🔥 คืนที่ไฟไม่ยอมดับ
🌒 เย็นวันนั้น
รถยุโรปของรดาแล่นออกจากประตูมหา’ลัยเทวากรเงียบกริบ ไม่มีใครในรถพูดอะไรเลยสักคำ
เสียงแอร์เบา ๆ กลับดังชัดขึ้นเหมือนย้ำว่าบรรยากาศในรถมันอึดอัดขนาดไหน แพรวานั่งกอดแฟ้มบนตักแน่น สายตาจ้องออกไปนอกหน้าต่างตลอดทาง
จริง ๆ แล้วข้างนอกไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ในหัวเธอเต็มไปด้วยเสียงของคนคนเดียว
“เด็กทุนปีนี้ถูกเลือกเพราะพ่อเธอเขามีเรื่องกับมาเฟีย”
น้ำเสียงนิ่ง ๆ ของเพลิงยังวนซ้ำไปมาเหมือนแผ่นเสียงเสีย ภาพหน้าเขาตอนก้มมาพูดใกล้ ๆ ก็ย้อนกลับมาชนใจเธอเป็นร้อยรอบ
แพรวากัดริมฝีปากจนชา มือที่กอดแฟ้มเกร็งจนข้อนิ้วซีด เธอรู้สึกเหมือนโดนดึงเข้าไปในวงจรอะไรสักอย่าง วงจรที่เธอไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่บนโลกนี้
ถ้าพ่อไม่ได้โกหกทำไมไม่เคยเล่า?
ถ้ามันแค่เรื่องเข้าใจผิดทำไมสายตาเพลิงตอนพูดถึงคำว่า “มาเฟีย” ถึงดูจริงจังขนาดนั้น?
รดานั่งข้าง ๆ มองเพื่อนเงียบ ๆ ในหัวมีคำถามเต็มไปหมด แต่อ้าปากไม่ออก เธอรู้ว่าแพรวาเป็นคนคิดเยอะอยู่แล้ว ยิ่งไปซ้ำยิ่งเจ็บ
รดาเลยทำได้แค่เอื้อมมือไปแตะแผ่นหลังแพรวาเบา ๆ หนึ่งที เหมือนบอกว่า “ฉันอยู่ตรงนี้นะ”
ไม่ต้องพูด แต่น้ำหนักสัมผัสมันชัดกว่าคำปลอบใจไหน ๆ
แพรวาเหลือบตามามองเพื่อนแวบหนึ่ง แต่ยิ้มไม่ออก เธอหันกลับไปมองข้างนอกเหมือนเดิม
รถแล่นผ่านเสาไฟ ผ่านรถติด แสงเย็นจากพระอาทิตย์ค่อย ๆ หายไป ข้างนอกเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ
แต่ในหัวแพรวามืดไปก่อนแล้ว
“พ่อเคยบอกว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกับแก๊งมาเฟีย”
เธอเผลอพึมพำออกมาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว
“แต่ทำไมเพลิงพูดเหมือนมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย”
รดาหันมามองทันที แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่ยังไม่กล้าถามอะไรเพิ่ม เธอรู้ว่าตอนนี้แค่ยืนให้เพื่อนพิง ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว
แพรวาเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
จะถามพ่อยังไง
ถ้าเข้าไปถามแล้วพ่อไม่ตอบล่ะ?
หรือแย่กว่านั้นพ่อพูดความจริง แล้วมันเลวร้ายกว่าที่เธอคิดล่ะ?
แล้วแม่ล่ะแม่รู้ไหม?
แม่ไม่เคยหลุดพูดเรื่องนี้สักครั้ง ถ้าเธอเอาเรื่องวันนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง แม่อาจช็อกจนคืนนี้นอนไม่หลับด้วยซ้ำ
แพรวาหายใจเข้าลึก ๆ พยายามกดเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นแรงจนแทบทะลุอก
รดาหยิบทิชชู่จากช่องเก็บของแล้วยื่นให้
เสียงเธอเบาลงแบบที่ไม่ค่อยใช้กับใคร
“ถ้าไม่โอเคบอกฉันได้นะแพรวา”
เธอพูดช้า ๆ
“ไม่ต้องเล่าหมดก็ได้ แค่บอกว่าต้องการให้ฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ ก็พอ”
แพรวาไม่ตอบ แต่รับทิชชู่มากำไว้แน่น ก้มหน้าลงเหมือนจะร้องไห้ แต่ฝืนน้ำตาไว้
ไม่นาน รถก็เลี้ยวเข้าซอยบ้านแพรวา คนขับเอ่ยเตือนเสียงสุภาพ
“ถึงแล้วครับคุณหนู”
แพรวาหันมามองรดา พยายามดันมุมปากให้เป็นรอยยิ้ม ทั้งที่มันสั่นนิด ๆ
“ฉันโอเคนะไม่ต้องห่วงมากหรอก”
เสียงยังไม่นิ่ง “วันนี้ขอบใจมากจริง ๆ ถ้าไม่มีแก ฉันคงตายตั้งแต่กลางคณะแล้ว”
รดารีบคว้ามือเพื่อนมากุมแน่น
“แกไม่ต้องโอเคตลอดเวลาก็ได้ เข้าใจไหม”
น้ำเสียงจริงจังจนแพรวาเงียบไป
“แต่ก็ได้ ถ้าแกบอกว่าโอเคฉันจะเชื่อก่อน แค่ ‘ตอนนี้’ นะ”
รดาทำเสียงดุหน่อย ๆ “แต่พรุ่งนี้ไม่รอด แกโดนฉันเค้นแน่”
แพรวาหลุดหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะที่เหมือนมีน้ำตาปนในนั้น
เธอเปิดประตูรถ ลมเย็นจากช่วงหัวค่ำพัดปะทะหน้า ทั้งที่อากาศเย็น แต่ในใจกลับร้อนรุ่มไม่หยุด
ก่อนลงจากรถ เธอหันกลับมามองรดาอีกที
“เจอกันพรุ่งนี้นะดา ถึงบ้านแล้วทักมาบอกด้วย”
รดายักคิ้ว “ไม่ใช่แค่เจอในมหา’ลัยนะ พรุ่งนี้ฉันจะโผล่มากินข้าวฝีมือแม่แกก่อนเข้าเรียนต่างหาก”
เธอชี้นิ้วเหมือนขู่
“คาบแรกสิบโมง เก้าโมงฉันจะอยู่หน้าร้าน แม่แกห้ามปิดประตูใส่หน้าเด็กไฮโซอย่างฉันเด็ดขาด ยัยเด็กทุนตัวแสบของฉัน”
แพรวาส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ
“เออ ๆ เอาเลย คุณหนู”
รถของรดาค่อย ๆ เคลื่อนออกจากหน้าบ้าน ทิ้งให้แพรวายืนมองไฟท้ายเลี้ยวหายไปที่ปากซอย
พอรถลับตา ความเงียบก็ถาโถมกลับมาเต็ม ๆ
แพรวาหันไปมองป้ายไฟหน้าร้าน “แพรวาอาหารญี่ปุ่น” ที่พ่อกับแม่ช่วยกันทำ
บ้านนี้ควรเป็นที่ปลอดภัยสุดในโลก
แต่วินาทีนี้เธอไม่แน่ใจอีกแล้วว่าหลังประตูบานนี้ซ่อน “ความจริง” แบบไหนไว้
เรื่องของพ่อ?
เรื่องของมาเฟีย?
คำพูดของเพลิง?
สายตาที่เหมือนรู้เรื่องเธอมากกว่าเธอเอง?
ทุกอย่างถาโถมเข้ามาในหัวจนแทบหายใจไม่ออก
แต่ต่อให้กลัวแค่ไหนเธอก็หนีไม่ได้แล้ว
เพลิงเริ่มสงสัย
คนในเทวากรเริ่มจับตาดู
และเธอถูกลากเข้าไปในเกมที่ไม่ได้เป็นคนขอเล่นตั้งแต่แรก
แพรวาสูดหายใจลึก
ค่อย ๆ เอื้อมมือไปบิดกลอนประตู
เสียง “แกร๊ก” เบา ๆ ดังขึ้น แต่ในหัวเธอดังลั่น
คืนนี้…คือจุดเริ่มต้น
บางอย่างกำลังเปลี่ยนไป โดยที่เธอหยุดมันไม่ได้อีกแล้ว
🌙 ดึกวันเดียวกัน – หน้าร้านแพรวาอาหารญี่ปุ่น
ร้านปิดไฟข้างในแล้ว เหลือแค่ไฟส้มหน้าป้ายที่ยังติดอยู่
เสียงมอเตอร์ไซค์ขับผ่านบ้างประปราย ซอยคืนวันธรรมดาเงียบกว่าปกติ
รถสปอร์ตสีดำจอดแอบอยู่มุมมืดฝั่งตรงข้ามตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้
เพลิงเอนหลังพิงเบาะ มองร้านเล็ก ๆ ตรงหน้าเงียบ ๆ มือข้างหนึ่งหมุนกุญแจรถเล่น อีกข้างกำโทรศัพท์แน่นจนเส้นเลือดขึ้น
ในหัวเขามีแต่หน้าเธอ ตั้งแต่ตอนเถียงเขาในเรือนรับรอง ตอนที่เธอสั่นนิด ๆ ตอนเขากระซิบเรื่องคืนคอนโด
ยิ่งคิด ยิ่งหงุดหงิด
ยิ่งนึกภาพกันเองมายืนข้าง ๆ เธอยิ่งอยากกลับไปกระชากคอเสื้อมันอีกรอบ
“โคตรรำคาญ…” เขาพึมพำกับตัวเอง
“รำคาญตัวเองที่คิดถึงแต่เธอแบบนี้”
สุดท้ายเขาก็ผลักประตูรถลงมา เดินข้ามถนนไปหน้าร้านแบบไม่คิดจะมองซ้ายขวา
มือใหญ่เคาะประตูไม้กระจกเบา ๆ สามครั้ง
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
ด้านในมีเสียงเก้าอี้ขยับเบา ๆ ก่อนที่ประตูจะถูกปลดล็อก
แพรวาในเสื้อยืดกางเกงวอร์มธรรมดา เปิดประตูออกมาโดยไม่ทันได้ดูว่าใคร
“ขอโทษค่ะ วันนี้ร้านปิดแล้ว ถ้าจะสั่งให้โทรมาพรี—”
คำพูดขาดหายกลางประโยค
เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือเขา
เพลิงในเสื้อเชิ้ตดำตัวเดียว พับแขนขึ้นถึงศอก ผมเซไปนิดเหมือนผ่านลมมา สายตาคมเฉียบมองเธอตรง ๆ แบบไม่คิดหลบ
หัวใจแพรวากระแทกอกแรงจนรู้สึกได้จริง ๆ
“นายมาที่นี่ทำไม…” เธอถามเสียงเบา มือจับขอบประตูแน่น
เพลิงยกคิ้วนิด ๆ
“ถามจริงเหรอ ว่าฉันมาทำไม”
เขาไม่รอคำเชิญ
แต่ใช้มือดันประตูเข้ามาเบา ๆ แรงพอให้ช่องแคบ ๆ ระหว่างเขากับเธอหายไปแทบหมด
กลิ่นน้ำหอมเขาปนกลิ่นโชยุจาง ๆ ในร้านจนเธอหายใจไม่ถูกจังหวะ
“ร้านปิดแล้ว ฉันเหนื่อยนายกลับไปเถอะ” แพรวาพยายามทำเสียงนิ่ง
“เหนื่อยเพราะคิดเรื่องที่ฉันพูด หรือเหนื่อยเพราะคิดถึงฉันด้วย”
เขาถามหน้าตาย แต่น้ำเสียงต่ำลงจนขนลุก
“บ้าใครจะไปคิดถึงนาย”
เพลิงยิ้มมุมปากแบบเดิมที่ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะทุกที
“ปากแข็งจนน่าจัดการ”
เขากวาดตามองเข้าไปด้านใน
“พ่อแม่เธอหลับหรือยัง”
แพรวาตาโต “เกี่ยวอะไรกับนาย?”
“ตอบ” เขาไม่รอให้อ้อมค้อม
“พ่อไปตลาดเช้าพรุ่งนี้ แม่ขึ้นไปนอนแล้ว…” เธอตอบไปแบบไม่ทันคิด พอรู้ตัวก็อยากกัดลิ้นตัวเอง
เพลิงพยักหน้าเบา ๆ เหมือนได้คำตอบที่ต้องการ
“ดี งั้นก็เหลือเธอคนเดียว”
ก่อนที่แพรวาจะทันถอยหนี เขาก็เอื้อมมือมาจับข้อมือเธอ
อุ่น แน่น แรงแบบไม่ให้โอกาสคิดจะหนี แต่ไม่เจ็บ
“เฮ้ย! จะทำอะไรของนาย—”
“คุย” เขาตอบสั้น ๆ
“แต่ที่ไหนสักที่ที่ไม่ใช่หน้าประตูบ้านเธอ”
เขาลากเธอเข้ามาในร้าน ปิดประตูลง ล็อกกลอนดัง “แกร๊ก”
เสียงนั้นทำหัวใจเธอสั่นแรงกว่าเดิมอีก
เพลิงไม่พาเธอไปที่โต๊ะด้านหน้า
แต่ลากผ่านเคาน์เตอร์เข้าไปด้านในสุด สูดกลิ่นร้านเธอเหมือนอยากจำทุกอย่างของเธอให้ขึ้นใจ
จนถึงห้องเก็บของและห้องเล็ก ๆ ที่ครอบครัวใช้เป็นออฟฟิศ
“นี่นาย—”
เขาผลักประตูห้องเล็ก ๆ เข้าก่อน แล้วดึงเธอเข้าไปด้วย
ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มีแค่โต๊ะทำงาน เตียงเล็กพับได้ กับหน้าต่างบานเล็กที่ปิดผ้าม่านไปแล้ว
ทันทีที่ประตูปิดลง เสียงข้างนอกถูกตัดออกหมด
เหลือแค่เสียงหายใจของคนสองคน
เพลิงดันเธอเบา ๆ จนหลังไปชนผนัง
มือข้างหนึ่งวางข้างศีรษะเธอ อีกข้างยังจับข้อมือเธอไว้เหมือนกลัวเธอเลือนหาย
“นายมาที่นี่เพราะอะไรแน่ ๆ พูดมา” แพรวาพยายามมองตาเขาตรง ๆ ทั้งที่หัวใจสั่นไปหมด
“เพราะทั้งวันฉันควบคุมตัวเองแทบไม่ได้อยู่แล้ว”
เขาตอบตรง ๆ แบบไม่คิดหลบ
“ตั้งแต่เห็นเธอเดินไปเดินมากับกันเอง ตั้งแต่เห็นหน้าเธอในห้องประชุม ตั้งแต่ได้ยินว่าเธอถูกเลือกเพราะเรื่องของพ่อฉันรำคาญทุกอย่าง ยกเว้นเธอคนเดียว”
แพรวากลืนน้ำลาย
“แล้วที่นายพูดเรื่องพ่อฉันวันนี้นายสนใจเรื่องนั้น หรือสนใจแค่อยากจับผิดฉันกันแน่”
เพลิงเงียบไปชั่วครู่ สายตาเขายังคมเหมือนเดิม
แต่ลึกขึ้น
“ฉันสนใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ นั่นแหละปัญหา”
เขาขยับเข้าใกล้
จนปลายจมูกแทบแตะหน้าผากเธอ
“ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยแพรวา”
เขากระซิบ
“ไม่ชอบเวลามีผู้ใหญ่คิดจะใช้เธอเป็นหมาก ไม่ชอบเวลาคนอื่นมองเธอเหมือนตัวเลขในแฟ้ม ไม่ชอบเวลาผู้ชายคนอื่นมายืนถือแฟ้มให้ใกล้ ๆ เธอ”
ปลายนิ้วเขาเลื่อนจากข้อมือขึ้นมาแตะหลังมือเธอ ลูบช้า ๆ เหมือนพยายามปรับจังหวะหัวใจตัวเองไปด้วย
“แล้วนายคิดว่าฉันชอบรึไง ที่อยู่ดี ๆ ต้องมาเป็น ‘เด็กทุนพร้อมความลับของพ่อ’ แบบนี้”
แพรวาพูด เสียงเริ่มสั่น “ฉันยังไม่รู้เลยว่าพ่อไปทำอะไรไว้บ้าง ฉันยังรับตัวเองไม่ทันด้วยซ้ำ”
เพลิงหลับตาแวบหนึ่ง เหมือนคำเธอไปแทงตรงจุดที่เขาไม่อยากรับรู้
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกที แววตาไม่ใช่แค่คม แต่มีบางอย่างอ่อนลงปนอยู่ด้วย
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ขอมาอยู่ตรงนี้”
เขาพูดช้า ๆ “แต่ตอนนี้เธออยู่แล้ว…และฉันก็อยากให้เธออยู่ในสายตาฉันเท่านั้น”
“คำว่าคุมขังกับคำว่าปกป้องมันต่างกันนิดเดียวเองนะเพลิง”
เธอเงยหน้าสบตาเขา
“นายแน่ใจเหรอ ว่านายไม่กำลังทำอย่างแรกอยู่”
รอยยิ้มเขาเอียงขึ้นนิดหนึ่ง
“ตอนแรกอาจใช่…แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
มือที่ค้ำผนังเลื่อนลงมาประคองกรอบหน้าเธอ
นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเบา ๆ ที่มุมปากเธอ
“ตอนนี้ฉันไม่ได้อยากขังเธอไว้เป็นหมากของเทวากร…ฉันแค่อยากขังเธอไว้ในคืนของฉันคนเดียว”
หัวใจแพรวาเต้นแรงจนหูอื้อ
“เพลิง…”
เขาก้มหน้าลงช้า ๆ
ริมฝีปากเขาเฉียดหน้าผากเธอ ก่อนจะไล่ลงมาที่สันจมูก
แล้วหยุดอยู่ห่างจากริมฝีปากเธอแค่ลมหายใจเดียว
“ทั้งคืนที่คอนโดฉันต้องหยุดตัวเอง ทั้งที่เธอเป็นคนเริ่ม”
เสียงเขาแตกนิด ๆ
“วันนี้ทั้งวันก็ต้องแกล้งทำเหมือนไม่อะไร ทั้งที่จริงฉันอยากดึงเธอออกจากคลาสให้หมดทุกคนไม่ต้องมองหน้าเธอ”
เขาหัวเราะเบา ๆ แบบขุ่น ๆ
“โคตรคลั่งเธอเลยรู้ตัวไหม”
คำพูดนั้นทำให้เขินจนหายใจติดขัด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจเธอตอบกลับแรงกว่าที่ควร
“นายพูดแบบนี้ ฉันจะหนีไม่ทันแล้วนะ” เธอพยายามกวนกลับ ทั้งที่เสียงสั่น
เพลิงยิ้มมุมปาก
“ดีฉันก็ไม่คิดจะให้เธอหนีอยู่แล้ว”
เขาไม่รอให้เธอพูดอะไรต่อ
ริมฝีปากเขาก็ทาบลงมาบนของเธอไม่ใช่แบบค่อย ๆ ทดลองเหมือนครั้งแรกในผับ
แต่เป็นจูบที่ชัดเจนว่า คิดถึงมานาน
แรงกดไม่รุนแรง แต่ลึก
ลึกจนสติหลุดไปครึ่งหนึ่งตั้งแต่สัมผัสแรก
มือแพรวาที่เคยดันอกเขาไว้เปลี่ยนเป็นกำเสื้อเขาแน่นเองโดยไม่รู้ตัว
จังหวะจูบของเขาไม่รีบ แต่แน่น
เหมือนเขาตั้งใจจะจดจำรูปปากของเธอทีละนิด
และบังคับให้เธอจำจังหวะของเขากลับไปด้วย
ลมหายใจในห้องเล็ก ๆ หนักขึ้นทีละวินาที
เพลิงผละปากออกช้า ๆ แตะหน้าผากเขากับหน้าผากเธอ ลมหายใจทั้งคู่ชนกันแรง
“อย่ามองผู้ชายคนอื่นแบบวันนี้อีก” เขากระซิบ
“ฉันหึง ห้ามเถียง”
“ฉันไม่ได้—”
เขากดจูบลงมาอีกครั้ง คราวนี้สั้น แต่แรงพอให้คำแก้ตัวหายไปหมด
“ฉันบอกว่าห้ามเถียง” เสียงเขาต่ำจนสั่นไปถึงท้อง
“เธอจะแกล้งฉันด้วยเรื่องอื่นก็ได้ แต่ห้ามใช้คนอื่นมาเดินข้าง ๆ ตัวเอง”
มือเขาเลื่อนมาวางตรงเอวเธอ กดเบา ๆ ให้อกทั้งสองแนบกันมากขึ้น
ความร้อนจากตัวเขาซึมผ่านผ้าบาง ๆ เข้ามาในผิวเธอช้า ๆ แต่แน่น เหมือนไฟที่กะพริบอยู่ใต้ผิวแล้วลามขึ้นมาถึงหัวใจ
แพรวาหลับตาแวบหนึ่ง
ในหัวไม่มีเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงหายใจของเขา
และความจริงง่าย ๆ ข้อหนึ่งที่เธอเพิ่งยอมรับในใจตอนนี้
เธอเองก็อยากให้เขาอยู่ใกล้มากกว่าที่ควรจะเป็นเหมือนกัน
เพลิงเลื่อนใบหน้าลงมาที่ซอกคอ
ริมฝีปากเขาแตะผิวเธอเบา ๆ เหมือนถาม
ไม่ได้รุกล้ำ แต่ให้โอกาสเธอถอยได้เสมอ
“เพลิง…” เสียงเธอเบา อาย แต่ไม่ได้ผลักเขาออก
นิ้วเธอกลับขยุ้มเสื้อเขาแน่นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เขายิ้มชิดผิวคอเธอ
ลมหายใจอุ่น ๆ เป่าผ่านจุดนั้นจนขนลุกวาบ
“เธอรู้ไหมคืนที่คอนโด…”
เขากระซิบ
“ฉันต้องหันหลังให้เธอทั้งคืน ไม่งั้นฉันคงไม่เหลือสติแบบวันนี้”
เขาวางจูบหนึ่งจุดตรงต้นคอ
ไม่แรง แต่ลึกพอให้ใจสั่นทั้งตัว
“คืนนี้ไม่อยากหันหลังให้แล้วว่ะ”
ประโยคเดียวทำหัวใจเธอร้อนวูบ
แต่แปลกที่เธอไม่คิดหนี
ไม่คิดผลัก มีแต่ความรู้สึกเหนื่อยล้าจากทั้งวัน ที่อยากปล่อยตัวเองให้หยุดคิดเรื่องทุกอย่างสักคืน
แค่อยากหยุดอยู่ในอ้อมแขนคนคนหนึ่งที่อย่างน้อยก็ตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตัวเอง
แพรวาค่อย ๆ ยกแขนโอบรอบคอเขา
ขยับเข้าไปใกล้อีกนิดด้วยตัวเอง
“แปลว่าคืนนี้นายจะอยู่ข้าง ๆ ฉันใช่ไหม” เธอถามเสียงเบา
เพลิงเงยหน้าขึ้นมามองตาเธอตรง ๆ
แววตาเขาทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งโหยหา
“ไม่ใช่แค่อยู่ข้าง ๆ” เขาตอบ
“แต่ฉันจะไม่ให้เธอต้องรับอะไรคนเดียวอีกต่อให้เธอไม่อยากลากฉันเข้าไปในเรื่องของพ่อเธอ ฉันก็จะเข้าไปเอง”
คำพูดนั้นหนักกว่าจูบเมื่อกี้อีก
แพรวารู้สึกเหมือนมีอะไรแน่น ๆ ในอกพังลงทีละนิด น้ำตาเธอคลอโดยไม่รู้ตัว
เพลิงตกใจนิด ๆ นิ้วโป้งรีบเช็ดหางตาเบา ๆ
“เฮ้อย่าร้องดิ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายเลยนะ”
แพรวาหัวเราะทั้งน้ำตา
“ก็ใครบอกให้นายพูดดีแบบนี้ล่ะ…”
เขายิ้มจาง ๆ
“ชอบเหรอ”
“ไม่ชอบ” เธอเถียงอัตโนมัติ
“แต่ ขออีกนิดก็ได้”
เพลิงหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบเธออีกครั้ง
คราวนี้ช้าลง นิ่มขึ้น แต่ลึกกว่าเดิม
เหมือนเขาใช้จูบนี้ค่อย ๆ ซับความกลัว ความกังวล และความโดดเดี่ยวออกจากใจเธอทีละนิด
มือเขาเลื่อนขึ้นมากอดเธอเต็ม ๆ
ดึงตัวเธอเข้ามาแนบอก เหมือนจะปิดทุกช่องว่างระหว่างกัน
"อ๊าา! เบาหน่อย อะ อื้ออ"
ร่างบอบบางที่ถูกจัดอยู่ในท่าคลานเข่าขยุ้มมือกำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ ลำกายใหญ่เขากระแทกเข้าออกใส่ร่องคับแน่นของเธออย่างรุนแรง เปลี่ยนจากกระแทกแรงๆ ให้ท่อนแข็งใหญ่สัมผัสให้ทั่วร่องอุ่นทำ ‘เธอ’ เสียวยิ่งกว่าเดิมซะอีก
“ธะ เธอ แบบนั้นมัน อะ อ๊าง~”
“มันทำไม?”
“สะ เสียว เสียวไม่ไหวแล้ว”
เพี๊ยะ!
ร่องอุ่นขมิบรัดลำเอ็นใหญ่ที่สัมผัสร่องถี่ๆ ทำเอาเขาเกือบเสร็จจนเผลอฟาดมือลงบนก้นเธอ เขาฟาดเธอยิ่งขมิบร่องรัดเอ็นเขาแรงขึ้นเหมือนชอบใจ พอร่างกายเธอตอบสนองก็โดนเขาฟาดจนเป็นรอยนิ้วมือ ยิ่งฟาดยิ่งเสียว...
“เสียว… อะ อ๊า~”
“อะ อื้อ เธอคะ อ๊ะๆ”
มือหนา ๆ คว้าเอวบางตอกอัดลำเอ็นแข็งเข้าใส่ร่องแฉะ
ปัก ปัก ปัก!
ใส่กลีบอูมทั้งลึกทั้งแรงจนจุกท้องแต่มันเสียวมากกว่าจนเธอเผลอแอ่นสะโพกเด้งขึ้น แล้วเขารวบมือไปไขว้หลังไว้แล้วกระทุ้งเอ็นใหญ่เข้าใส่ร่องเธอแรงๆ ทำเอาเธอแทบเสร็จ
“ไม่ไหวแล้ว อ๊ะๆ จะเสร็จ อิ๊ อ๊าาง~” ร่างสูงกระหน่ำแทงใส่จุดเสียวย้ำๆ จนเธอทนไม่ไหวจนน้ำหวานแตกซ่านออกมาชโลมเต็มลำเอ็นใหญ่จนได้
“หึ น้ำเธอโคตรเยอะเลยว่ะ”
“ขอแตกบ้างนะ”
เขาจับร่างบางพลิกตัวนอนหงาย จับขาแยกออกกว้างแล้วแทรกตัวเข้าไปตรงกลางหว่างขาจับปลายถูไปมาตามรอยแยกไม่ยอมเสียบมันเข้าไปสักทีจนเธอต้องใช้นิ้วแหวกกลีบอูมออกจับมันเสียบเข้าไปในรูร่องของเธอซะเอง
“อะ อื้อ เอาเลย”
“อ่าส์ อ๊ะๆ เสียว…”
โดนเขาจับขาเรียวข้างหนึ่งไปพาดไว้บนบ่า เขาขบกรามแน่นส่งเสียงครางต่ำในลำคอออกมาทำเอาคนที่นอนมองเขาอยู่ใต้ร่างรู้สึกเสียววาบไปทั่วท้อง
“เสียวอ่าส์ จะแตก"
“แตกเลยอ๊ะๆ เราก็จะไม่ไหวแล้ว”
ปัก ปัก ปัก!
มือใหญ่ทั้งสองข้างบีบก้อนเนินขาวอวบใหญ่เลื่อนลงมาบีบเอวบางไว้แน่นจนขึ้นรอยนิ้วมือเขากระแทกทั้งตอกเอ็นเข้าใส่ร่องแฉะอย่างบ้าคลั่งจนร่างบางครางเสียงหลง
"อ๊ะ อ๊างง ไม่ไหว ฮื่ออ”
“เสียว?”
“อะ อื้อ อ๊า~”
ร่างสูงโน้มตัวลงซุกหน้าที่ซอกคอหอมประคองกอดร่างบางไว้แน่นแล้วเร่งเอวกระแทกลำเอ็นเข้าออกในร่องอุ่นถี่เร็ว ลึกๆ เน้นๆ
"เธอ อูย จะเสร็จแล้วๆ อ๊ะ อ๊าางง”
“อีกนิด ซี๊ดส์ จะแตกแล้ว"
ร่างบางขยุ้มมือกำเส้นผม ซึ่งเธอก็อ้าขาออกกว้างปล่อยให้เขากระแทกต่อจนเสร็จ ป็อก!
"เสียว ซี๊ดส์ แตกแล้ว ฮึ่ม...”
ท่อนแข็งยาวถูกชักออกจากร่องคับแน่น
แฮ่กๆ ~
เธอซบหน้าลงหอบหายใจกับเตียงนอนนุ่มอย่างหมดแรง
ในห้องเล็ก ๆ หลังร้านอาหารญี่ปุ่นธรรมดา ๆ
มีแค่สองคนที่ปล่อยให้หัวใจชนกันตรง ๆ
ไม่มีคำหยาบ มีแค่ความดิบของอารมณ์ตรง ๆ ที่เขาไม่คิดปิดบัง
และการยอมรับเงียบ ๆ จากเธอ
ว่าผู้ชายคนนี้กำลังกลายเป็น “พายุ” ที่เธอไม่แน่ใจว่าจะหนี หรืออยากยืนตากฝนไปกับเขาจนสุดทางกันแน่
คืนนี้…ไฟไม่ได้ดับลง
แต่มันถูกรวมกันไว้ในอ้อมแขนของคนสองคนแทน 💥🖤