“ข่มขู่เก่ง ว่าแต่อย่าไปข่มเด็กมากล่ะครับ เห็นเซ่อๆ ซ่าๆ อย่างนั้น ท่าจะดื้ออยู่นะครับ”
“เข้าเรื่องมาไอ้ชล เดี๋ยวนี้มึงพูดมากจังวะ”
“คร้าบๆ คนของเรารายงานว่า พวกนายไกรศรมาด้อมๆ มองๆ แถวนี้บ่อยๆ ช่วงนี้”
ไกรศร ศรัทธาไพศาล คือนักธุรกิจคนดังจากจังหวัดข้างเคียง เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง โรงงานจิวเวลรี่ เรือสำราญ ฟาร์มมุก โรงแรมและรีสอร์ตหลายแห่ง เป็นอันรู้กันวงในว่าบ่อนเล็กๆ ไปจนถึงกาสิโนหลายที่เป็นของมัน ยังมีธุรกิจจัดหาและจำหน่ายอาวุธ มันเคยส่งคนมาทาบทามที่นี่หลายครั้งตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โรงแรมแห่งนี้พื้นที่ติดทะเล เดินทางเข้าออกสะดวก และที่มันสนใจมากคือกาสิโนบนเกาะในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน ถ้ามันได้ที่นี่ไป จะมีแหล่งซ่องสุมกำลังและอาวุธอย่างดีนั่นเอง
ปฏิพัทธ์ยิ้มหยัน มันไม่แค่มาด้อมๆ มองๆ แต่มันจ้องจะสร้างความฉิบหายด้วย ถ้าไม่ได้อย่างที่ต้องการ
“ไอ้พวกหมาล่าเนื้อ”
“น้องมันชอบมาเบ่งที่นี่บ่อยด้วย”
“จับตาดูให้ดี กูไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด”
“จัดการให้ตามบัญชาเลยครับ แล้วนี่ก็รายชื่อสมาชิกใหม่ของเรา”
ชลวัสเลื่อนแฟ้มที่เปิดกางไว้แล้วไปตรงหน้าคนเป็นนาย เขาเองเพิ่งได้ข้อมูลมาเมื่อช่วงบ่ายนี่เอง
รายชื่อหนึ่งในนั้นทำให้ตาคมเคร่งดุดันและกร้าวแข็งโชนแสงจัดจ้าราวกับว่ามันสามารถเผากระดาษใบนั้นให้มอดไหม้เป็นจุณได้ในพริบตา
“แล้วมันก็มา”
ไอ้วสุ ศานต์ศิร!
“อูย ปวดหัวจัง”
อรนลินกะพริบตาถี่ๆ กุมหัวตัวเองเมื่อเช้าวันนี้ในหัวสมองทั้งหนักทั้งตื้อ เธอขยี้มือบีบนวดข้างขมับทั้งสองข้าง โดยหารู้ไม่ว่า กิริยาอาการพวกนั้นอยู่ในสายตาคมกล้าของคนที่นอนข้างๆ
“ค็อกเทลยังปวดแบบนี้...”
ลืมตายากเย็น เธอนอนหลับตานวดหัวตัวเองเบาๆ ปากบ่นพึมพำไปเรื่อยเปื่อย เธอคงทำแบบนั้นอีกหลายนาทีถ้าไม่มีเสียงขรึมไร้อารมณ์ที่เริ่มคุ้นชินดังขึ้นมาใกล้ๆ
“ปวดมากไหม”
อรนลินกะพริบตาปริบๆ รีบปรับสายตาว่องไว พบว่าใบหน้าคมสันเรียบสนิทห่างจากหน้าเธอแค่สองคืบ เธอสะดุ้งเฮือก ดีดตัวลุกจากที่นอนหนานุ่มจนหงายหลังและอาจจะร่วงลงไปกองอยู่บนพื้นถ้าแขนแข็งแรงแน่นตึงจะไม่ยื่นมายึดท่อนแขนเอาไว้
“คุณธาม!”
“เป็นคนซุ่มซ่ามด้วยเหรอเรา”
ปฏิพัทธ์ออกแรงเล็กน้อยรั้งตัวเธอให้นั่งตัวตรงได้ สาวน้อยก็รีบทบทวนความจำเมื่อคืน เธอจำได้แค่ว่าเขาพาไปที่สนามแข่ง กินอาหารในผับ จากนั้นยืนดูรถหรูกัน แล้ว...เธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
กวาดตาไปรอบๆ ห้องรวดเร็วก็พบว่า เธออยู่ในห้องของเขา บนเตียงของเขาด้วย
“ทำไมอุ่นมาอยู่ห้องคุณ”
“เดินละเมอ”
“ไม่จริงมั้งคะ”
เธอไม่เคยนอนละเมอเลยสักครั้ง ปากปฏิเสธ นิ่วหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ลืมไปเลยว่าหัวสมองปวดตื้อ
“ไม่รู้ตัวแล้วทำไมคิดว่าไม่จริง”
น้ำเสียงเรียบนิ่งดังขึ้นอีกครั้ง เธอรีบก้มสำรวจตัวเอง พบว่ายังอยู่ในชุดเมื่อคืนจึงเงยหน้ามองเขาด้วยสายตากังขา
เธอดื่มไปเยอะขนาดที่ว่าถึงห้องนอนทั้งชุดเดิมแล้วละเมอเดินมาห้องเขางั้นเหรอ แล้วเขาไม่ล็อกประตูห้องรึไงนะ
คำตอบที่อยากได้กลับเป็นแผ่นหลังกว้างประปรายด้วยริ้วรอยแผลเป็น เขาหันหลังให้และลุกจากเตียง ร่างสูงที่มีเพียงกางเกงนอนตัวเดียวเดินไปยังประตูกระจกบานเลื่อน เขาผลักมันเบาๆ ประตูสองบานก็เลื่อนออกไปด้านข้าง ลมทะเลพัดวูบเข้ามา แสงที่สาดส่องอาบไล้มัดกล้ามเปลือย ตอนนี้เองที่เธอเพิ่งเห็นว่า เหนือประตูมีบาร์โหนติดผนัง ปฏิพัทธ์เขย่งปลายเท้าเล็กน้อยเพื่อยื่นมือทั้งสองขึ้นไปจับมันแล้วเหนี่ยวแขนยกร่างหนาแน่นมัดเนื้อลอยขึ้นก่อนทิ้งตัวลงสลับยกตัวลอย มัดกล้ามเนื้อลำตัวช่วงบนของเขาตึงแน่น ลำแขนใหญ่มองเห็นเส้นเลือดดันตัวขึ้นจนเห็นได้ชัด
อรนลินเผลอมองร่างกายราวรูปปั้นที่ช่างแข็งแกร่งยกตัวขึ้นลงจนหลงลืมความสงสัยด้วยพวงแก้มที่ร้อนผะผ่าว
จังหวะหนึ่งหน้าคมสันที่เริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดซึมหันกลับมาเลิกคิ้วมอง เธอถึงกับสะดุ้งรีบลนลานลงจากเตียงเพื่อกลับห้องตัวเอง ก่อนดันประตูปิด เสียงเรียบนิ่งนั้นสั่งมาอีกครั้ง
“หาอะไรไว้ให้กินด้วย”
เสียงปิดประตูเบาๆ ทำให้ปฏิพัทธ์ที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศกระตุกมุมปากเป็นรอยยิ้มจางๆ นึกระอาปนเอ็นดูคนหน้าตื่น ตาโต แก้มแดงแล้วแดงอีก
เขารู้ เธอสงสัยแต่ไม่กล้าถามถึงเรื่องเมื่อคืน
หลังจากคุยกับชลวัส เขาเคลียร์งานต่ออีกพักใหญ่ คนเมาก็ไม่มีท่าว่าจะตื่น พลิกตัวไปมาเหมือนนอนไม่สบาย เขาเลยพาเธอกลับทั้งหลับโดยไม่ปลุก ถึงห้องแล้วก็ยังหลับสนิท มองแล้วน่าแกล้ง นึกเล่นๆ ว่าเธอจะทำหน้ายังไงถ้าตื่นขึ้นมาบนเตียงของเขาจึงอุ้มมานอนในห้องด้วยกัน
อรนลินนอนหลับสบาย ไม่พลิกตัวกระสับกระส่ายอีกเมื่อได้เตียงนุ่ม เขาขยับเข้าไปกอด เธอเพียงพลิกตัวมาซุกหน้ากับอก หลับต่อไป
ผิดกับตัวเขา กรุ่นกลิ่นหอมอ่อนกับเรือนร่างอุ่นนุ่มมันรบกวนจิตใจไม่หยอก หลายครั้งที่แอบฉกฉวยดมดอมพวงแก้มใส คลอเคลียปลายจมูกกับเรือนผมนุ่ม ลูบมือบนเรียวแขนละมุน บังคับตนเองให้นอนนิ่งทั้งที่ร่างกายภายในรุ่มร้อนด้วยอารมณ์หนุ่มแน่น
ไม่เคยสักครั้งที่เกิดอารมณ์อยากมีเซ็กซ์กับใครสักคนมากขนาดนั้น