✔️ 📝 เบื้องลึกก่อนค่ำวันนั้น

3557 Words
🔥 คืนที่ไฟไม่ยอมดับ 🌒 เย็นวันนั้น รถยุโรปของรดาแล่นออกจากประตูมหา’ลัยเทวากรเงียบกริบ ไม่มีใครในรถพูดอะไรเลยสักคำ เสียงแอร์เบา ๆ กลับดังชัดขึ้นเหมือนย้ำว่าบรรยากาศในรถมันอึดอัดขนาดไหน แพรวานั่งกอดแฟ้มบนตักแน่น สายตาจ้องออกไปนอกหน้าต่างตลอดทาง จริง ๆ แล้วข้างนอกไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในหัวเธอเต็มไปด้วยเสียงของคนคนเดียว “เด็กทุนปีนี้ถูกเลือกเพราะพ่อเธอเขามีเรื่องกับมาเฟีย” น้ำเสียงนิ่ง ๆ ของเพลิงยังวนซ้ำไปมาเหมือนแผ่นเสียงเสีย ภาพหน้าเขาตอนก้มมาพูดใกล้ ๆ ก็ย้อนกลับมาชนใจเธอเป็นร้อยรอบ แพรวากัดริมฝีปากจนชา มือที่กอดแฟ้มเกร็งจนข้อนิ้วซีด เธอรู้สึกเหมือนโดนดึงเข้าไปในวงจรอะไรสักอย่าง วงจรที่เธอไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่บนโลกนี้ ถ้าพ่อไม่ได้โกหกทำไมไม่เคยเล่า? ถ้ามันแค่เรื่องเข้าใจผิดทำไมสายตาเพลิงตอนพูดถึงคำว่า “มาเฟีย” ถึงดูจริงจังขนาดนั้น? รดานั่งข้าง ๆ มองเพื่อนเงียบ ๆ ในหัวมีคำถามเต็มไปหมด แต่อ้าปากไม่ออก เธอรู้ว่าแพรวาเป็นคนคิดเยอะอยู่แล้ว ยิ่งไปซ้ำยิ่งเจ็บ รดาเลยทำได้แค่เอื้อมมือไปแตะแผ่นหลังแพรวาเบา ๆ หนึ่งที เหมือนบอกว่า “ฉันอยู่ตรงนี้นะ” ไม่ต้องพูด แต่น้ำหนักสัมผัสมันชัดกว่าคำปลอบใจไหน ๆ แพรวาเหลือบตามามองเพื่อนแวบหนึ่ง แต่ยิ้มไม่ออก เธอหันกลับไปมองข้างนอกเหมือนเดิม รถแล่นผ่านเสาไฟ ผ่านรถติด แสงเย็นจากพระอาทิตย์ค่อย ๆ หายไป ข้างนอกเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ แต่ในหัวแพรวามืดไปก่อนแล้ว “พ่อเคยบอกว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกับแก๊งมาเฟีย” เธอเผลอพึมพำออกมาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว “แต่ทำไมเพลิงพูดเหมือนมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย” รดาหันมามองทันที แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่ยังไม่กล้าถามอะไรเพิ่ม เธอรู้ว่าตอนนี้แค่ยืนให้เพื่อนพิง ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว แพรวาเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน จะถามพ่อยังไง ถ้าเข้าไปถามแล้วพ่อไม่ตอบล่ะ? หรือแย่กว่านั้นพ่อพูดความจริง แล้วมันเลวร้ายกว่าที่เธอคิดล่ะ? แล้วแม่ล่ะแม่รู้ไหม? แม่ไม่เคยหลุดพูดเรื่องนี้สักครั้ง ถ้าเธอเอาเรื่องวันนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง แม่อาจช็อกจนคืนนี้นอนไม่หลับด้วยซ้ำ แพรวาหายใจเข้าลึก ๆ พยายามกดเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นแรงจนแทบทะลุอก รดาหยิบทิชชู่จากช่องเก็บของแล้วยื่นให้ เสียงเธอเบาลงแบบที่ไม่ค่อยใช้กับใคร “ถ้าไม่โอเคบอกฉันได้นะแพรวา” เธอพูดช้า ๆ “ไม่ต้องเล่าหมดก็ได้ แค่บอกว่าต้องการให้ฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ ก็พอ” แพรวาไม่ตอบ แต่รับทิชชู่มากำไว้แน่น ก้มหน้าลงเหมือนจะร้องไห้ แต่ฝืนน้ำตาไว้ ไม่นาน รถก็เลี้ยวเข้าซอยบ้านแพรวา คนขับเอ่ยเตือนเสียงสุภาพ “ถึงแล้วครับคุณหนู” แพรวาหันมามองรดา พยายามดันมุมปากให้เป็นรอยยิ้ม ทั้งที่มันสั่นนิด ๆ “ฉันโอเคนะไม่ต้องห่วงมากหรอก” เสียงยังไม่นิ่ง “วันนี้ขอบใจมากจริง ๆ ถ้าไม่มีแก ฉันคงตายตั้งแต่กลางคณะแล้ว” รดารีบคว้ามือเพื่อนมากุมแน่น “แกไม่ต้องโอเคตลอดเวลาก็ได้ เข้าใจไหม” น้ำเสียงจริงจังจนแพรวาเงียบไป “แต่ก็ได้ ถ้าแกบอกว่าโอเคฉันจะเชื่อก่อน แค่ ‘ตอนนี้’ นะ” รดาทำเสียงดุหน่อย ๆ “แต่พรุ่งนี้ไม่รอด แกโดนฉันเค้นแน่” แพรวาหลุดหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะที่เหมือนมีน้ำตาปนในนั้น เธอเปิดประตูรถ ลมเย็นจากช่วงหัวค่ำพัดปะทะหน้า ทั้งที่อากาศเย็น แต่ในใจกลับร้อนรุ่มไม่หยุด ก่อนลงจากรถ เธอหันกลับมามองรดาอีกที “เจอกันพรุ่งนี้นะดา ถึงบ้านแล้วทักมาบอกด้วย” รดายักคิ้ว “ไม่ใช่แค่เจอในมหา’ลัยนะ พรุ่งนี้ฉันจะโผล่มากินข้าวฝีมือแม่แกก่อนเข้าเรียนต่างหาก” เธอชี้นิ้วเหมือนขู่ “คาบแรกสิบโมง เก้าโมงฉันจะอยู่หน้าร้าน แม่แกห้ามปิดประตูใส่หน้าเด็กไฮโซอย่างฉันเด็ดขาด ยัยเด็กทุนตัวแสบของฉัน” แพรวาส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ “เออ ๆ เอาเลย คุณหนู” รถของรดาค่อย ๆ เคลื่อนออกจากหน้าบ้าน ทิ้งให้แพรวายืนมองไฟท้ายเลี้ยวหายไปที่ปากซอย พอรถลับตา ความเงียบก็ถาโถมกลับมาเต็ม ๆ แพรวาหันไปมองป้ายไฟหน้าร้าน “แพรวาอาหารญี่ปุ่น” ที่พ่อกับแม่ช่วยกันทำ บ้านนี้ควรเป็นที่ปลอดภัยสุดในโลก แต่วินาทีนี้เธอไม่แน่ใจอีกแล้วว่าหลังประตูบานนี้ซ่อน “ความจริง” แบบไหนไว้ เรื่องของพ่อ? เรื่องของมาเฟีย? คำพูดของเพลิง? สายตาที่เหมือนรู้เรื่องเธอมากกว่าเธอเอง? ทุกอย่างถาโถมเข้ามาในหัวจนแทบหายใจไม่ออก แต่ต่อให้กลัวแค่ไหนเธอก็หนีไม่ได้แล้ว เพลิงเริ่มสงสัย คนในเทวากรเริ่มจับตาดู และเธอถูกลากเข้าไปในเกมที่ไม่ได้เป็นคนขอเล่นตั้งแต่แรก แพรวาสูดหายใจลึก ค่อย ๆ เอื้อมมือไปบิดกลอนประตู เสียง “แกร๊ก” เบา ๆ ดังขึ้น แต่ในหัวเธอดังลั่น คืนนี้…คือจุดเริ่มต้น บางอย่างกำลังเปลี่ยนไป โดยที่เธอหยุดมันไม่ได้อีกแล้ว 🌙 ดึกวันเดียวกัน – หน้าร้านแพรวาอาหารญี่ปุ่น ร้านปิดไฟข้างในแล้ว เหลือแค่ไฟส้มหน้าป้ายที่ยังติดอยู่ เสียงมอเตอร์ไซค์ขับผ่านบ้างประปราย ซอยคืนวันธรรมดาเงียบกว่าปกติ รถสปอร์ตสีดำจอดแอบอยู่มุมมืดฝั่งตรงข้ามตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ เพลิงเอนหลังพิงเบาะ มองร้านเล็ก ๆ ตรงหน้าเงียบ ๆ มือข้างหนึ่งหมุนกุญแจรถเล่น อีกข้างกำโทรศัพท์แน่นจนเส้นเลือดขึ้น ในหัวเขามีแต่หน้าเธอ ตั้งแต่ตอนเถียงเขาในเรือนรับรอง ตอนที่เธอสั่นนิด ๆ ตอนเขากระซิบเรื่องคืนคอนโด ยิ่งคิด ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งนึกภาพกันเองมายืนข้าง ๆ เธอยิ่งอยากกลับไปกระชากคอเสื้อมันอีกรอบ “โคตรรำคาญ…” เขาพึมพำกับตัวเอง “รำคาญตัวเองที่คิดถึงแต่เธอแบบนี้” สุดท้ายเขาก็ผลักประตูรถลงมา เดินข้ามถนนไปหน้าร้านแบบไม่คิดจะมองซ้ายขวา มือใหญ่เคาะประตูไม้กระจกเบา ๆ สามครั้ง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ด้านในมีเสียงเก้าอี้ขยับเบา ๆ ก่อนที่ประตูจะถูกปลดล็อก แพรวาในเสื้อยืดกางเกงวอร์มธรรมดา เปิดประตูออกมาโดยไม่ทันได้ดูว่าใคร “ขอโทษค่ะ วันนี้ร้านปิดแล้ว ถ้าจะสั่งให้โทรมาพรี—” คำพูดขาดหายกลางประโยค เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือเขา เพลิงในเสื้อเชิ้ตดำตัวเดียว พับแขนขึ้นถึงศอก ผมเซไปนิดเหมือนผ่านลมมา สายตาคมเฉียบมองเธอตรง ๆ แบบไม่คิดหลบ หัวใจแพรวากระแทกอกแรงจนรู้สึกได้จริง ๆ “นายมาที่นี่ทำไม…” เธอถามเสียงเบา มือจับขอบประตูแน่น เพลิงยกคิ้วนิด ๆ “ถามจริงเหรอ ว่าฉันมาทำไม” เขาไม่รอคำเชิญ แต่ใช้มือดันประตูเข้ามาเบา ๆ แรงพอให้ช่องแคบ ๆ ระหว่างเขากับเธอหายไปแทบหมด กลิ่นน้ำหอมเขาปนกลิ่นโชยุจาง ๆ ในร้านจนเธอหายใจไม่ถูกจังหวะ “ร้านปิดแล้ว ฉันเหนื่อยนายกลับไปเถอะ” แพรวาพยายามทำเสียงนิ่ง “เหนื่อยเพราะคิดเรื่องที่ฉันพูด หรือเหนื่อยเพราะคิดถึงฉันด้วย” เขาถามหน้าตาย แต่น้ำเสียงต่ำลงจนขนลุก “บ้าใครจะไปคิดถึงนาย” เพลิงยิ้มมุมปากแบบเดิมที่ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะทุกที “ปากแข็งจนน่าจัดการ” เขากวาดตามองเข้าไปด้านใน “พ่อแม่เธอหลับหรือยัง” แพรวาตาโต “เกี่ยวอะไรกับนาย?” “ตอบ” เขาไม่รอให้อ้อมค้อม “พ่อไปตลาดเช้าพรุ่งนี้ แม่ขึ้นไปนอนแล้ว…” เธอตอบไปแบบไม่ทันคิด พอรู้ตัวก็อยากกัดลิ้นตัวเอง เพลิงพยักหน้าเบา ๆ เหมือนได้คำตอบที่ต้องการ “ดี งั้นก็เหลือเธอคนเดียว” ก่อนที่แพรวาจะทันถอยหนี เขาก็เอื้อมมือมาจับข้อมือเธอ อุ่น แน่น แรงแบบไม่ให้โอกาสคิดจะหนี แต่ไม่เจ็บ “เฮ้ย! จะทำอะไรของนาย—” “คุย” เขาตอบสั้น ๆ “แต่ที่ไหนสักที่ที่ไม่ใช่หน้าประตูบ้านเธอ” เขาลากเธอเข้ามาในร้าน ปิดประตูลง ล็อกกลอนดัง “แกร๊ก” เสียงนั้นทำหัวใจเธอสั่นแรงกว่าเดิมอีก เพลิงไม่พาเธอไปที่โต๊ะด้านหน้า แต่ลากผ่านเคาน์เตอร์เข้าไปด้านในสุด สูดกลิ่นร้านเธอเหมือนอยากจำทุกอย่างของเธอให้ขึ้นใจ จนถึงห้องเก็บของและห้องเล็ก ๆ ที่ครอบครัวใช้เป็นออฟฟิศ “นี่นาย—” เขาผลักประตูห้องเล็ก ๆ เข้าก่อน แล้วดึงเธอเข้าไปด้วย ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มีแค่โต๊ะทำงาน เตียงเล็กพับได้ กับหน้าต่างบานเล็กที่ปิดผ้าม่านไปแล้ว ทันทีที่ประตูปิดลง เสียงข้างนอกถูกตัดออกหมด เหลือแค่เสียงหายใจของคนสองคน เพลิงดันเธอเบา ๆ จนหลังไปชนผนัง มือข้างหนึ่งวางข้างศีรษะเธอ อีกข้างยังจับข้อมือเธอไว้เหมือนกลัวเธอเลือนหาย “นายมาที่นี่เพราะอะไรแน่ ๆ พูดมา” แพรวาพยายามมองตาเขาตรง ๆ ทั้งที่หัวใจสั่นไปหมด “เพราะทั้งวันฉันควบคุมตัวเองแทบไม่ได้อยู่แล้ว” เขาตอบตรง ๆ แบบไม่คิดหลบ “ตั้งแต่เห็นเธอเดินไปเดินมากับกันเอง ตั้งแต่เห็นหน้าเธอในห้องประชุม ตั้งแต่ได้ยินว่าเธอถูกเลือกเพราะเรื่องของพ่อฉันรำคาญทุกอย่าง ยกเว้นเธอคนเดียว” แพรวากลืนน้ำลาย “แล้วที่นายพูดเรื่องพ่อฉันวันนี้นายสนใจเรื่องนั้น หรือสนใจแค่อยากจับผิดฉันกันแน่” เพลิงเงียบไปชั่วครู่ สายตาเขายังคมเหมือนเดิม แต่ลึกขึ้น “ฉันสนใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ นั่นแหละปัญหา” เขาขยับเข้าใกล้ จนปลายจมูกแทบแตะหน้าผากเธอ “ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยแพรวา” เขากระซิบ “ไม่ชอบเวลามีผู้ใหญ่คิดจะใช้เธอเป็นหมาก ไม่ชอบเวลาคนอื่นมองเธอเหมือนตัวเลขในแฟ้ม ไม่ชอบเวลาผู้ชายคนอื่นมายืนถือแฟ้มให้ใกล้ ๆ เธอ” ปลายนิ้วเขาเลื่อนจากข้อมือขึ้นมาแตะหลังมือเธอ ลูบช้า ๆ เหมือนพยายามปรับจังหวะหัวใจตัวเองไปด้วย “แล้วนายคิดว่าฉันชอบรึไง ที่อยู่ดี ๆ ต้องมาเป็น ‘เด็กทุนพร้อมความลับของพ่อ’ แบบนี้” แพรวาพูด เสียงเริ่มสั่น “ฉันยังไม่รู้เลยว่าพ่อไปทำอะไรไว้บ้าง ฉันยังรับตัวเองไม่ทันด้วยซ้ำ” เพลิงหลับตาแวบหนึ่ง เหมือนคำเธอไปแทงตรงจุดที่เขาไม่อยากรับรู้ เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกที แววตาไม่ใช่แค่คม แต่มีบางอย่างอ่อนลงปนอยู่ด้วย “ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ขอมาอยู่ตรงนี้” เขาพูดช้า ๆ “แต่ตอนนี้เธออยู่แล้ว…และฉันก็อยากให้เธออยู่ในสายตาฉันเท่านั้น” “คำว่าคุมขังกับคำว่าปกป้องมันต่างกันนิดเดียวเองนะเพลิง” เธอเงยหน้าสบตาเขา “นายแน่ใจเหรอ ว่านายไม่กำลังทำอย่างแรกอยู่” รอยยิ้มเขาเอียงขึ้นนิดหนึ่ง “ตอนแรกอาจใช่…แต่ตอนนี้ไม่แล้ว” มือที่ค้ำผนังเลื่อนลงมาประคองกรอบหน้าเธอ นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเบา ๆ ที่มุมปากเธอ “ตอนนี้ฉันไม่ได้อยากขังเธอไว้เป็นหมากของเทวากร…ฉันแค่อยากขังเธอไว้ในคืนของฉันคนเดียว” หัวใจแพรวาเต้นแรงจนหูอื้อ “เพลิง…” เขาก้มหน้าลงช้า ๆ ริมฝีปากเขาเฉียดหน้าผากเธอ ก่อนจะไล่ลงมาที่สันจมูก แล้วหยุดอยู่ห่างจากริมฝีปากเธอแค่ลมหายใจเดียว “ทั้งคืนที่คอนโดฉันต้องหยุดตัวเอง ทั้งที่เธอเป็นคนเริ่ม” เสียงเขาแตกนิด ๆ “วันนี้ทั้งวันก็ต้องแกล้งทำเหมือนไม่อะไร ทั้งที่จริงฉันอยากดึงเธอออกจากคลาสให้หมดทุกคนไม่ต้องมองหน้าเธอ” เขาหัวเราะเบา ๆ แบบขุ่น ๆ “โคตรคลั่งเธอเลยรู้ตัวไหม” คำพูดนั้นทำให้เขินจนหายใจติดขัด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจเธอตอบกลับแรงกว่าที่ควร “นายพูดแบบนี้ ฉันจะหนีไม่ทันแล้วนะ” เธอพยายามกวนกลับ ทั้งที่เสียงสั่น เพลิงยิ้มมุมปาก “ดีฉันก็ไม่คิดจะให้เธอหนีอยู่แล้ว” เขาไม่รอให้เธอพูดอะไรต่อ ริมฝีปากเขาก็ทาบลงมาบนของเธอไม่ใช่แบบค่อย ๆ ทดลองเหมือนครั้งแรกในผับ แต่เป็นจูบที่ชัดเจนว่า คิดถึงมานาน แรงกดไม่รุนแรง แต่ลึก ลึกจนสติหลุดไปครึ่งหนึ่งตั้งแต่สัมผัสแรก มือแพรวาที่เคยดันอกเขาไว้เปลี่ยนเป็นกำเสื้อเขาแน่นเองโดยไม่รู้ตัว จังหวะจูบของเขาไม่รีบ แต่แน่น เหมือนเขาตั้งใจจะจดจำรูปปากของเธอทีละนิด และบังคับให้เธอจำจังหวะของเขากลับไปด้วย ลมหายใจในห้องเล็ก ๆ หนักขึ้นทีละวินาที เพลิงผละปากออกช้า ๆ แตะหน้าผากเขากับหน้าผากเธอ ลมหายใจทั้งคู่ชนกันแรง “อย่ามองผู้ชายคนอื่นแบบวันนี้อีก” เขากระซิบ “ฉันหึง ห้ามเถียง” “ฉันไม่ได้—” เขากดจูบลงมาอีกครั้ง คราวนี้สั้น แต่แรงพอให้คำแก้ตัวหายไปหมด “ฉันบอกว่าห้ามเถียง” เสียงเขาต่ำจนสั่นไปถึงท้อง “เธอจะแกล้งฉันด้วยเรื่องอื่นก็ได้ แต่ห้ามใช้คนอื่นมาเดินข้าง ๆ ตัวเอง” มือเขาเลื่อนมาวางตรงเอวเธอ กดเบา ๆ ให้อกทั้งสองแนบกันมากขึ้น ความร้อนจากตัวเขาซึมผ่านผ้าบาง ๆ เข้ามาในผิวเธอช้า ๆ แต่แน่น เหมือนไฟที่กะพริบอยู่ใต้ผิวแล้วลามขึ้นมาถึงหัวใจ แพรวาหลับตาแวบหนึ่ง ในหัวไม่มีเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงหายใจของเขา และความจริงง่าย ๆ ข้อหนึ่งที่เธอเพิ่งยอมรับในใจตอนนี้ เธอเองก็อยากให้เขาอยู่ใกล้มากกว่าที่ควรจะเป็นเหมือนกัน เพลิงเลื่อนใบหน้าลงมาที่ซอกคอ ริมฝีปากเขาแตะผิวเธอเบา ๆ เหมือนถาม ไม่ได้รุกล้ำ แต่ให้โอกาสเธอถอยได้เสมอ “เพลิง…” เสียงเธอเบา อาย แต่ไม่ได้ผลักเขาออก นิ้วเธอกลับขยุ้มเสื้อเขาแน่นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เขายิ้มชิดผิวคอเธอ ลมหายใจอุ่น ๆ เป่าผ่านจุดนั้นจนขนลุกวาบ “เธอรู้ไหมคืนที่คอนโด…” เขากระซิบ “ฉันต้องหันหลังให้เธอทั้งคืน ไม่งั้นฉันคงไม่เหลือสติแบบวันนี้” เขาวางจูบหนึ่งจุดตรงต้นคอ ไม่แรง แต่ลึกพอให้ใจสั่นทั้งตัว “คืนนี้ไม่อยากหันหลังให้แล้วว่ะ” ประโยคเดียวทำหัวใจเธอร้อนวูบ แต่แปลกที่เธอไม่คิดหนี ไม่คิดผลัก มีแต่ความรู้สึกเหนื่อยล้าจากทั้งวัน ที่อยากปล่อยตัวเองให้หยุดคิดเรื่องทุกอย่างสักคืน แค่อยากหยุดอยู่ในอ้อมแขนคนคนหนึ่งที่อย่างน้อยก็ตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตัวเอง แพรวาค่อย ๆ ยกแขนโอบรอบคอเขา ขยับเข้าไปใกล้อีกนิดด้วยตัวเอง “แปลว่าคืนนี้นายจะอยู่ข้าง ๆ ฉันใช่ไหม” เธอถามเสียงเบา เพลิงเงยหน้าขึ้นมามองตาเธอตรง ๆ แววตาเขาทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งโหยหา “ไม่ใช่แค่อยู่ข้าง ๆ” เขาตอบ “แต่ฉันจะไม่ให้เธอต้องรับอะไรคนเดียวอีกต่อให้เธอไม่อยากลากฉันเข้าไปในเรื่องของพ่อเธอ ฉันก็จะเข้าไปเอง” คำพูดนั้นหนักกว่าจูบเมื่อกี้อีก แพรวารู้สึกเหมือนมีอะไรแน่น ๆ ในอกพังลงทีละนิด น้ำตาเธอคลอโดยไม่รู้ตัว เพลิงตกใจนิด ๆ นิ้วโป้งรีบเช็ดหางตาเบา ๆ “เฮ้อย่าร้องดิ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายเลยนะ” แพรวาหัวเราะทั้งน้ำตา “ก็ใครบอกให้นายพูดดีแบบนี้ล่ะ…” เขายิ้มจาง ๆ “ชอบเหรอ” “ไม่ชอบ” เธอเถียงอัตโนมัติ “แต่ ขออีกนิดก็ได้” เพลิงหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบเธออีกครั้ง คราวนี้ช้าลง นิ่มขึ้น แต่ลึกกว่าเดิม เหมือนเขาใช้จูบนี้ค่อย ๆ ซับความกลัว ความกังวล และความโดดเดี่ยวออกจากใจเธอทีละนิด มือเขาเลื่อนขึ้นมากอดเธอเต็ม ๆ ดึงตัวเธอเข้ามาแนบอก เหมือนจะปิดทุกช่องว่างระหว่างกัน "อ๊าา! เบาหน่อย อะ อื้ออ" ร่างบอบบางที่ถูกจัดอยู่ในท่าคลานเข่าขยุ้มมือกำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ ลำกายใหญ่เขากระแทกเข้าออกใส่ร่องคับแน่นของเธออย่างรุนแรง เปลี่ยนจากกระแทกแรงๆ ให้ท่อนแข็งใหญ่สัมผัสให้ทั่วร่องอุ่นทำ ‘เธอ’ เสียวยิ่งกว่าเดิมซะอีก “ธะ เธอ แบบนั้นมัน อะ อ๊าง~” “มันทำไม?” “สะ เสียว เสียวไม่ไหวแล้ว” เพี๊ยะ! ร่องอุ่นขมิบรัดลำเอ็นใหญ่ที่สัมผัสร่องถี่ๆ ทำเอาเขาเกือบเสร็จจนเผลอฟาดมือลงบนก้นเธอ เขาฟาดเธอยิ่งขมิบร่องรัดเอ็นเขาแรงขึ้นเหมือนชอบใจ พอร่างกายเธอตอบสนองก็โดนเขาฟาดจนเป็นรอยนิ้วมือ ยิ่งฟาดยิ่งเสียว... “เสียว… อะ อ๊า~” “อะ อื้อ เธอคะ อ๊ะๆ” มือหนา ๆ คว้าเอวบางตอกอัดลำเอ็นแข็งเข้าใส่ร่องแฉะ ปัก ปัก ปัก! ใส่กลีบอูมทั้งลึกทั้งแรงจนจุกท้องแต่มันเสียวมากกว่าจนเธอเผลอแอ่นสะโพกเด้งขึ้น แล้วเขารวบมือไปไขว้หลังไว้แล้วกระทุ้งเอ็นใหญ่เข้าใส่ร่องเธอแรงๆ ทำเอาเธอแทบเสร็จ “ไม่ไหวแล้ว อ๊ะๆ จะเสร็จ อิ๊ อ๊าาง~” ร่างสูงกระหน่ำแทงใส่จุดเสียวย้ำๆ จนเธอทนไม่ไหวจนน้ำหวานแตกซ่านออกมาชโลมเต็มลำเอ็นใหญ่จนได้ “หึ น้ำเธอโคตรเยอะเลยว่ะ” “ขอแตกบ้างนะ” เขาจับร่างบางพลิกตัวนอนหงาย จับขาแยกออกกว้างแล้วแทรกตัวเข้าไปตรงกลางหว่างขาจับปลายถูไปมาตามรอยแยกไม่ยอมเสียบมันเข้าไปสักทีจนเธอต้องใช้นิ้วแหวกกลีบอูมออกจับมันเสียบเข้าไปในรูร่องของเธอซะเอง “อะ อื้อ เอาเลย” “อ่าส์ อ๊ะๆ เสียว…” โดนเขาจับขาเรียวข้างหนึ่งไปพาดไว้บนบ่า เขาขบกรามแน่นส่งเสียงครางต่ำในลำคอออกมาทำเอาคนที่นอนมองเขาอยู่ใต้ร่างรู้สึกเสียววาบไปทั่วท้อง “เสียวอ่าส์ จะแตก" “แตกเลยอ๊ะๆ เราก็จะไม่ไหวแล้ว” ปัก ปัก ปัก! มือใหญ่ทั้งสองข้างบีบก้อนเนินขาวอวบใหญ่เลื่อนลงมาบีบเอวบางไว้แน่นจนขึ้นรอยนิ้วมือเขากระแทกทั้งตอกเอ็นเข้าใส่ร่องแฉะอย่างบ้าคลั่งจนร่างบางครางเสียงหลง "อ๊ะ อ๊างง ไม่ไหว ฮื่ออ” “เสียว?” “อะ อื้อ อ๊า~” ร่างสูงโน้มตัวลงซุกหน้าที่ซอกคอหอมประคองกอดร่างบางไว้แน่นแล้วเร่งเอวกระแทกลำเอ็นเข้าออกในร่องอุ่นถี่เร็ว ลึกๆ เน้นๆ "เธอ อูย จะเสร็จแล้วๆ อ๊ะ อ๊าางง” “อีกนิด ซี๊ดส์ จะแตกแล้ว" ร่างบางขยุ้มมือกำเส้นผม ซึ่งเธอก็อ้าขาออกกว้างปล่อยให้เขากระแทกต่อจนเสร็จ ป็อก! "เสียว ซี๊ดส์ แตกแล้ว ฮึ่ม...” ท่อนแข็งยาวถูกชักออกจากร่องคับแน่น แฮ่กๆ ~ เธอซบหน้าลงหอบหายใจกับเตียงนอนนุ่มอย่างหมดแรง ในห้องเล็ก ๆ หลังร้านอาหารญี่ปุ่นธรรมดา ๆ มีแค่สองคนที่ปล่อยให้หัวใจชนกันตรง ๆ ไม่มีคำหยาบ มีแค่ความดิบของอารมณ์ตรง ๆ ที่เขาไม่คิดปิดบัง และการยอมรับเงียบ ๆ จากเธอ ว่าผู้ชายคนนี้กำลังกลายเป็น “พายุ” ที่เธอไม่แน่ใจว่าจะหนี หรืออยากยืนตากฝนไปกับเขาจนสุดทางกันแน่ คืนนี้…ไฟไม่ได้ดับลง แต่มันถูกรวมกันไว้ในอ้อมแขนของคนสองคนแทน 💥🖤
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD