เสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงยีนสีดำพอดีตัวเน้นรูปร่างแน่นตึงแข็งแกร่ง ส่งเสริมออร่าความเคร่งเข้มดุดันของปฏิพัทธ์ แค่เขายืนเฉยๆ เงียบๆ ก็ข่มเธอให้รู้สึกตัวเล็กลีบได้ ใจพานจะเต้นผิดจังหวะอยู่ร่ำไป บางทีก็หวั่นๆ หวาดๆ บางทีวูบๆ วาบๆ จนไม่อยากยืนใกล้
ครั้นลิฟต์ลงมาถึงข้างล่าง เขาก็พาเธอเดินไปยังรถยนต์คันหนึ่ง ไม่ใช่คันที่พาเธอมาที่นี่ คราวนี้ปฏิพัทธ์ขับเอง
“แล้วคุณชล” ขึ้นมาบนรถแล้ว เธอก็อดถามถึงผู้ช่วยของเขาไม่ได้
“ไอ้ชลอยู่ที่ทำงานแล้ว หิวรึยัง”
อรนลินพยักหน้า มองเวลาตรงหน้ารถก็เห็นว่า หนึ่งทุ่มกว่าแล้ว มื้อเที่ยงที่เขาแวะกินระหว่างทางผ่านไปนานหลายชั่วโมง
“ไว้ไปกินที่นู่น”
“อ้าว ไม่ใช่ที่โรงแรมเหรอคะ”
เธอหันไปมองตึกแฝดหลังใหญ่ ชลวัสแนะนำคร่าวๆ ว่าที่นั่นเป็นห้องพักของลูกค้า มีร้านอาหารและครัวที่นั่นเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
พูดได้ว่า ลูกค้าค่าสมาชิกสุดแพง โรงแรมพรีเมียม การบริการก็พรีเมียมเช่นกัน
“วันนี้ไม่”
หน้าหล่อเหลาเข้มคมหันมาตอบ ผินสายตาไปมองถนนเบื้องหน้า อรนลินใจเต้นแรง ใจหนึ่งก็อยากรู้อีกใจก็กลัว สองข้างทางมืดครึ้มด้วยกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ กลางวันมันคงร่มรื่นมากแต่กลางคืนแบบนี้เธอคิดว่าน่ากลัวมาก
เธอลอบมองเสี้ยวหน้าของเจ้านายที่กลายมาเป็นเจ้าชีวิตอย่างหวั่นๆ
ที่ทำงานที่ว่าจะเป็นแบบไหนถึงมาอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนี้
สาวน้อยไม่รู้เลยว่า ใช่แค่เธอที่แอบมอง ปฏิพัทธ์ปรายตามองร่างอรชรตั้งแต่อยู่ในลิฟต์แล้ว ช่วงที่เธออยู่ในห้องน้ำ เขาถือวิสาสะเดินไปที่ห้องนอนเล็ก ตั้งใจหยิบเสื้อผ้ามาให้ ครั้นเห็นเสื้อผ้าที่ส่วนใหญ่เป็นเสื้อยืดกับกางเกงยีนก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาเคยเห็นตอนเธอสวมใส่ ดูน่ารักดีก็จริงแต่กับที่นี่ไม่เหมาะเท่าไหร่ จึงให้ชลวัสหาชุดใหม่มาให้ แล้วก็ออกมาอย่างที่เห็น ชุดเดรสตัวนี้เปลี่ยนสาวน้อยวัยใสให้ดูเป็นสาวสวย การแต่งหน้าเบาๆ ทำให้เธอดูหวาน น่าถนอมไปทั้งเนื้อทั้งตัว ขณะเดียวกัน เขานึกอยากขย้ำไปด้วย
เขาสนใจอรนลิน เหตุผลคงเพราะเธอทำให้เขานึกถึงน้องสาวที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหาคุณภาพชีวิตที่ดี ได้เห็นได้สัมผัสวิถีชีวิตเธอ แม้จะแค่เวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมง รู้จักกันยังไม่ดีพอ หากอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาตัดสินใจพาเธอมาด้วย
ตาคมชำเลืองมองหน้าจิ้มลิ้มที่เอาแต่จ้องข้างทาง อาการเลิ่กลั่ก เห็นแล้วอดเอ็นดูไม่ได้
“กลัว”
“กลัวค่ะ”
“กลัวอะไร”
“ทุกอย่าง”
“รวมฉันด้วยงั้นสิ” เขาถามโดยไม่หันไปมอง แต่จากปรายหางตาพอรับรู้ว่า เธอแอบหันมามอง “ฉันว่าฉันไม่ได้ทำอะไรให้เธอกลัวสักอย่าง”
อรนลินลอบทำหน้ายู่ เธอจะกล้าพูดได้ไงว่า แค่เขายืนนิ่งๆ นั่งเงียบๆ ก็แผ่รังสีเขย่าประสาทคนอยู่ใกล้ให้จะบ้าได้ง่ายๆ
ปฏิพัทธ์ไม่คิดจะคาดคั้นเอาคำตอบอะไร ในรถจึงเงียบอีกครั้ง
ประมาณสิบนาที สาวน้อยได้เห็นจุดหมาย อาคารสองชั้นหลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนินผา ชั้นสองมีลักษณะหลังคาเป็นโดม บางส่วนยื่นออกไปเหนือทะเล ด้านนอกประดับด้วยไฟหลากสี ด้านหน้ามีการ์ดแต่งชุดเสื้อโปโลสีดำยืนอยู่หลายคน ลานจอดรถกว้างด้านหน้ามีรถสปอร์ตหรูหราราคาสิบล้านอัปแทบทั้งนั้น อรนลินไม่มีความรู้เรื่องรถมากมายหรอกหรอก แต่นี่ปี 2021 สมาร์ตโฟนช่วยให้เธอมีความรู้รอบตัวพอควรและพอจำได้ว่ารถแพงๆ หน้าตาเป็นแบบไหน
“ที่นี่ทำอะไรเหรอคะ”
“สนามแข่ง ผับ”
ชายหนุ่มพารถไปจอดยังที่จอดเฉพาะ ครั้นเปิดประตูรถ อรนลินได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มแทรกซ้อนกันหลายเสียง ท่ามกลางเสียงเชียร์ครึกครื้น เขาเดินห่างไปหลายก้าว เธอรีบจ้ำอ้าวตาม สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือจอทีวีขนาดยักษ์ รถยนต์หรูสองคันกำลังส่งเสียงคำรามแข่งกันไปบนถนนลัดเลาะไปตามโนนเนินเขา หายไปในเงาแมกไม้ ด้านหน้าอาคารหลังใหญ่ถัดจากลานจอดคือจุดปล่อยรถของสนาม ถนนลาดยางลดเลื้อยสูงบ้างต่ำบ้างไปตามเนินเขา หายเข้าไปในหมู่ต้นไม้
“สนามนี้สวยเพราะด้านข้างเป็นวิวทะเล ถนนยาวและโหด อ้อมเขาตรงนั้นแล้วกลับมาเข้าเส้นชัยจุดสตาร์ต”
“โห เอารถแพงๆ มาแข่งกันเหรอคะ” เธอปราดเข้าไปเกาะกระจกทางเดิน หลังจากเดินตามร่างสูงขึ้นมาชั้นสอง
“ชอบเหรอ”
“เสียดายค่ะ รถแพงๆ ทั้งนั้น ไม่เสียดายกันเลยเหรอ”
“ของเล่นเศรษฐี พวกนี้เหลือกินเหลือใช้แล้ว”
“ถึงแบบนั้นก็เถอะค่ะ เสียดายรถ”
“เสียดายทำไม ถ้าชนะก็ได้รถคู่แข่ง กำไรเห็นๆ”
“โห อุ่นไม่เข้าใจคนรวยเลย รถไม่ใช่คันละบาทสองบาท”
“อยากลองแทงดูไหม”
“คะ”
“การแข่งทุกครั้งมีเงินเดิมพันก้อนใหญ่”
“สนามเถื่อนชัดๆ”
“เรียกว่าเป็นสถานบันเทิงสำหรับคนรวยดีกว่า ที่นี่มีสนามแข่งรถ มีผับ มีเดิมพัน แต่ห้ามอัปยา”
“ห้ามได้เหรอคะ”
“ต้องได้ ใครไม่ฟังก็เอาไปเก็บ”
อรนลินสะดุ้ง ใจวูบโหวงหล่นร่วง นี่เธอหลงเข้ามาในดงมาเฟียของจริงใช่ไหม
“ไปเถอะ หิวไม่ใช่?”
คนพูดยังคงสีหน้าเรียบเฉยดุจเดิม ร่างสูงเดินไปบนทางเชื่อม เธอจำต้องรีบก้าวตาม คราวนี้ความหวาดระแวงเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว
กลัวจะถูกพาตัวไปเก็บ
เสียงรถหายไป หน้าประตูบานหนึ่งมีการ์ดสองคนยืนคอยเปิดประตูให้กับลูกค้า พอพวกเขาเห็นปฏิพัทธ์ก็โค้งคำนับท่าทางนอบน้อมก่อนรีบเปิดประตูให้
“เธอมากับฉัน”