"หญ้าหวานเมื่อวานแกแข่งรถเป็นยังไงบ้างชนะหรือเปล่า" ฉันยังเดินไม่ถึงโต๊ะเสียงใสแจ๋วของข้าวปุ้นก็ดังขึ้นยิงคำถามใส่ทันทีที่เห็นฉันเดินเข้ามาในร้านชาบูในห้างดังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวง พวกเราสามนัดกันมาซื้อของเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนมหาลัยปีแรกของพวกเรา ช่วงนี้ยังไม่เปิดเทอมเราก็เลยมีเวลาว่างเหลือเฟือ
"นั่นสิฉันอยากไปเชียร์แกมากแต่ข้าวปุ้นนะสิไม่รู้จะกลัวเจอกับพี่ชายแกอะไรกันนักกันหนา ผ่านมาสองปีแล้วยังปอดแหกเสียเซลฟ์ไม่หายสักที" เสียงของกวินท์เพื่อนชายคนเดียวในกลุ่มที่มีเพียงแค่สามคน ปกติฉันก็จะไม่ชอบคุยกับผู้ชายหรือคบผู้ชายเป็นเพื่อนชอบอยู่ในโลกส่วนตัวอย่างสงบและไม่วุ่นวายกับใคร แต่กวินท์เป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันยกเว้นไว้นอกเหนือจากกลุ่มพี่ชายของตัวเอง เพราะกวินท์เป็นเกย์และมีนิสัยคล้ายๆกัน เราจึงคบกันได้ฉันรู้จักกับกวินท์ผ่านทางข้าวปุ้นตอนช่วงม. 5 ข้าวปุ้นเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน เพราะความผิดหวังจากพี่ชายของฉันทำให้ข้าวปุ้นอยากหาคนมาดามใจ กวินท์จึงตกเป็นเป้าหมายของข้าวปุ้นวิ่งไล่ตามจีบอยู่นานสองนาน กวินท์คงอดทนต่อลูกตื้อของข้าวปุ้นไม่ไหวเลยแอบเฉลยตัวว่าไม่ชอบผู้หญิงเพราะเป็นเกย์ สาเหตุที่กวินท์ไม่เปิดเผยตัวตนจริงๆให้คนทั่วไปรับรู้เพราะกลัวที่บ้านรับไม่ได้ ทำเอาข้าวปุ้นถึงกับต้องเหยียบเบรคกระทันหันถอยหลังกลับแทบไม่ทันสุดท้ายจึงกลับลำกลายมาเป็นเพื่อนกันจนถึงปัจจุบัน ส่วนผู้ชายอีกคนที่ฉันไม่อยากเข้าใกล้และทำตัวเย็นชาดุจน้ำแข็งใส่เสมอที่เจอหน้ากัน ถึงแม้จะเป็นเพื่อนรักในกลุ่มพี่ชายของตัวเอง พี่เขาเป็นคนเดียวที่ฉันละเว้นไว้ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาดส่วนเพื่อนพี่ชายคนอื่นๆฉันสารมารถพูดคุยได้ตามปกติ สำหรับพี่ติวเตอร์พี่เขาเป็นกรณีพิเศษถ้าเจอหน้ากันฉันต้องรีบถอยถ้าไม่อยากโดนป่วนยั่วโมโหให้ฉันต้องระเบิดอารมณ์และปะทะคารมทุกครั้ง แม้ฉันจะใช้ความเยือกเย็นสงบนิ่งสะกดเอาไว้แล้วก็ตาม แต่ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาของฉันใช้ไม่ได้ผลกับคนอย่างพี่ติวเตอร์ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรฉันถึงไม่ถูกชะตากับพี่ติวเตอร์ ฉันรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่มีสาเหตุทุกครั้งที่เจอเขาอยู่ใกล้กับสาวๆ หรือเป็นเพราะกลุ่มพี่ชายของฉันกะล่อนเปลี่ยนสาวควงไปเรื่อยประเภทพ่อปลาไหลเจ้าชู้ในสายตาของฉันคิดว่านั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันไม่อยากเข้าไปใกล้พี่ติวเตอร์และหาทางดัดนิสัยเจ้าชู้ของพี่ชายตัวเอง แล้วหันมาช่วยสนับสนุนข้าวปุ้นจีบพี่ชายตัวเองด้วย เพราะคิดว่าข้าวปุ้นน่าจะหยุดเสืออย่างพี่ชายของฉันอยู่หมัดแต่ที่ไหนได้พี่ชายของฉันกลับประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคนในโรงเรียนว่าไม่มีวันชอบข้าวปุ้นและไม่มีทางคบเป็นแฟนอย่างแน่นอน ข้าวปุ้นเสียเซลฟ์ไม่กล้าจีบใครหรือคบใครอีกเลยคงเข็ด จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดถูกใจกวินท์แต่ก็ต้องเฟลเป็นรอบที่สอง
"ฉันก็ไม่ได้ห้ามแกไปเชียร์หญ้าหวานสักหน่อยแกไม่ไปเองต่างหากจะมาโทษฉันไม่ได้นะ" ข้าวปุ้นเริ่มเปิดศึกกับกวินท์อีกรอบบรรยากาศระหว่างสองคนนี้มักจะเป็นอย่างนี้เสมอจนฉันต้องเป็นคนอย่าศึก ถ้าคนภายนอกมองเข้ามาคงคิดว่าสองคนนี้ทะเลาะกันอยู่แน่นอนและไม่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันได้เหมือนสองคนนี้เคยเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อน แต่นั่นมันคือมุมมองของคนอื่นสำหรับฉันแล้วเพราะพวกเราสามคนสนิทกันและไว้ใจกันมากต่างหากทุกคนถึงแสดงตัวตนแท้จริงของตัวเองออกมาอย่างสนิทใจไม่เคยทะเลาะและโกรธกันจริงๆสักครั้ง เพราะว่าเราสามคนรู้จักนิสัยใจคอของแต่ละคนดี เพื่อนสองคนของฉันจึงเป็นสีสันใหม่ในชีวิตที่เข้ามาป่วนโลกแห่งความสงบสุขเรียบง่ายของฉัน ฉันไม่เคยพยายามผลักใสพวกเขาออกไปจากชีวิตและมีความสุขมากที่ได้อยู่กับสองคนนี้ ผิดกับใครบางคนที่ชอบเข้ามาป่วนวุ่นวายกับชีวิตถึงแม้ฉันจะพยายามผลักใสทุกวิถีทางแต่ไม่เคยทำสำเร็จ ตรงกันข้ามกลับมาวุ่นวายทำลายโลกแห่งความสงบสุขของฉันมากขึ้นทุกทีถ้าจะพูดถึงวีรกรรมความวายป่วงที่มีนับไม่ถ้วนของพี่ติวเตอร์คงใช้เวลานานกว่าจะเล่าจบ ทำให้ฉันไม่ถูกชะตาไม่อยากเข้าใกล้ตัววุ่นวายแต่ไม่เคยหลีกเลี่ยงได้สักครั้งแม้อยากเดินหนีไปไกลๆ พี่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยฉันไปเหมือนคนโรคจิตมีความสุขกับการแกล้งฉัน
"ไม่ห้ามก็เหมือนห้ามไหมแกเล่นพูดกรอกหูฉันเรื่องพี่ชายของหญ้าตั้งแต่อยู่ ม.5 จนเข้ามหาลัยตอนนี้ฉันก็เริ่มหลอนกับพี่ชายหญ้าตามแกไปด้วยแล้วเนี่ย" กวินท์มันเริ่มบ่นข้าวปุ้นอีกระลอกข้าวปุ้นไม่สนใจเสียงบ่นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้หัวเราะชอบใจที่แกล้งป่วนกวินท์ได้ คนอื่นมองมาอาจคิดว่าสองนี้เป็นคู่รักกำลังหยอกกัน ฉันรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เพราะคนในหัวใจของข้าวปุ้นมีเพียงคนเดียวแม้จะพยายามฝังกลบความรู้สึกนั้นไว้แต่ทุกครั้งที่พูดถึงสายตาของข้าวปุ้นยังวูบไหวทุกครั้ง
"สมแล้วที่เป็นเพื่อนรักแกต้องคอยปกป้องอยู่ข้างฉันถูกต้องแล้ว"ข้าวปุ้นยิ้มทะเล้นให้กวินท์ก็ยอมลงให้ข้าวปุ้นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
"แกก็มัดมือชกฉันตลอดนั่นแหละ พอไม่ทำแกก็งอนเอาเหอะถึงยังไงฉันก็ยอมพวกแกสองคนตลอดนั่นแหละดันหลงเดินเข้ามาเป็นเพื่อนแบบงงๆทำให้ได้" ฉันกับข้าวปุ้นยิ้มแฉ่งเพราะรู้ว่ายังไงกวินท์ไม่เคยขัดพวกฉันทำตามเพื่อนพูดทุกอย่าง
"สรุปว่าไงเรื่องแข่งฝีมือระดับเทพอย่างแกชนะแน่นอนใช่ไหม" ข้าวปุ้นหันมาตามเรื่องแข่งสองคนนั้นจ้องมาที่ฉันเพื่อรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ ฉันทำหน้าเบื่อโลกทันทีเมื่อนึกถึงหน้ากวนที่ถือถ้วยขิงฉันอย่างภาคภูมิใจ
"หน้าเบื่อโลกขนาดนี้อย่าบอกนะว่าแกแพ้มันจะเป็นไปได้ยังไงใครกันที่ล้มแกลงได้" กวินท์ถามเสียงสูงหน้าดูตกใจเหมือนไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ เพราะสองคนนี้เคยตามไปเชียร์และดูการแข่งขันเกาะติดขอบสนามบ่อยๆฉันชนะแทบทุกสนามถ้าไม่มีใครบางคน
"ฉันรู้ว่าใคงคงมีอยู่คนเดียวนั่นแหละใช่ปะ" ข้าวปุ้นรู้ทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องที่ฉันไม่ลงรอยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันก็ว่าได้เจอกันทีไรทำให้ฉันปี๊ดแตกเส้นเลือดบนขนขมับปูดเต้น ตุบ ตุบ ฉันสบตากับข้าวปุ้นอย่างรู้กันส่วนกวินท์ยังทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกจ้องเขม็งกดดันอยากได้คำตอบจากปาก
"พี่ติวเตอร์" กวินท์เข้าใจได้ในทันทีเพราะรู้จักพวกพี่ฉันจากการบอกเล่าและเคยเห็นกลุ่มคนดังอย่างพี่ฉันบ่อยๆเพียงแต่ไม่ได้แนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการ เพราะตอนรู้จักกับกวินท์พวกพี่เขาจบออกไปเข้ามหาลัยกันแล้ว ส่วนกวินท์ก็ได้ไปเที่ยวที่บ้านตอนพี่ชายย้ายออกไปอยู่คอนโด
"ฉันคิดถูกที่ไม่ไปเชียร์แก สนามใหญ่ขนาดนั้นพี่ชายขี้หวงของแกคงไม่ปล่อยให้แกลงแข่งคนเดียว" ข้าวปุ้นทำหน้าโล่งใจกับการตัดสินใจของตัวเอง พี่ชายของฉันขึ้นชื่อว่าหวงน้องไม่ยอมให้ผู้ชายเข้าใกล้ พี่ธามกับเพื่อนจะคอยตามสกัดดาวรุ่งหายไปในวันต่อไปไม่เคยมีใครตามตอแยได้ไม่รู้ว่าใช้วิธีไหนผู้ชายที่คิดจะมาจีบหายออกไปจากวงโคจรทันทีที่พี่ชายฉันรู้เรื่อง ทำให้ฉันไม่มีแฟนจนถึงทุกวันนี้แต่ฉันกลับชอบเพราะฉันเองก็ไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย ถึงพี่ฉันไม่สกัดฉันก็จะใช้ความนิ่งหยิ่งกรองผู้ชายเหล่านั้นออกไปเอง
"หญ้าหวานนั่นพี่ติวเตอร์หรือเปล่า" ข้าวปุ้นเสียงหน้าตื่นบุ้ยหน้าให้ฉันหันกลับไปมองหน้าร้านเห็นสีผมที่เป็นเอกลักษณ์แม้จะเห็นเพียงด้านข้างแต่ฉันจำได้ดี
"พวกแกทำเฉยๆไม่ต้องสนใจแกล้งทำเป็นไม่เห็นก็พอ" ฉันรีบหันกำมาชับเพื่อนสองคนแต่แอบงงที่ข้าวปุ้นมันสะบายกระเป๋ายืนขึ้นเหมือนกำลังเตรียมพร้อม สายตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าร้าน
"ไม่ทันแล้วแหละแกฉันไปล่ะค่อยนัดกันใหม่นะไปกันกวินท์" กวินท์ดีดตัวลุกขึ้นยืนข้างข้าวปุ้นสองคนนั้นก้าวฉับๆออกจากร้านทิ้งฉันไว้อย่างงงๆ ฉันพอเข้าใจว่าข้าวปุ้นคงกลัวเจอพี่ชายของฉัน เพราะกลุ่มพวกฉันมักจะไปด้วยกันบ่อยๆถ้าเจอพี่ติวเตอร์ไม่แน่ว่าพี่ฉันอาจจะมาด้วยสองคนนั้นหายวับไปกับตาฉันยังนั่งเอ่อที่โต๊ะลุกไม่ทัน
"หิวข้าวแล้วพี่ขอกินด้วยคนสิท่าทางจะอร่อย" แขกไม่ได้รับเชิญลากเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างฉันออกพร้อมกับนั่งลงโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยซ้ำทำขนาดนี้ก็ไม่ต้องขอก็ได้ ฉันทำหน้าเบื่อหน่ายเตรียมลุกหนีเจ้ากรรมนายเวร โลกของฉันกำลังจะเข้าสู่โหมดวุ่นวายและเสียงชวนคุยที่ฉันไม่อยากจะคุยด้วยซ้ำ
"เฮ้อ!!"