้ก็เพราะไม่อยากใช้ของร่วมกับคนอื่น ระหว่างที่กูเอามึงอยู่กูไม่อยากให้มึงแปดเปื้อน ไอ้ท่าทางหึงหวงก็ปกติขอคนหวงของอย่างกูไม่ใช่หรือไง มึงคาดหวังอะไรของมึงถึงได้ถามกูแบบนี้”
“กูไม่ได้คาดหวังอะไร ก็แค่กลัวว่ามึงจะหลงรักกู ขืนเป็นแบบนั้นแย่แน่ เพราะว่ากูไม่ได้ชอบมึงแบบนั้น มึงน่ะเหมาะสมที่จะเป็นเพื่อนที่สุดแล้ว”
“คิดเพ้อเจ้อ ให้เอามึงเป็นเมียกูไม่เอาหรอก เราก็แค่เล่น ๆ กันไม่ใช่หรือไง กูไม่ได้คิดอะไรกับมึง”
“อือ แบบนั้นก็ดี ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย” สบายใจบ้าอะไรล่ะ เจ็บเจียนจะขาดใจอยู่แล้ว ตอนนี้กำลังฝืนปั้นหน้าทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรก็เท่านั้น ข้างในใจฉันมันกำลังแตกสลาย “งั้นก็ปล่อยกูได้แล้ว กูเหนื่อย อยากอาบน้ำนอน”
“ก็ไปดิ ใครรั้งมึง”
“มึงไงที่ยังกอดเอวกูอยู่” มองหน้าประมาณว่า ที่ไปไม่ได้ก็เพราะมึงค่ะที่รั้ง ไม่งั้นจะนั่งอยู่บนตักเหรอ
“ทีหลังก็บอกดิ ไม่บอกจะรู้เหรอ”
“พอเหอะ ขี้เกียจทะเลาะกับมึง”
“ทะเลาะอะไร กูไม่ได้อยากทะเลาะกับมึงเลย”
“อือ ไม่อยากทะเลาะเหมือนกัน ปล่อยได้ยัง”
“มิว”
“อะไร”
“ถ้าเรื่องเมื่อคืนทำให้มึงรู้สึกแย่ กูขอโทษ สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดอะไรแบบนั้นอีก ถ้าจะไปรับใครกูจะถามก่อนว่าผู้ชายผู้หญิง มึงจะได้ไม่หายไป”
“อือ” ก่อนหน้ายังบอกว่าไม่รักไม่ชอบ หาว่าฉันเพ้อเจ้อ แล้วตอนนี้มาพูดแบบนี้พร้อมกับกอดกันทำไม ไม่รู้เหรอว่าแบบนี้มันคือกำลังเล่นกับใจ “เปลี่ยนรหัสห้องนั้นเหรอ”
“เออ”
“รหัสอะไร”
“ถามทำไม”
“ก็นั่นมันห้องที่มึงให้กูอยู่ หรือว่ามึงไม่ให้กูอยู่ด้วยแล้ว”
“อยู่ แต่ให้อยู่ห้องเดียวกันไง อยู่ห้องกู ก่อนหน้านี้ก็นอนห้องใหญ่มาตลอด ตอนนี้ก็นอนตลอดไปเลย” อินดี้พูดพลางกอดฉันแน่นกว่าเดิม
“...อิน”
“อะไร”
“มึงไม่เบื่อเหรอ” คำถามของฉันทำให้อินดี้เงยหน้าขึ้นมาสบตา
“...ทำไม มึงเบื่อแล้วเหรอ”
“เปล่า กูแค่คิดว่ามึงอาจจะเบื่อเพราะเราอยู่ใกล้กันเกินไป”
“ตอนนี้ไม่เบื่อ มีความสุขดี แล้วมึงอะ”
“กูทำไม”
“มีความสุขหรือเปล่า”
“ก็มี” มีมากเลยล่ะ แต่ว่ามันเป็นความสุขที่ปะปนไปด้วยความทุกข์ใจ ความสุขที่อยู่กับความหวาดระแวงอยู่ทุกวัน กลัวว่าสักวันหนึ่งอินดี้จะเบื่อ
“ไม่เอาคำว่าก็มี กูโง่ กูไม่เข้าใจ”
“ก็มีความสุขดี”
“อือ แค่นี้ก็พอแล้ว” อินดี้กอดฉันแน่นกว่าเดิม
ปากบอกว่าไม่รักกัน แต่ก็ทำให้ฉันคิดว่าตัวฉันสำคัญอยู่เรื่อย ไม่รู้เหรอว่าทำแบบนี้มันทำให้ฉันไปไหนไม่ได้