Bad Friend 9 มานี่มา

1543 Words
“กลับบ้านทีไร กลับมาก็เป็นแบบนี้ทุกที” เสียงของเพื่อนสนิทที่ฉันคิดไม่ซื่อด้วยเอ่ย ฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องอินดี้ก็ยืนอยู่หน้าประตู ไม่รู้ว่ามันยืนรออะไร “ชินแล้ว เดี๋ยวก็ดีขึ้น” พยายามยิ้ม ยิ้มที่เรียกว่าฝืนยิ้ม เห็นหน้าอินดี้แล้วฉันอยากร้องไห้ “มานี่มา” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับแขนที่อ้ากว้าง ใบหน้าหล่อกำลังส่งยิ้มให้ฉัน รอยยิ้มที่มีความสงสารปะปนอยู่มากมาย ถึงรู้ว่าที่อินดี้ดีด้วยเพราะความสงสาร แต่ฉันก็รู้สึกดี โผเข้ากอดด้วยความดีใจ “จริง ๆ วันนี้พี่ชายกูเรียกไปบ้านเพื่อบอกข่าวดี พี่สะใภ้กูตั้งท้องแล้ว มันควรเป็นเรื่องดี กูไม่ควรร้องไห้อะอิน ฮือ...” คือฉันดีใจเว้ยที่พี่ชายจะมีลูก ที่ฉันเสียใจอะ เสียใจเพราะแม่ไม่รัก พ่อก็ไม่สนใจ “มึงมีกูนะมิว มึงอยากได้อะไรมึงบอกกู ถ้ากูหาได้กูจะหาให้มึง อย่าร้องไห้” อินดี้ลูบหลังเบา ๆ ฉันคิดไปเองอีกแล้วหรือเปล่าไม่รู้ ฉันรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่อินดี้มีให้ ความห่วงใยที่มีมากกว่าเพื่อน “แม่พูดเหมือนกูไม่ใช่ลูก พูดเหมือนอนาคตกูไม่สำคัญ ทำไมต้องเป็นกูที่เจอเรื่องแบบนี้อะอิน” คำพูดที่ต้องการระบายความรู้สึกเสียใจของฉันทำให้อินดี้ผละกอด สายตาคมจ้องมองฉัน แล้วต่อจากนั้นนิ้วเรียวยาวของอินดี้ก็เกลี่ยคราบน้ำตาออกจากใบหน้าฉัน “กูหิวข้าวแล้ว ไปกินชาบูหมาล่ากัน รอมึงโคตรนานเลย” “อือ ขอโทษที่ให้รอนาน” ส่งยิ้มทั้งน้ำตา คำพูดที่เหมือนไม่มีอะไร แต่มันเป็นคำปลอบใจจากคนแข็งทื่ออย่างอินดี้ เพราะเป็นเขาทำให้ฉันยิ้มได้ “ล้างหน้าก่อนไหม แบบนี้ไม่กล้าไปด้วยเลย” “ทำไม กูขี้เหร่เหรอ” “คนจะหาว่ากูแกล้งมึงจนร้องไห้อะดิ” “นึกว่าอายที่ไปกับกู” “เหอะ” “เออ รอแป๊บ” ปลีกตัวเดินเข้ามาล้างหน้าล้างตาแล้วแต่งหน้าใหม่ เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เดี๋ยวนี้ต้องแต่งตัวสวยหน่อย ไม่อยากเดินข้างอินดี้แล้วถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ครึ่งชั่วโมงต่อมาฉันยังไม่ได้ออกจากห้องน้ำ จู่ ๆ ก็รู้สึกเหนื่อย อยากเหม่อ อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ คำพูดแม่ฉันมันดังเข้ามาในหัวอยู่เรื่อย ๆ ตอกย้ำว่าแม่ไม่รักฉันเลย ไม่ใช่ว่าเพิ่งเคยได้ยิน แต่ฉันไม่ชินสักที ถ้าให้ยกตัวอย่างก็เหมือนแผลที่ตกสะเก็ด แต่ไม่นานก็เกิดการสะกิด ทำให้แผลเก่านี้ไม่เคยหายสักครั้ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้น เรียกสติฉันได้เลยล่ะ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงของอินดี้ “ไอ้มิว มึงยังมีชีวิตอยู่ไหมน่ะ” “เออ” “ทำไรในห้องน้ำวะ นานฉิบหาย” “โทษที” เปิดประตูออกมาพร้อมกับทำหน้ารู้สึกผิด “ร้องไห้อีกละ ยิ่งไม่สวยยิ่งร้องยิ่งขี้เหร่” “รู้ค่ะว่าไม่สวย” “แต่งตัวเลย หิวข้าวแล้ว” “เออ ๆ ขอโทษ ไปรอข้างนอกดิ แต่งตัวแป๊บเดียว” เดินออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ยังนุ่งผ้าขนหนู ฉันพยายามไม่อายเพราะอินดี้มันบอกบ่อย ๆ ‘เห็นจนหมดละ จะอายทำเหี้ยไร อย่าตอแหล’ อือ มันชอบด่าฉันตอแหล ด่าแบบติดปาก ไม่อยากเป็นคนตอแหลก็อย่าให้มันรู้ว่าฉันกำลังอาย ปากมันหมามาก แต่ก็มีมุมดีอยู่นะ “กูจะรอตรงนี้” ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วก็พูดต่อ “ขืนรอข้างนอก รอบนี้ไม่รออีกเป็นชั่วโมงเหรอ จะนั่งจ้องมึงอยู่ตรงนี้ มึงจะได้ไม่ร้องไห้” “อือ” แล้วมันก็นั่งจ้องฉันจริง ๆ หันมองเมื่อไรก็เห็นว่ามองอยู่ตลอด “จำเป็นต้องใส่สวยขนาดนั้นเลย” มองมาที่ฉันด้วยสายตาไม่พอใจ “ปกติปะ” “เดี๋ยวนี้มึงไม่ปกติ ชอบแต่งตัวสวย แต่งทำเหี้ยไรนัก แต่งให้ใครมอง” “เวลาที่เดินกับมึงหรืออยู่กับมึง ผู้หญิงชอบมองเหยียดกู กูไม่ชอบ กูก็ไม่ได้แต่งโป๊ ไม่ได้แต่งน่าเกลียดอะไร ให้กูแต่งหน่อยไม่ได้เหรอ” “แล้วมึงจะสนใจสายตาคนอื่นทำไม” “คนอื่นที่มึงพูดถึงคือผู้หญิงของมึง กูไม่อยากถูกพูดถึงลับหลังไหม” “ไม่ใช่ผู้หญิงของกู แค่คนที่เล่น ๆ กัน อย่าพูดมั่ว” “เออ” นี่กำลังจะย้ำฉันด้วยใช่ไหมว่าอย่าคิดไปไกล แค่คนที่เล่น ๆ กัน ช่างเถอะ ก็รู้อยู่แล้วนี่เนอะ “ปะ ออกเดินทางกัน” หนึ่งชั่วโมงต่อมาเราก็มาถึงร้านชาบูหมาล่าชื่อดังที่กำลังเป็นกระแส อินดี้ไม่ค่อยชอบกินอะไรแบบนี้ แต่ก็ยังอุตส่าห์พามา “ที่จริงกินอย่างอื่นที่มึงชอบก็ได้” หมาล่าทำให้ฉันลืมความรู้สึกแย่จริง ๆ เป็นวิธีที่ได้ผลเสมอเลย “มีเมนูอื่นที่ทำให้มึงมีความสุขกว่าเมนูนี้เหรอ” “อาจจะมี” ฉันก็ไม่เคยใช้เมนูอื่นมาทดสอบเหมือนกัน “แต่ชาบูเป็นสิ่งที่มึงไม่ชอบกิน” “มึงชอบก็พอแล้ว” “ใจดีกับกูจังวะ” “มึงยิ้มดีกว่าร้องไห้ ร้องไห้ตอนเอากันไม่น่าสนุก” “...” “ทำหน้าทำตา ทำไมไม่เต็มใจเหรอ หลายวันแล้วปะที่ไม่ได้เอา” “เปล่า ก็แค่คิดว่าอาจจะมีคำพูดที่ดีกว่านี้หลุดออกจากปากมึง” “คาดหวังอะไรจากกู” “...กูไม่ได้คาดหวังอะไร” ส่ายหน้ารัว ๆ ใจฉันเต้นตึกตักตึกตัก จู่ ๆ ก็กลัวว่าอินดี้จะพูดคำที่รุนแรงกว่านี้ “สบายใจขึ้นยัง” “อือ” สบายใจเรื่องก่อนหน้านี้ไปแล้ว มาเจ็บก็ตรงคำพูดเมื่อกี้ของมึงอะไอ้อิน เล่นพูดซะกูไปไม่เป็นเลย “รอบนี้เขาว่าอะไรมึง” “พี่สะใภ้กูท้อง แม่กูไม่อยากให้กูไปเป็นภาระพี่ เขาให้กูเลิกเรียน ออกไปทำงาน ถ้าอยากเรียนก็เรียนวันอาทิตย์เอา กูก็รับปากเขาไปว่าจะเลิกรับเงินจากพี่ ตั้งใจว่าจะออกไปหาทำงานพาร์ทไทม์” “จะไปหาทำเหี้ยไร เอาจากกูนี่ไง ตัวมึงเล็กแค่นี้จะเปลืองแค่ไหนกัน” “กูเกรงใจมึง อันเก่ายังไม่คืน แล้วยังจะอันที่มึงให้มาอีก” “กูไม่คิดจะเอาคืน” “มันไม่ดีไง กูเกรงใจ” “กูไม่ได้ให้ฟรี ๆ สักหน่อย” “อ่อ” อินดี้จะบอกว่าฉันก็มีอะไรกับมันแล้ว ก็เหมือนจ่ายเงินซื้อสินะ แล้วแบบนี้จะต่างอะไรกับคนรับงานล่ะ ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยด้วยซ้ำ “เป็นไปได้ต่อไปถ้าไม่จำเป็นมึงก็ไม่ต้องกลับบ้าน กลับไปทีไรกลับมาเครียดตลอด ถ้ากลับแล้วมันแย่ก็ไม่ต้องกลับ เข้าใจปะ” “อือ เข้าใจ” ฉันก็ไม่ได้อยากกลับไปบ่อย ๆ เพื่อทะเลาะกับแม่หรอก มันไม่ได้สนุก ทำลายสุขภาพจิตด้วย ยิ่งไปบ่อยความรู้สึกยิ่งถูกทำร้าย การอยู่ห่างกันมันน่าจะดีกว่า เพราะการมีอยู่ของฉันไม่ได้สำคัญกับพ่อและแม่อยู่แล้ว “สั่งไรเพิ่มอีกปะ” “พอแล้ว แน่นท้องมาก สั่งมามีแต่กูกินคนเดียวเลย” “กูพามึงมาฮีลใจไง” “ขอบคุณนะ ขอบคุณทั้งตอนนี้และเมื่อก่อน ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกูตลอดเลย” ส่งยิ้มให้อินดี้ ทุกครั้งที่เจอปัญหา ฉันจะขอบคุณมันตลอด ขอบคุณที่อยู่ด้วย อย่างน้อยก็ไม่ได้รู้สึกว่าโลกนี้มีฉันคนเดียว “กลับบ้านทำข้าวไข่ดาวให้กินหน่อยนะ” อินดี้ยักคิ้วหนึ่งข้าง “ได้เลย” เพราะอินดี้แทบจะไม่กินอะไรเลย แค่มานั่งเป็นเพื่อน ถึงหม้ออีกข้างจะสั่งเป็นน้ำดำ อินดี้ก็ตักชิมนิดหน่อย เพราะไม่ใช่ประเภทอาหารที่ชอบ ไม่แปลกที่จะร้องขอไข่ดาว “ใส่ซอสแม็กกี้ หรือใส่พริกป่นบีบมะนาวดี” “อย่างหลัง ขอพริกหั่น หอมแดงด้วยนะ ไม่ได้กินอาหารรสจัดมาหลายวัน จัดสักหน่อย” “ลองของเหรอ อยากนอนโรงพยาบาลอีกว่างั้น” “กูดีขึ้นเยอะแล้ว เบื่ออาหารอ่อนฉิบหาย” “โอเค งั้นเรากลับกันเลยไหม มึงต้องหิวข้าวมากแน่ ๆ เลย” “ยังก็ได้ อยากไปไหนอีกหรือเปล่า อยากกินอะไรอีกไหม” “ไม่ไหวแล้ว กลับไปทำข้าวให้มึงแล้วว่าจะอาบน้ำนอนเลย เพลีย” เพลียร่างกายจากการขับรถแล้วยังมาเพลียใจเพราะเรื่องที่บ้านอีก “อือ เดี๋ยวคืนนี้กูช่วยนวดผ่อนคลายให้ดีไหม” “หืม มึงนวดเป็นด้วย” “เป็นดิ กูเก่งมากเลยนะ จะนวดทั้งข้างนอกข้างใน จะตั้งใจอย่างดีเลย” “หึ” พูดมาแค่นี้ก็รู้แล้วว่าหมายถึงอะไร คืนนี้ฉันไม่น่าจะรอด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD