งาน... เป็นตัวแบบวางอาหารต้องถอดเสื้อผ้าออกหมด บางคนล่อนจ้อนปล้อนเปลือยทั้งชายและหญิง แล้วเด็กนั่นล่ะ
ด้วยวัย... อรนลินน่ารักจิ้มลิ้มพริ้มเพรา มองผิวเผินภายนอกดูบอบบาง แต่เธอเป็นคนซ่อนรูปมาก อก เอว สะโพก ผิวนวลเนียนละมุนมือ เขาไม่แปลกใจเลยที่ไอ้เจมส์มันอยากได้เธอขนาดนั้นหลังจากเห็นเธอเปลือย
ให้ตายเถอะ! แค่คิดถึงตอนที่เธอไม่สวมอะไร ในอกมันกรุ่นๆ ซะอย่างนั้น พอรู้ตัว ปฏิพัทธ์หงุดหงิดตัวเองอีกครั้ง
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ เขาพาน้องสาวไปส่งที่คอนโด แล้วกลับไปโรงแรมหรูทันที
แปลก... การทำงานวันนี้สำหรับเธอดูติดขัดชอบกล เป็นตัวเธอเองที่รู้สึกเก้อกระดาก กังวล หวั่นระแวงไปหมด เพราะคำพูดที่เจ้านายใหญ่ของที่นี่ทิ้งท้ายไว้เมื่อเช้าหรือเปล่าเธอไม่มั่นใจนัก หลังจากที่เขากลับไป เธอนอนไม่หลับอีกเลย กระสับกระส่ายจนถึงเวลาอาบน้ำเตรียมตัวมาทำงาน เธอตัดสินใจไม่ได้ แม้ว่าใจจริงไม่ได้อยากทำงานแบบนี้ หากนี่เป็นรายได้หลักของครอบครัวก็ว่าได้ เธอจะหยุดไปเลยก็ยังสองจิตสองใจ ยังดีว่า งานแรกวันนี้มีลูกค้าสี่คน ผู้หญิงสอง ผู้ชายสอง ฟังที่พวกเขาคุยกันเป็นเจ้านายเลขามาคุยธุรกิจ
“ดูเกร็งๆ”
เจี๊ยบซึ่งทำงานในห้องเดียวกันทักขึ้นระหว่างอยู่ในห้องพัก เตรียมตัวสำหรับงานต่อไป
“เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เลยอาจจะเพลียน่ะพี่”
เธอไม่รู้จะตอบอะไร จะบอกได้ยังไงว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เรื่องที่เธอไม่อยากนึกถึงกลับถูกหยิบยกมาพูด รุ่นพี่สาวคนหนึ่งเอ่ยเปิดประเด็น
“ไม่รู้พี่เจมส์กับพี่โมทย์ทำไมออกเนอะ”
“ฉันได้คุยกับพี่โมทย์นะ เหมือนว่าใครสักคนในนี้เป็นต้นเหตุ”
อรนลินรู้สึกว่าไม่ได้คิดไปเอง เมื่อกลุ่มสาวสวยรุ่นพี่ปรายตามามองเธอ สายตาบอกความเกลียดชังชัดเจน
“อ้าวเหรอ ใครวะ แล้วทำไม”
สาวๆ ที่เหลือเลยรุมล้อมเข้าไปถาม เธอมือชื้นไปหมด ใจเต้นแทบทะลุมานอกอก ถึงไม่เข้าใจว่าเธอไปเกี่ยวตรงไหน พอจำได้ว่า สองคนนั้นพูดว่าเธอเป็นต้นเหตุ
ทว่า ยังไม่มีใครได้ฟังหรือได้พูดมากกว่านั้น คนดูแลเข้ามาเรียกไปทำงาน ทุกคนออกไปหมดยกเว้นเธอ เมื่อคนดูแลยื่นผ้ากันเปื้อนตัวเล็กให้ เธอใจเต้นตึกๆ รุนแรงทันที คิดในแง่ร้ายอย่างอดไม่ได้
“อุ่นต้องสวมด้วยเหรอ”
“ชั้นบนคนขาด ลูกค้าก็ต้องการคนไปเซอร์วิสเพิ่ม ตอนนี้มีอุ่นว่างคนเดียว”
“แต่อุ่นทำแค่เป็นตัวแบบนะคะ”
“พี่รู้” พี่เลี้ยงสาววัยเฉียดสี่สิบหน้าสวยพริ้งทำหน้าหนักใจ “แค่ไปช่วยเสิร์ฟ อุ่นยังได้สวมบิกินีทั้งบนทั้งล่างมีผ้ากันเปื้อนนี้ทับอีก ไม่โป๊เท่าไหร่นะ เสิร์ฟแป๊บๆ งานก็จบแล้ว ดีกว่าไปนอนแข็งเป็นท่อนไม้”
ถ้าเลือกได้ เธอขอนอนตัวแข็งบนโต๊ะดีกว่า
อรนลินส่ายหน้าท่าเดียว การเสิร์ฟที่ว่าคือต้องนั่งข้างลูกค้า เสิร์ฟถึงปาก เธอได้ยินบ่อยๆ ว่า ในเลเวลนี้ลูกค้ามักจะโอบกอดแตะต้องตัวด้วยการเสนอเงินให้ บางครั้งบางคนถึงกลับถอดหมดเพื่อแลกกับทิป
“อุ่น อุ่นไม่ไหวหรอกค่ะ อุ่นใช้ตะเกียบไม่เป็นด้วย”
“ไม่เป็นไร ลูกค้าคนไทย เขาชอบให้หยิบด้วยมือมากกว่า”
“แต่...”
“น่าอุ่น นี่คนไม่พอจริงๆ วันนี้ลูกค้าเยอะพี่ถึงต้องมาขอร้องเรา ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยบังคับให้เราไปทำไม่ใช่เหรอ”
เมื่ออีกฝ่ายมาไม้นี้ สาวน้อยอึกอัก ใจปฏิเสธลั่นแต่ปากกลับพูดไม่ออก ทำไมสิ่งที่ปฏิพัทธ์พูดถึงมาเร็วนักนะ หรือว่าเป็นเขาเองที่สั่ง
อรนลินขอบตาร้อน น้ำตาจะร่วง การเป็นตัวแบบกว่าที่เธอจะทำใจได้ก็หลายเดือน เคยคิดจะเลิกแล้วไปทำงานอื่นหลายครั้ง ครั้นเปรียบเทียบรายได้แล้ว เธอก็จำใจมาทำจนคุ้นชิน แต่แล้ววันนี้ต้องเขยิบระดับงานขึ้นไปอีกขั้น
เธอไม่อยากทำเลย!
“แค่... แค่เสิร์ฟอาหารอย่างเดียวนะคะ”
“ใช่สิ แค่เสิร์ฟอาหาร อุ่นคิดว่ามันจะมีอะไรล่ะ”
การพูดคุยของคนทั้งสองดังผ่านประตูที่ปิดไม่สนิทออกมาเรียกความสนใจจากคนที่กำลังจะเดินผ่านห้องพักติดบันไดตรงชั้นสอง ห้องนี้เป็นห้องเตรียมความพร้อมของพนักงาน ด้านในมีห้องอาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้า ก่อนจะออกไปให้บริการลูกค้าตามหน้าที่แต่ละคน
ปฏิพัทธ์เพิ่งกลับมาถึงโรงแรม เขาใช้วิธีเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ นั่นทำให้ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้น ต้องนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ เจือความขลาดเขลาถามเหมือนตกปากรับทำขณะเดินเอื่อยขึ้นบันไดต่อ ทันได้ยินเสียงพี่เลี้ยงแว่วออกมาเบาๆ ว่า
“แล้วลูกค้ากลุ่มนี้ทิปหนักมากนะอุ่น ถ้าเธออยากเมกมันนี่ละก็”
เขาเพิ่งเตือนไปเมื่อเช้า ดูท่าอรนลินฉลาดน้อยกว่าที่ประเมิน เธอถึงได้ทู่ซี้มาทำงาน ผลเป็นแบบนี้ไง ตกบ่ายก็เจอกับลูกล่อลูกชนนั่นเข้าจนได้ เธอปฏิเสธมันไม่เต็มปากเต็มเสียง คงเพราะไอ้คำว่า ‘ทิปหนักมาก’ นี่มันเปลี่ยนใจคนได้ง่ายดีจริง
ปฏิพัทธ์บอกตัวเองว่าช่างเถอะ เลิกสนใจอรนลินได้แล้ว ชีวิตเธอจะเป็นยังไงเธอเป็นคนเลือก เช่นที่เธอเลือกมาทำงานสุ่มเสี่ยงล่อแหลมตั้งแต่แรก ก็ต้องรับรู้แก่ใจอยู่แล้วว่าวันหนึ่งชีวิตจะพลิกผันไปทางไหน ถึงจะแปลกใจในการกระทำของคนดูแล ตามกฎ...จะไม่มีการบังคับใจใครทั้งสิ้น เขาต้องการคนที่เต็มใจทำงานเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาให้รำคาญภายหลัง แต่ต้องยอมรับว่า เรื่องสาวน้อยนั่นทำเขาหงุดหงิด
ขึ้นมาถึงชั้นสามเขาก็เจอผู้จัดการอภิชาติกำลังตรวจตราความเรียบร้อยหรืออาจจะเพิ่งออกมาจากการรับรองลูกค้าสักคน เขาไม่คิดจะรบกวนแต่ฝ่ายนั้นหันมาเห็นเขาพอดี
“ดูเหมือนวันนี้ลูกค้าเยอะนะคุณชาติ”
“ครับ นี่ก็มีลูกชายนักการเมืองมาด้วย เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิก นี่มาครั้งแรกแต่จ่ายหนักพอดู”
“ใครกัน”
“ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ สส.ศรายุทธครับ”