นานามองเพื่อนรักที่เดินอยู่ข้างหน้าโดยมือข้างหนึ่งของเธอกอดหมีตัวใหญ่ไว้แน่นส่วนอีกข้างถูกพี่ชายคนนั้นจับไว้แน่นไม่ปล่อย ใบหน้าของเลออนยังคงเรียบนิ่งแต่กลับแฝงด้วยความอบอุ่นอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะตอนที่เขาหันมามองพบรักด้วยสายตาอบอุ่นอ่อนโยน
‘อะไรของพวกเขาเนี่ย… เพิ่งเจอกันในรอบหลายปีไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงดูเหมือนสนิทกันขนาดนั้น เหมือนแฟนกันเลยด้วยซ้ำ’ นานาคิดในใจพลางขมวดคิ้วมุ่นอย่างงง ๆ
“คุยกันแค่สองคน แล้วจะชวนเพื่อนมาเพื่อ?? คนสวยเซ็ง” นานาบ่นพึมพำเสียงเบาขณะเดินตามเพื่อนและชายหนุ่มร่างสูงที่ยังไม่ยอมปล่อยมือเพื่อนเธอแม้แต่นิด
ไวน์ที่เดินอยู่ข้าง ๆ หันมามองเธอด้วยหางตา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าทันทีที่เห็นสีหน้าสงสัยของนานา
“สองคนนั้นเหมาะสมกันดีนะ”
นานาหันมามองไวน์ทันทีหลังได้ยินประโยคนั้น ใบหน้าสวยเชิดขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบจ้องคนพูดด้วยแววตาไม่เชื่อสนิทใจ
“หมายความว่ายังไง ‘เหมาะสมกันดีนะ’” เสียงหวานถามกลับทั้งที่คิ้วยังขมวด ไวน์ยักไหล่พลางอมยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ก็หมายความตามนั่นแหละครับ คิดเอาเอง”
“เหอะ!! มาทำให้อยากแล้วก็จากไป” นานาสะบัดหน้าใส่ไวน์ด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่าเธอกำลังงอนเขา ไวน์หัวเราะเบา ๆ กับท่าทางของนานา ก่อนจะเอียงหน้ามองเธอเล็กน้อยอย่างหยอกเย้า
“ผมไม่ได้จะจากไปซะหน่อย ยังเดินข้างคุณอยู่เลยนี่ครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงความกวนอารมณ์
“หึ คนอย่างคุณมันก็แค่คนปากดี” นานาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่ยอมรับว่าหน้าเริ่มร้อนขึ้นนิด ๆ
“แล้วคนสวยอย่างคุณล่ะครับ จะยอมให้คนปากดีอย่างผมเดินข้างไปทั้งวันไหม??” ไวน์ถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ สายตาเจ้าชู้ขี้เล่นฉายประกายเหมือนรู้ทันอาการของเธอทุกอย่าง เขาไม่ได้รังเกียจที่เธอไม่ใช่ผู้หญิงแท้แต่เธอไม่ใช่สเปคเขานั่นคือเหตุผล
“ถ้าไม่ขวางคนสวยเวลาเดิน คนสวยก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ” เธอตอบกลับด้วยท่าทางเชิด ๆ หยิ่ง ๆ แล้วรีบก้าวเร็วขึ้นราวกับกลบความเขินที่เริ่มไต่ขึ้นหน้า โดนผู้หลายหล่อพูดหยอกใครบ้างจะไม่เขิน
ไวท์ที่เดินอยู่ด้านหลังปรายตามองเลออนกับพบรักนิ่ง ๆ โดยไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา เพราะกว่าเจ้านายเขาจะยอมมาเจอพบรัก กว่าจะยอมทำตามแผนที่ไวน์วางไว้ก็เล่นเอาแทบแย่
‘ถ้าไม่จงใจ ใครจะเชื่อล่ะว่าทางเดินของที่ห้างกว้างขนาดนั้น คนจะสามารถเดินชนกันได้พอเหมาะพอเจาะราวกับฉากในหนัง’ ไวท์คิดในใจอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเลออนที่เดินเคียงข้างพบรักอยู่ด้านหน้า
ถึงภายนอกเลออนจะดูนิ่งขรึมแต่คนที่คอยตามเฝ้าดูอย่างเขาย่อมมองออก ว่าแววตาของมาเฟียหนุ่มเย็นชาที่ไม่เคยให้ความสนใจกับใครวันนี้กลับเต็มไปด้วยแววอ่อนโยนและอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
‘ขนาดตอนคุยธุรกิจพันล้านผ่านหน้ายังไม่เคยเห็นมันมีแววตาแบบนี้’ ไวท์ถอนหายใจในใจเบา ๆ พลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ นี่สินะ… สิ่งที่ใครต่อใครเรียกว่า “คนของใจ”
“ตัวเล็กหิวหรือยัง” เสียงทุ้มของเลออนเอ่ยถามขณะเดินผ่านโซนร้านอาหารที่มีมากมายหลายชนิด เขาหันมาถามคนข้างกายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“แล้วพี่ชายหิวหรือยังคะ” พบรักย้อนถามกลับพร้อมรอยยิ้ม
“พี่ยังไงก็ได้” เขาตอบเรียบ ๆ แต่แววตาของเขาไม่ละไปจากใบหน้าหวาน ๆ ของเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“งั้นเราไปหาอะไรกินก่อนก็ได้ค่ะ” พูดจบพบรักก็หันไปหานานาที่เดินอยู่ข้าง ๆ พลางเอ่ยถาม
“นานากินอะไรดี”
“อะไรก็ได้ที่อร่อยที่สุด แกรู้ใช่ไหม??” นานาทำท่าลูบท้องก่อนจะหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี พบรักยิ้มกว้าง ก่อนจะหันกลับมามองเลออนแล้วพาเขาเดินตรงไปยังร้านชาบูที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเธอยืนอยู่ เพราะเธอรู้ดีว่านานาชอบกินมากที่สุด
เมื่อทุกคนเข้ามาในร้าน นานาเป็นคนเดินนำและเลือกโต๊ะ ก่อนจะสั่งอาหารด้วยความคล่องแคล่ว จานเนื้อคุณภาพดีเรียงรายอยู่บนโต๊ะ กลิ่นน้ำซุปร้อน ๆ ลอยแตะจมูกเบา ๆ เสียงเดือดของหม้อชาบูดังปุด ๆ เพิ่มความอบอุ่นให้บรรยากาศ
ระหว่างมื้ออาหารเลออนคอยคีบอาหารให้พบรักอย่างไม่ขาด เขาหยิบแต่ของดีใส่ถ้วยของเธอ พบรักเอ่ยเบา ๆ เมื่อเห็นถ้วยในมือตัวเองเต็มตลอดเวลา
“ขอบคุณค่ะ”
“อร่อยไหม??” เขาถามพลางมองเธอด้วยแววตานุ่มนวล
“อร่อยค่ะ”
“อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะ ผอมเกินไปแล้ว รู้ไหม??” เลออนยิ้มเพียงบาง แต่สายตาที่มองเธอกลับเต็มไปด้วยความอาทรที่ไม่ต้องการคำอธิบาย พบรักหน้าแดงก้มหน้าหลบสายตาเขาอย่างเขิน ๆ
“พี่ชายก็กินบ้างสิคะอย่ามัวแต่ตักให้หนู”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่กินทีหลัง ให้ตัวเล็กกินให้อิ่มก่อน”
“พี่ชาย...” เธอเผลอเรียกชื่อเขาเสียงเบาอย่างไม่รู้ตัว หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เลออนหันกลับมาหาเธออีกครั้ง
“กินเยอะ ๆ นะ ตัวเล็กผอมเกินไปแล้ว” เขาพูดพลางคีบเนื้ออีกชิ้นวางในถ้วยเธอด้วยความอ่อนโยน
“ปากเลอะ” แล้วไม่รอให้เธอทำอะไรต่อ เขาหยิบกระดาษเช็ดปากขึ้นมาเช็ดมุมปากให้เธออย่างเบามือ พบรักนั่งตัวแข็งเล็กน้อย เธอไม่กล้าขยับ ไม่กล้ามองตาเขาตรง ๆ หัวใจเต้นแรงราวจะหลุดออกจากอก
นานาที่แอบสังเกตอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับชะงัก หยุดเคี้ยวแล้วเบือนหน้าหนี ก่อนจะแกล้งกระแอมขึ้นมาเสียงดัง
“แหมมม นี่ฉันมากินชาบูหรือมากินของหวานกันนะ”
“นานาอ่ะ!!” พบรักสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปค้อนใส่เพื่อนด้วยแก้มที่แดงปลั่ง
“อ่ะ ๆ ๆ ไม่แกล้งแล้ว ๆ รีบกินเลย เดี๋ยวชาบูจะเดือดจนแห้งก่อน” นานาว่าพลางหัวเราะคิกคัก ยื่นตะเกียบไปคีบลูกชิ้นต่อกินด้วยความเอร็ดอร่อย บนใบหน้าก็ปราฎกรอยยิ้มสดใสราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่
เลออนมองสองเพื่อนรักที่หยอกกันอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะหันกลับมามองพบรักอีกครั้ง ก่อนจะคีบผักใส่ถ้วยเธอเพิ่ม …ไม่ต้องพูดเยอะ แต่การกระทำของเขา กำลังทำให้เธอหลงในความอบอุ่นทีละนิด โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ